ตอนที่ 235

บทที่ 235 : หม้อใบใหญ่

ขอบเขตที่หกของโลกเซียนนั้นต่างจากขอบเขตรวมวิญญาณ

อันที่จริง ซุยเฮ็งก็เคยคาดเดาทำนองนี้มาก่อนแล้ว

ในแง่หนึ่ง ขอบเขตของการฝึกเต๋ายุทธ์และการฝึกตนเซียนนั้นก็ไม่สามารถสอดคล้องกันได้อย่างสมบูรณ์

ในทางกลับกัน มันก็เป็นเพราะช่องว่างระหว่างขอบเขตแก่นแท้ทองคำขั้นสมบูรณ์และขอบเขตรวมวิญญาณนั้นใหญ่เกินไป จากวิธีการฝึกตนของขอบเขตเซียนทอง มันก็เป็นไปได้ว่าระบบการฝึกเต๋ายุทธ์นั้นจะไม่สามารถก้าวกระโดดครั้งใหญ่แบบนี้ได้

อย่างไรก็ตาม การคาดเดากับความจริงก็เป็นสองแนวคิดที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการฝึกตน

หลังจากที่ซุยเฮ็งได้รู้ว่าขอบเขตปราชญ์คืออะไร การฝึกตนของเขาก็เพิ่มขึ้น

ในขณะนี้ โครงร่างของตัวอ่อนวิญญาณในตำหนักหนี่วานของเขาก็ชัดเจนมากแล้ว มันดูเหมือนกับเด็กแรกเกิด และใบหน้าของมันก็เหมือนกับตอนที่เขายังเด็ก

จากสิ่งนี้ จะเห็นได้ว่าข้อมูลที่เขาได้รับมาจากยอดนักบุญสวรรค์นั้นทำให้การฝึกตนของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

“ นี่เป็นสัตว์ประหลาดที่มีประสบการณ์สูงจริงๆ” ซุยเฮ็งมีความสุขมากในใจของเขา แต่บนพื้นผิว เขาก็เก็บหยดเลือดปราชญ์เข้าไปไว้ในแขนเสื้ออย่างใจเย็น เขามองไปที่ยอดนักบุญสวรรค์อีกครั้งและพูดอย่างเฉยเมยว่า “ ว่าต่อได้”

ยอดนักบุญสวรรค์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ ในตอนที่เขาเห็นซุยเฮ็งฆ่าผู้อาวุโสทั้งเก้า หัวใจของเขาก็ได้ตกไปอยู่ที่แทบเท้า

เขากลัวว่าเขาจะสูญเสียคุณค่าของเขาไปและซุยเฮ็งจะฆ่าเขา

“ ขอบคุณสวรรค์ เขายังต้องการให้ข้าว่าต่อไป ดีแล้ว ข้ายังมีค่า…” ยอดนักบุญสวรรค์ปรับอารมณ์เล็กน้อยและพูดด้วยความเคารพว่า “ หลังจากที่พ่อของข้า เทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอกลับมา…”

ก่อนหน้านี้เขาได้กลับมาคนเดียวเมื่อ 6,700 ปีที่แล้ว เนื่องจากการปนเปื้อนจากเลือดปราชญ์ เขาจึงใช้เคล็ดวิชาลับเพื่อแทนที่แก่นแท้เซียนของเขากับเทพดวงดาวของดาวเต๋าโจวเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเขาเองถูกกัดกร่อนโดยเลือดปราชญ์

หลังจากเปลี่ยนแก่นแท้ทองคำที่ปนเปื้อนออกจากร่างกายของเขาแล้ว ในที่สุดสภาพของเทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอก็กลับมาเป็นปกติ แต่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะอยู่ในดาวเต๋าโจวต่อไปเป็นเวลานาน

เขาสั่งให้เจ้าสำนักของตำหนักเต๋าอี้ในเวลานั้นช่วยเขารวบรวมวัสดุหายากเพื่อเติมพลังงานของเรือเหาะ

จากนั้นเขาก็ขี่มันและออกจากดาวเต๋าโจวไป

สิ่งนี้แตกต่างเล็กน้อยจากสิ่งที่ซวนเช่อบันทึกไว้ในหนังสือ

หนังสือกล่าวว่าเทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอได้ใช้วัสดุล้ำค่าเหล่านั้นเพื่อสร้างเรือเหาะและบินจากไป แต่ยอดนักบุญสวรรค์ก็กล่าวว่าวัสดุล้ำค่าเหล่านั้นเป็นเพียงการเติมเต็มพลังงานให้กับเรือเหาะ

ซุยเฮ็งเชื่อในสิ่งหลังมากกว่า

ท้ายที่สุดแล้ว เรือเหาะนั่นก้ไม่ใช่สิ่งที่เซียนทองจะสามารถสร้างได้ แม้แต่เซียนอนันต์ทองหรือปราชญ์ก็ยังไม่น่าจะทำได้

“ ถ้าฉันสามารถหาเรือเหาะได้นี้ ฉันก็อาจจะสามารถหาวิธีเดินทางผ่านอวกาศได้อย่างปลอดภัยได้” ซุยเฮ็งคิดกับตัวเอง มันค่อนข้างล่อตาล่อใจ

เมื่อเขาไปถึงขอบเขตรวมวิญญาณขั้นกลางหรือขั้นปลายในอนาคต เขาก็น่าจะต้องออกสำรวจเส้นทางสู่จักรวาลอันกว้างใหญ่ และในตอนนี้เขาก็ควรจะเริ่มวางแผนล่วงหน้าและเตรียมการบางอย่างแล้ว

พาหนะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้โดยธรรมชาติ

ด้วยเหตุนี้เอง ซุยเฮ็งจึงเริ่มถามว่า “ ข้าได้ยินมาว่าหลังจากที่เทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอออกจากยาน เขาก็ได้ลงจอดที่ดาวเทียนจู?”

“ เรียนท่านปราชญ์ที่เคารพ เขาไม่ได้ลงจอดที่นั่น” ยอดนักบุญสวรรค์ส่ายศีรษะและกล่าวว่า “ พ่อบอกข้าว่าเขากังวลเล็กน้อยว่าพลังงานที่มีนั้นอาจจะไม่เพียงพอที่จะข้ามผ่านอวกาศอันไกลโพ้น”

“ ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อเขาเดินทางผ่านดาวเทียนจู เขาจึงใช้ตำหนักนักบุญสวรรค์เพื่อสกัดเอาแก่นแท้ของโลกบางส่วนมาจากดาวเทียนจู่เพื่อเติมพลังงานให้กับเรือเหาะ อย่างไรก็ตาม มันก็มีบางอย่างเกิดขึ้น…”

ปรากฎว่าในช่วง 300 ปีที่เทพเต๋าได้นำราชสำนักสวรรค์เต๋าอี้ทั้งหมดออกมาจากดาวเต๋าโจว เซียนทองครึ่งขั้นรุ่นเยาว์ก็ได้ขับเรือเหาะลำนี้ไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว เขาวางแผนที่จะใช้แก่นแท้ของดาวเทียนจูเพื่อฝึกฝนเคล็ดวิชายุทธ์

เคล็ดวิชายุทธ์นี้ทรงพลังอย่างมาก ตราบใดที่ใครสามารถเชี่ยวชาญมันได้ พวกเขาก็จะสามารถดูถูกดูแคลนผู้ฝึกตนทั้งหมดในระดับเดียวกันได้

อย่างไรก็ตาม ความยากในการฝึกมันเองก็สูงมากเช่นกัน

หากเขาสามารถใช้พลังที่สร้างขึ้นมาเพื่อทะลวงผ่านไปยังขอบเขตเซียนทองได้ โอกาสในการประสบความสำเร็จก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

และในตอนที่เทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอลงมาถึงยังดาวเทียนจูเพื่อสกัดพลังแห่งแก่นแท้ เซียนทองครึ่งขั้นนี้ก็ได้อยู่ห่างจากการย่อยแก่นแท้เซียนในร่างกายของเขาไปเพียงเล็กน้อยแล้วเท่านั้น เขาอยู่ห่างจากการฝึกเคล็ดวิชานั้นจนสำเร็จอีกเพียงแค่ก้าวเดียว

และหากเทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอมาถึงช้ากว่านี้สักหนึ่งหรือสองวัน เขาก็คงจะประสบความสำเร็จไปแล้ว

แต่เขาก็ขาดเวลาไปนิดหน่อย

เนื่องจากเคล็ดวิชานี้มีข้อกำหนดที่เข้มงวดมากสำหรับสภาพแวดล้อมสำหรับการฝึก ดังนั้นมันจึงต้องฝึกในแกนกลางของโลกโดยจะต้องไม่ถูกรบกวน มิฉะนั้นแล้ว มันก็มีโอกาสมากที่คนๆ นั้นจะต้องทนทุกข์ทรมานจากการผันผวนของปราณและตัวระเบิดตายในทันที

ด้วยเหตุนี้เอง ในตอนที่เทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอสกัดแก่นแท้จากแกนกลางของดาวเทียนจู พลังในร่างกายของเซียนทองครึ่งขั้นคนนั้นจึงเกิดคลุ้มคลั่ง เขากลายเป็นคนบ้าและพละกำลังของเขาก็เพิ่มขึ้นจนถึงขอบเขตเซียนทอง

เขาตกไปอยู่ในความบ้าคลั่งอย่างสมบูรณ์ เขารีบพุ่งออกมาจากแกนกลางของดาวเคราะห์และเริ่มต่อสู้กับเทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอ

เทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอเป็นเซียนทองที่มากประสบการณ์และอยู่ห่างจากขอบเขตเซียนอนันต์ทองเพียงก้าวเดียว ด้วยเหตุนี้เอง แม้ว่าพลังในร่างกายของเซียนทองครึ่งขั้นจะแข็งแกร่งและการฝึกตนของเขาก็จะทรงพลัง แต่เขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอ

ในท้ายที่สุด เซียนทองครึ่งขั้นก็ถูกเทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอทุบตีจนตาย สิ่งนี้ทำให้ดาวเทียนจูเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน และนี่ก็เป็นสถานการณ์ที่ซวนเช่อสังเกตเห็นบนดาวเต๋าโจว

หลังจากที่เซียนทองครึ่งขั้นเสียชีวิต แก่นแท้เซียนของเขาก็ยังคงอยู่ หลังจากที่เทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอรวบรวมมันแล้ว เขาก็พบถ้ำที่สร้างขึ้นโดยเซียนทองครึ่งขั้นคนนั้น และนอกจากนี้ เขาก็ยังได้รับเคล็ดวิชาลับนั้นมาอีกด้วย

และจากนั้นเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับความหวาดกลัวจนแทบจะกลายเป็นบ้า

ปรากฎว่าชื่อของเซียนทองครึ่งขั้นคนนั้นคือหลี่ฟา เขาเป็นศิษย์ผู้สืบทอดของสำนักมรณาเก้าสวรรค์ซึ่งเป็นสำนักขนาดใหญ่ในดาวชงหยาง นอกจากนี้ เขาก็ยังเป็นศิษย์ส่วนตัวของเซียนอนันต์ทองและยังได้รับการดูแลจากปราชญ์

เขาไม่รู้เลยว่าดาวชงหยางอยู่ที่ไหน และไม่รู้ว่าสำนักมรณาเก้าสวรรค์นั้นทรงพลังเพียงใด อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้ว่าเซียนอนันต์ทองคืออะไร และเขาก็รู้ว่าปราชญ์นั้นคืออะไร

คนเหล่านี้ไม่ใช่คนที่เขาจะสามารถไปยั่วยุด้วยได้

ในเวลาเดียวกัน เขาก็ตระหนักได้ว่ามันมีตราประทับบนร่างกายของเขาในบางจุด ตรานี้ดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ไกลออกไป

และมันก็เพียงพอแล้วที่จะติดตามเขามาด้วยการเชื่อมต่อนี้

ด้วยเหตุนี้เอง เทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอจึงยอมแพ้ที่จะก้าวข้ามผ่านอวกาศและเลือกที่จะกลับไปที่ดาวเต๋าโจว เขาหนีเข้าไปในโลกสูญสวรรค์และอาศัยพลังของตำหนักเอกาสวรรค์เพื่อแยกการเชื่อมต่อนี้ชั่วคราว