ตอนที่ 161

บทที่ 161 : ซุยเฮ็งสมควรตาย!

รัฐมนตรีต่างโกรธ แต่เว่ยอี้ก็ดูเหมือนจะไม่สนใจ

เขายังคงนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยท่าทีนอบน้อมและเคารพ เขาก้มศีรษะลงและพูดว่า “ ท่านเซียนผู้สูงส่ง ข้าได้ทำงานอย่างหนักเพื่อปกครองและพยายามส่งเสริมสันติภาพ อย่างไรก็ตาม มันก็มีคนเห็นแก่ตัวจำนวนมากบนโลกใบนี้ และยังไม่นับจำนวนคนที่ประกาศตนเป็นราชา”

“ มันมีแม้แต่คนที่สั่งการกองทัพและคิดจะครองโลกด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาเอง พวกเขาไม่ได้สนใจกฎหมายและบ้านเมืองเลย สิ่งนี้ทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนล้วนตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ความเข้มแข็งของประเทศนับวันมีแต่จะอ่อนแอลง มันไม่ใช่ความผิดของจักรพรรดิน้อยองค์นี้จริงๆ”

คำพูดของเว่ยอี้แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นเหยื่อเช่นกัน ในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้ปัดความรับผิดชอบของเขาออกไปจนหมด

พูดง่ายๆ ความผิดทั้งหมดก็ได้ตกไปอยู่ที่ผู้ว่าการรัฐทั้ง 11 คน

“ เฮ้ ในฐานะหัวหน้าเผ่าอนารยชน เจ้าก็ไม่สามารถแม้แต่จะควบคุมลูกน้องของเจ้าเองได้ แบบนี้แล้วเจ้าเองก็ไม่นับว่าเป็นขยะหรอ?” พยัคฆ์ขาวยังคงดูถูกเว่ยอี้ แต่เขาก็ไม่ได้วางแผนที่จะเอาเรื่องอีกฝ่ายอีกต่อไป เขาโบกมือและกล่าวว่า “ ลุกขึ้นเถอะ”

“ ขอบคุณท่านเซียนผู้สูงส่ง!” เว่ยอี้รีบยืนขึ้นและคำนับข้างๆ พยัคฆ์ขาว เขาพูดด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน “ ท่านเซียนผู้สูงส่ง เราควรจะไปที่ใดกันก่อนดี?”

“ ไปที่พระราชวังของเจ้าก่อน” พยัคฆ์ขาวรู้สึกว่าจักรพรรดิองค์นี้ดูค่อนข้างเจริญหูเจริญตา ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ ถึงเจ้าจะไร้ประโยชน์ไปหน่อย แต่เจ้าก็ยังไม่เลวเช่นกัน”

ก่อนที่เขาจะลงมายังโลกเบื้องล่าง เขาก็ได้อ่านหนังสือหลายเล่มที่บรรยายถึงดินแดนแห่งนี้

หนังสือเล่มนี้เน้นย้ำถึงสถานการณ์ของจักรพรรดิในโลกเบื้องล่าง

ในคำอธิบายของหนังสือเหล่านี้ จักรพรรดิแห่งโลกเบื้องล่างก็มักจะหยิ่งผยองมาก

และแม้ว่าภายนอกพวกเขาจะดูมีเกียรติ แต่มันก็ยากที่จะซ่อนความภาคภูมิใจในใจของพวกเขา

ด้วยเหตุนี้เอง หนังสือจึงบอกว่าสิ่งแรกที่พวกเขาควรจะทำจึงเป็นการทุบตีพวกเขาให้หลาบจำซะก่อน

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพยัคฆ์ขาวจึงแสดงพลังของเขาตั้งแต่เขาลงมาครั้งแรก

เป้าหมายของเขาคือกำจัดพวกเขาลงให้ได้ก่อน

อย่างไรก็ตาม เว่ยอี้คนนี้ก็ทำให้พยัคฆ์ขาวรู้สึกแตกต่างออกไป เขาให้ความเคารพและจริงใจมาก มันปราศจากความเย่อหยิ่งโดยสิ้นเชิง

“ เมื่อข้ากลับไป ข้าก็จะเขียนสิ่งที่ข้าเห็นที่นี่ลงในหนังสือของสำนักและบรรยายถึงจักรพรรดิที่แท้จริงของโลกเบื้องล่าง ข้าจะสามารถทำให้ทุกคนตะลึงได้อย่างแน่นอน” พยัคฆ์ขาวคิดอย่างมีความสุข

แม้ว่าเขาจะกลายเป็นเซียนปฐพีไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงเป็นแค่เด็ก

เขามักชื่นชอบในเรื่องไร้สาระที่ไม่จำเป็น!

นี่เป็นเพราะสมองของเขายังไม่โตเต็มที่ และนี่ก็ไม่ใช่ความผิดแต่อย่างใด

พยัคฆ์ขาวบังเอิญทำสัญญาวิญญาณกับอสูรเทวะพยัคฆ์ขาวตั้งแต่อายุยังน้อย ในขณะที่เขามีพรสวรรค์สูงมากและมีอายุยืนยาว มันก็ยังทำให้ความเร็วในการเติบโตของเขาช้าลงอีกด้วย

แม้ว่าเขาจะอายุมากกว่าหนึ่งร้อยปีแล้ว แต่สมองของเขาก็ยังอายุเท่ากับเด็กอายุสิบขวบ

เหตุผลที่เขาแนะนำให้ไปวังของเว่ยอี้ก็เป็นเพราะในตอนที่เขาอ่านหนังสือในสำนัก เขาก็ได้รู้ว่าในวังนั้นมีของสนุก น่าสนใจ และอร่อยอยู่มากมาย

นี่เป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจอย่างมากสำหรับเด็กน้อย

“ ท่านเซียนผู้สูงส่ง มันเป็นเกียรติมากที่ท่านอยากไปที่วังของเรา”

ในขณะนี้ เว่ยอี้ก็ยิ่งหลงไหลมากขึ้นไปอีก เขาก้มหัวลงมากขึ้นและงอหลังพร้อมกับพูดอย่างนอบน้อม

เขาดูเหมือนกับขันทีที่มักจะติดตามเขาไปทุกที่

บรรดาข้าราชการพลเรือนและทหารที่อยู่ที่นั่นล้วนตกตะลึง

พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าจักรพรรดิจะเป็นคนเจ้าเล่ห์ได้ขนาดนี้

แม้แต่เซียนแห่งโลกเบื้องบนก็ยังหลงคารมเขา

มีเพียงชูหยวนเหลียงเท่านั้นที่ก้มหัวลงด้วยท่าทางงงงวย

เขารู้สึกว่าตอนนี้เว่ยอี้กำลังมีบางอย่างผิดปกติ เขาถามด้วยความสงสัยว่า “ ฝ่าบาท ท่านกำลังพยายามจะทำอะไร?”

ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ?

นี่เป็นเพราะการกระทำของจักรพรรดิองค์ปัจจุบันไม่เข้ากับบุคลิกของเขาเลย

ในฐานะรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ชูหยวนเหลียงรู้จักบุคลิกของเว่ยอี้ดีที่สุด

เป้าหมายของเขานั้นชัดเจนมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เว่ยอี้กล่าวว่าเขาต้องการที่จะเป็นผู้ปกครองของประเทศที่ล่มสลายและไม่ยับยั้งอารมณ์ของเขาอีกต่อไป

บุคลิกภาพนี้ชัดเจนยิ่งขึ้น

เขาได้ยกเฟิงโจวให้เป็นของเหล่าคนเถื่อนในทุ่งหญ้า และยังส่งกระบี่ศักดิ์สิทธิ์หงหวู่ให้ไปทำลายล้างประเทศอีก

นอกจากนี้ การให้ผู้ว่าการรัฐทั้งหมดช่วยกันไปฆ่าซุยเฮ็งก็ยังเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

จากการกระทำทั้งหมดของเขา มันก็ดูเหมือนว่าเว่ยอี้จะไม่ได้กลัวความตายเลย

ท้ายที่สุดแล้ว จักรพรรดิจะไม่ตายหลังจากที่ประเทศถูกทำลายได้อย่างไร?

แต่กระนั้นถ้าเขาไม่กลัวความตาย แล้วเหตุใดเขาจึงยังเคารพเทพเซียนแห่งโลกเบื้องบนจนถึงขนาดเยินยออีกฝ่ายกัน?

เขามีจุดประสงค์อะไรถึงได้ทำความเคารพเช่นนี้? เขากลัวว่าหากเขาถูกสังหารโดยเซียน เขาจะไม่สามารถทิ้งชื่อของเขาไว้ในประวัติศาสตร์ได้อย่างงั้นหรอ?

ชูหยวนเหลียงไม่คิดเช่นนั้น

การถูกสังหารโดยเซียนจากโลกเบื้องบนและสูญเสียประเทศไปในที่สุด อาจกล่าวได้ว่าเป็นบุคคลแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถทำเช่นนี้ได้ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ถูกบันทึก

แต่ถ้าไม่ใช่เพื่อสิ่งนี้ แล้วมันจะทำเพื่ออะไรได้อีก?

เขาไม่สามารถเข้าใจได้

….

หลังจากนำพยัคฆ์ขาวลงมาจากเนินดินแล้ว

เว่ยอี้ก็กลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กมืออาชีพ

เขานำเซียนแห่งโลกเบื้องบนเดินไปรอบๆ วังและยังมอบสิ่งแปลกใหม่ให้เขาเล่นด้วย เขาพาพยัคฆ์ขาวไปเที่ยวฮาเร็มด้วยซ้ำ!

สิ่งนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกละอายใจเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาแทบอยากจะเขียนจดหมายลาตายในทันที

อย่างไรก็ตาม พยัคฆ์ขาวก็ดูพึงพอใจกับบริการที่มีน้ำใจของเว่ยอี้มาก และเขาก็เปลี่ยนวิธีพูดกับเว่ยอี้จากหัวหน้าเผ่าคนเถื่อนเป็นจักรพรรดิ

อย่างไรก็ตาม เว่ยอี้ก็แสดงท่าทีละอายใจเมื่อถูกเรียกว่าจักรพรรดิ เขารู้สึกว่าเขาไม่คู่ควรกับการเป็นจักรพรรดิเลย

พยัคฆ์ขาวปลอบใตเขาและบอกว่านี่ไม่ใช่ความผิดของเขา มันเป็นเพราะผู้ว่าการรัฐเหล่านั้นน่ารังเกียจเกินไป

หลังจากเที่ยวชมวังทั้งหมดแล้ว ทันใดนั้นพยัคฆ์ขาวก็พูดกับเว่ยอี้ว่า “ ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าสาเหตุที่ประเทศนี้อ่อนแอลงก็เป็นเพราะผู้ว่าการรัฐหลายคนไม่เคารพคำสั่งของราชสำนักอย่างนั้นใช่ไหม? งั้นใครกันในบรรดาผู้ว่าการรัฐเหล่านี้ที่ย่ำแย่ที่สุด”

เว่ยอี้ตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น จากนั้นจู่ๆ เขาก็คุกเข่าลงต่อหน้าพยัคฆ์ขาวและพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยว่า “ มันคือซุยเฮ็ง ผู้ว่าการรัฐเฟิงโจว ซุยเฮ็ง!”

“ ผู้ว่าการรัฐเฟิงโจว ซุยเฮ็ง?” พยัคฆ์ขาวพยักหน้าและหัวเราะเบาๆ “ เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว ไม่ต้องกังวล”

….

เช้าวันรุ่งขึ้น

พยัคฆ์ขาวนั่งอยู่บนราชรถสีทองของเขา

เมฆมงคลรวมตัวกันอยู่ใต้ราชรถสีทองโดยอัตโนมัติ และเซียนมนุษย์ทั้งสิบก็เดินตามหลังมา

เซียนมนุษย์ที่มีอายุมากแล้วคนหนึ่งเดินมาที่ราชรถสีทองและถามอย่างเป็นห่วงว่า “ บุตรเซียน เจ้าจะล้างแค้นแทนจักรพรรดิองค์นั้นจริงหรอ?”

“ ทำไมล่ะ? มันมีปัญหาอะไรรึเปล่า?” พยัคฆ์ขาวมองไปที่เซียนมนุษย์และพูดด้วยเสียงต่ำ “ อันที่จริง นี่ก็ไม่ใช่แต่การระบายความโกรธให้เขาเท่านั้น แต่มันยังเกี่ยวข้องกับผลึกน้ำค้างสวรรค์อีกด้วย”

“ ต้าจินนี้อ่อนแอเกินไป ในตอนที่ราชรถทองลงมาถึงเมืองหลวง มันก็เก็บได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในท้ายที่สุดแล้ว มันก็อาจจะไม่สามารถควบแน่นได้ถึง 2,000 ผลึกด้วยซ้ำไป นี่มันน้อยเกินไป”

“…” เซียนมนุษย์เงียบลง

การลงมายังโลกเบื้องล่างเพื่อรวบรวมผลึกน้ำค้างสวรรค์นั้นมีประโยชน์อย่างมาก

อย่างไรก็ตาม การลงมายังเมืองหลวงของราชวงศ์ในปัจจุบันก็เป็นสิทธิพิเศษที่มีเฉพาะสำนักเซียนทั้งเก้าเท่านั้น ตระกูลขุนนางสามารถสืบเชื้อสายลงไปยังรัฐอื่นๆ เพื่อรวบรวมผลึกน้ำค้างสวรรค์ได้เท่านั้น

ความแตกต่างของผลประโยชน์ระหว่างทั้งสองนั้นแตกต่างกันอย่างมาก

สำนักเซียนที่สืบเชื้อสายลงมาจากเมืองหลวงของจักรพรรดิสามารถใช้อาวุธเซียนเพื่อรวบรวมพลังอันไร้รูปแบบของทั้งประเทศผ่านสถานะพิเศษของเมืองหลวงได้

และโดยปกติแล้ว มันก็จะมีผลึกน้ำค้างสวรรค์มากกว่า 5,000 ชิ้นที่ควบแน่นที่นี้

เมื่อก่อนอาจมีมากสุดถึง 6,000 หรือมากกว่า 8,000 ก็ได้

นี่เป็นเหตุผลที่ตระกูลชนชั้นสูงสามารถรวบรวมได้เพียงไม่กี่สิบเม็ด

ท้ายที่สุดแล้ว พลังไร้รูปแบบส่วนใหญ่ในประเทศก็ได้ถูกรวบรวมโดยสำนักเซียนไปแล้ว

สิ่งที่เหลืออยู่เป็นเพียงเศษซากเท่านั้น

สำนักเซียนอนุญาตให้ตระกูลชนชั้นสูงลงมายังโลกเบื้องล่างเพื่อรวบรวมผลึกน้ำค้างที่เหลืออยู่

สุนัขจะต้องได้รับกระดูก

อย่างไรก็ตาม กำไรที่ได้รับในครั้งนี้ก็ต่ำมากจนน่าตกใจ มันมีไม่ถึง 2,000 ผลึกด้วยซ้ำ!

นี่หมายความว่าประเทศนี้อยู่ในสถานการณ์ที่อาจจะล่มสลายได้ทุกเมื่อ

ถ้าเขาต้องการจะเพิ่มจำนวนของผลึกน้ำค้างสวรรค์ วิธีที่ดีที่สุดก็คือการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับประเทศนี้

ด้วยวิธีนี้ เมื่อเขากลับไปยังโลกสูญสวรรค์ เขาก็จะสามารถเก็บผลึกน้ำค้างสวรรค์ได้มากขึ้น

ภายใต้คำใบ้อย่างต่อเนื่องของเว่ยอี้ พยัคฆ์ขาวก็เชื่ออย่างนิ่งนอนใจแล้วว่าตราบเท่าที่เขาฆ่าซุยเฮ็งลงได้ พลังของต้าจินก็จะเพิ่มขึ้น

นี่คือเหตุผลที่พยัคฆ์ขาวตัดสินใจโจมตีซุยเฮ็ง

การล้างแค้นให้เว่ยอี้นั้นเป็นเพียงโบนัสเท่านั้น

“ เจ้ากังวลว่าข้าจะจัดการกับซุยเฮ็งไม่ได้หรอ?” พยัคฆ์ขาวมองผ่านความคิดของเซียนมนุษย์และหัวเราะเบาๆ “ มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ข้าเป็นเซียนปฐพี ในช่วง 3,000 ปีที่ผ่านมา มันก็มีเฟิงเซียผู้สมบูรณ์แบบเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ปรากฏตัวขึ้น”

แบบนี้แล้วซุยเฮ็งจะสามารถแข็งแกร่งเท่ากับเหิงเซียผู้สมบูรณ์แบบได้หรือไม่?

เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้

….

พยัคฆ์ขาวมีสถานะที่สูงมากในสำนักเซียนฝึกอสูร

ราชรถสีทองที่เขานั่งมานั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์เซียนระดับเทวาที่สามารถเดินทางได้ 30,000 ลี้ต่อวัน

ด้วยเหตุนี้เอง ในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน พยัคฆ์ขาวจึงมาถึงท้องฟ้าเหนือเมืองฉางเฟิงแล้ว

เขามองลงมาจากก้อนเมฆและเห็นประชาชนนับไม่ถ้วนใช้ชีวิตและทำงานกันอย่างสงบสุข สิ่งที่เขาเห็นเต็มไปด้วยพลังและความีชีวิตชีวา

“ ตามคาด พวกมันสมควรถูกฆ่า!” การแสดงออกของพยัคฆ์ขาวมืดมนลงในขณะที่เขาตะคอก “ คนเหล่านี้ไม่ได้อยู่ภายใต้การปกครองของต้าจิน”

นี่เป็นการตัดพลังของต้าจินและลดทอนผลึกน้ำค้างสวรรค์ของข้า!

ซุยเฮ็งผู้ว่าการรัฐเฟิงโจวสมควรถูกฆ่า!”

ในเวลาเดียวกัน เจิงหนานซุนซึ่งอยู่ในสำนักงานว่าการก็สัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าที่ลงมาจากท้องฟ้า เธอตกใจมากในทันที “ ออร่านี้... เซียนปฐพี?!”

แต่ก่อนที่เธอจะทันได้พูด ผู้รับใช้สุดแกร่งที่อยู่ห่างไกลออกไปก็ได้ขยับตัวแล้ว

“ เจตนาฆ่า!”

เสียงที่หยาบกระด้างของผู้รับใช้สุดแกร่งนั้นฟังดูเหมือนกับเสียงฟ้าร้องที่ดังก้องไปทั่วสำนักงานว่าการ

บู้มมมม!

พื้นดินสั่นสะเทือน

ผู้รับใช้สุดแกร่งที่สูง 16.5 เมตรกระโดดขึ้นไปบนก้อนเมฆ

เขามาถึงก่อนที่พยัคฆ์ขาวจะทันได้ชี้นิ้วไปที่ด้านล่าง

“????!”