ตอนที่ 215

บทที่ 215 : อีกด้านของจักรพรรดินี

มังกรเพลิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่สร้างขึ้นมาโดยคาถาของซุยเฮ็ง

แม้ว่ามันจะมีจิตวิญญาณที่สมบูรณ์ แต่มังกรเพลิงก็ยังเป็นส่วนเสริมของการรับรู้ของซุยเฮ็ง

ด้วยเหตุนี้เอง ซุยเฮ็งจึงสัมผัสได้ถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับฮั่วซื่อ

รวมถึงการทำลายตนเองของเย่หยุนและแขนที่เหลือของเขา

จากจุดทั้งสองนี้ ซุยเฮ็งก็เข้าใจสถานการณ์ของเย่หยุนได้อย่างคร่าวๆ

มันเทียบได้กับขอบเขตแก่นแท้ทองคำขั้นกลาง แต่กระนั้น ความแข็งแกร่งของเขาก็อ่อนแอกว่าเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม อายุขัยของเขาก็ผิดปกติมาก

เมื่อพิจารณาจากแขนนั้น เย่หยุนก็มีอายุอย่างน้อย 7,000 ปีแล้ว สิ่งนี้มันเกินขีดจำกัดอายุขัยที่ผู้ฝึกตนขอบเขตที่สี่จะไปถึงได้ไปแล้ว

ซุยเฮ็งได้รับคู่มือลับมาจากตำหนักมหาราชันบนดวงจันทร์ มันบันทึกเคล็ดวิชาลับของตำหนักมหาราชันเอาไว้ และยังชี้ไปที่เส้นทางที่จะบุกทะลวงไปสู่ขอบเขตเซียนทอง

นอกจากนี้ มันก็ยังอธิบายลักษณะของขอบเขตที่สี่ของโลกเซียน

มันคือ “ขอบเขตลึกลับแห่งร่างธรรม"

ขอบเขตนี้จำเป็นจะต้องไปให้ถึงขอบเขตที่สามของโลกเซียนก่อน กระบวนการบรรลุขั้นกายธรรมหมายถึงผู้ที่สามารถใช้อักขระรูนเต๋าก่อตัวเป็นตราแห่งพลังศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่จะขัดเกลาเป็นร่างธรรมได้ในที่สุด

หลังจากขัดเกลาร่างธรรมแล้ว คนๆ หนึ่งก็จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้เป็นพันปี แน่นอนว่านี่เป็นเพียงอายุขัยปกติ

ในทางทฤษฎี เราก็สามารถยืดอายุขัยออกไปได้ด้วยการใช้ยาอายุวัฒนะหรือฝึกฝนเคล็ดวิชาพิเศษเพื่อทำให้อายุยืนยาว แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ควรจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้แค่ประมาณ 5,000 ปีเท่านั้น

กระนั้น อายุขัย 7,000 ปีของเย่หยุนก็เกินขีดจำกัดเดิมที่ 5,000 ปีไปไกลแล้ว

นอกจากนี้ สภาพร่างกายของเขาก็ยังแปลกประหลาดมาก

เนื้อของเขามีแมลงสีม่วงดำจำนวนนับไม่ถ้วน มันให้ความรู้สึกราวกับว่าทั้งตัวของเขาทำมาจากแมลงสีม่วงดำเหล่านี้

“ เป็นเพราะแก่นแท้เซียนที่เขาได้รับเมื่อ 3,000 ปีที่แล้วหรือเปล่านะ” ซุยเฮ็งคิดกับตัวเอง เขานึกถึงปีศาจไร้เทียมทานที่เขาเคยพบในต้าจิน

ปีศาจตนนั้นเองก็เต็มไปด้วยพลังสีม่วงดำที่แปลกประหลาดแบบนี้เช่นกัน

นอกจากนี้ มันก็ยังมีตำหนักมหาราชันบนดวงจันทร์

“ พลังสีม่วงดำนี้คืออะไรกันแน่?” ซุยเฮ็งขมวดคิ้ว เขาเต็มไปด้วยความสงสัย

จนถึงวันนี้ เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าพลังของแมลงปีศาจมลายนภานั้นคืออะไร และเขาก็ไม่รู้ว่ามันมีความลับอะไรซ่อนอยู่

ความไม่รู้นี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ นอกจากนี้ มันก็ยังเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาไม่อยากจะลงมือทำอะไรด้วยตนเอง

“ เทพลึกลับไท่อี้คนนั้นไม่คืนชีพเพราะฮั่วซื่อเฝ้าอยู่ที่นั่นรึเปล่านะ?”

ซุยเฮ็งยังคงให้ความสนใจกับสถานการณ์ของเย่หยุนและคิดกับตัวเองว่า “ จากการรับรู้ทางวิญญาณที่อยู่ในแขนนั่น ชายคนนั้นก็น่าจะยังไม่ตาย และเขาก็ยังไม่ได้จากไปไหนไกล”

“ เขาฟื้นขึ้นมาที่ไหนใกล้ๆ รึเปล่านะ? เขาอาจจะอยู่ในถ้ำนั้นก็ได้? หากเป็นเช่นนั้น ฉันจะสั่งให้ฮั่วซื่อพลิกภูเขาทั้งลูกเลยดีไหม…?”

สำหรับมังกรเพลิงขอบเขตแก่นแท้ทองคำขั้นปลาย มันก็ไม่ยากเลยที่จะถอนรากถอนโคนภูเขาสูงนับแสนฟุต

และตราบใดที่มันถอนภูเขาทั้งลูกได้ มันก็จะสามารถนำอีกฝ่ายกลับออกมาได้

ยิ่งไปกว่านั้น ตราบใดที่พวกเขาเตรียมพร้อมในครั้งนี้และปล่อยให้ฮั่วซื่อใช้พลังปราณเพื่อแทรกแซง พวกเขาก็จะสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์แบบก่อนหน้านี้ได้

ด้วยความแข็งแกร่งของฮั่วซื่อ การหยุดเทพลึกลับไท่อี้จากการทำลายตนเองนั้นก็ไม่นับว่าเป็นปัญหาใดๆ

“ ท่านอาจารย์!”

ในขณะนี้ เสียงของเป่ยฉิงซูก็ดังมาจากข้างนอก

“ มีอะไร?” ซุยเฮ็งหยุดคิดและยืนขึ้นเพื่อเปิดประตูแล้วถาม

“ คารวะท่านอาจารย์” เป่ยฉิงซูโค้งคำนับก่อน จากนั้นเขาก็พูดว่า “ ท่านอาจารย์ หลี่หมิงเฉียงต้องการจะพบท่าน”

ซุยเฮ็งตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนที่จะหัวเราะเบาๆ “ เอาสิ”

….

ในโถงรับรองของลานบำรุงใจ

หลี่หมิงเฉียงสวมชุดสีขาวเหมือนพระจันทร์และแต่งตัวเหมือนผู้หญิงธรรมดา แม้ว่าเธอจะยังมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม แต่เธอก็ไม่ได้มีออร่าที่สง่างามของจักรพรรดินีอีกต่อไป

เธอนั่งอยู่ที่นั่นโดยเอาเท้าชิดกันและก้มศีรษะลง ฟันของเธอกัดริมฝีปากสีแดงของเธอในขณะที่เธอถูนิ้วเรียวยาวของเธอไปมา

เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังประหม่ามาก

ในขณะนี้ หยูเว่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างเธอก็กำลังอึ้งตะลึงงัน

เธอเป็นคนที่ใกล้ชิดกับจักรพรรดินีมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่เคยเห็นจักรพรรดินีแสดงท่าทีร้อนใจ ประหม่า และดูสมกับเป็นผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย

นี่มันไร้สาระเกินไป!

ใครก็ตามที่เห็นการแสดงออกในปัจจุบันของจักรพรรดินีจะต้องคิดว่าพวกเขากำลังเห็นภาพหลอนแน่

ครู่หนึ่ง หยูเว่ยก็ไม่รู้จะพูดอะไร

หลังจากนี้เธอจะยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้ไหม?

อย่างไรก็ตามจักรพรรดินีก็ได้มาพบกับอาจารย์ของเป่ยฉิงซู แบบนั้นแล้วทำไมเธอถึงต้องกังวลและแสดงท่าทีไม่สบายใจด้วย

สิ่งนี้ไม่สมเหตุสมผลเลย

เป็นไปได้ไหมว่าจักรพรรดินีจะรู้จักอาจารย์ของเป่ยฉิงซูด้วย?

ในขณะนั้นเอง มันก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก

หลี่หมิงเฉียงดูมีอาการตื่นตระหนก เธอยืนตรงและจัดท่าทางของเธอโดยไม่รู้ตัว เธอกระซิบกับหยูเว่ยข้างๆ เธอว่า “ ผมและเสื้อผ้าของข้ายุ่งเหยิงรึเปล่า”

“ ไม่เลย ท่านดูสมบูรณ์แบบ” หยูเว่ยกล่าวตามความเป็นจริง

ในขณะนี้ เธอก็รู้สึกตกใจมากขึ้นไปอีกขั้น จักรพรรดินีมีความเคารพต่อบุคคลที่เธอกำลังจะได้พบมากจริงๆ

หลังจากนั้นไม่นาน ซุยเฮ็งก็มาถึง เป่ยฉิงซูติดตามเขามาด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยความเคารพ

“ ฝ่าบาท นี่คืออาจารย์ของ…” หยูเว่ยพยายามจะแนะนำซุยเฮ็งให้กับหลี่หมิงเฉียง อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เธอพูดขึ้น เธอก็ได้เห็นหลี่หมิงเฉียงคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความเคารพและก้มหัวให้กับซุยเฮ็ง

“ ศิษย์หลี่หมิงเฉียงคารวะท่านประมุขเซียน!”

“???” หยูเว่ยตกตะลึงอย่างหนักเมื่อเห็นสิ่งนี้ เธอตกตะลึงอย่างสมบูรณ์และเธอก็ไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทันเวลา

ไม่นาน ใบหน้าของเธอก็เผยให้เห็นถึงความเหลือเชื่อและความตกใจอย่างมากอย่างรวดเร็ว

ทันทีหลังจากนั้น เธอก็รีบคุกเข่าลงเช่นกัน

ตามปกติแล้ว เธอจะไม่คุกเข่าได้อย่างไรในเมื่อจักรพรรดินีของเธอคุกเข่าแล้ว?

ซุยเฮ็งหยุดเดินและมองไปที่หญิงสาวที่กำลังคุกเข่าต่อหน้าเขา เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

อันที่จริง รูปลักษณ์ของหลี่หมิงเฉียงก็ค่อนข้างดูแปลกตาสำหรับเขา

ท้ายที่สุดแล้ว ในตอนที่เขายังอยู่ในพื้นที่มิติสำหรับผู้เริ่มต้น หลี่หมิงเฉียงก็ยังอายุเพียงเก้าขวบและเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เท่านั้น

แต่ตอนนี้ เธอก็โตขึ้นมากแล้ว

มีคำกล่าวว่าผู้หญิงจะเปลี่ยนไปเมื่อโตขึ้น ไม่ต้องพูดถึงว่าหลี่หมิงเฉียงมีประสบการณ์มากมายนับไม่ถ้วนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและได้ปกครองราชวงศ์ต้าโจวมานานกว่า 70 ปีในฐานะจักรพรรดินีเลย

ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อเขาเห็นหลี่หมิงเฉียงอีกครั้ง ซุยเฮ็งจึงมีเพียงความรู้สึกเดียว

ความไม่คุ้นเคย

เขาแทบไม่เห็นร่องรอยของเด็กหญิงตัวเล็กในตัวผู้หญิงคนนี้เลย

อย่างไรก็ตาม เมื่อหลี่หมิงเฉียงคุกเข่าลงบนพื้น ซุยเฮ็งก็รู้สึกได้ว่าร่างนี้ได้ทับซ้อนกับร่างของเด็กหญิงตัวเล็กในตอนนั้น

“ พี่ชายเจ้ากลับมาแล้วรึยังล่ะ” จู่ๆ ซุยเฮ็งก็ถามขึ้น

ร่างกายของหลี่หมิงเฉียงสั่นเล็กน้อย หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวและพูดว่า “ ตอนนี้ข้ายังไม่พบเบาะแสใดๆ เกี่ยวกับเขาเลย”

“ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็คงจะต้องทำงานหนักต่อไปและมีชีวิตอยู่ให้ยืนยาวขึ้นจนกว่าจะถึงวันที่เขากลับมาสินะ” ซุยเฮ็งมองไปที่หลี่หมิงเฉียงและยิ้ม “ ลุกขึ้นเถอะ ศิษย์ของข้าไม่ต้องคุกเข่า”

ศิษย์?!

เป่ยฉิงซูซึ่งยืนอยู่ด้านข้างเผยให้เห็นร่องรอยของความสุขในดวงตาของเขา เขามีความสุขแทนหลี่หมิงเฉียง หลี่หมิงเฉียงเองก็เกือบจะร้องไห้น้ำตาแตกเนื่องจากความปิติยินดีเมื่อเธอได้ยินสิ่งนี้

อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านมาหลายปี เธอก็สามารถควบคุมอารมณ์ของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถึงอย่างนั้น น้ำตาของเธอก็ยังไหลออกมาไม่หยุดจริงๆ

ในท้ายที่สุด เธอก็พูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ “ ท่านอาจารย์!!”

จากนั้นหลี่หมิงเฉียงก็ค่อยๆ ยืนขึ้นและลดศีรษะลงเพื่อยืนข้างหน้าซุยเฮ็ง นิ้วของเธอยังคงไขว่อยู่ในขณะที่เธอเล่นกับมัน เธอดูเหมือนกับเด็กผู้หญิงขี้อายที่กำลังเผชิญหน้ากับครู

“ นั่งลงเถอะ” ซุยเฮ็งชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆ เขาและพูดกับเป่ยฉิงซูว่า “ ฉิงซูออกไปข้างนอกก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับหมิงเฉียง”

“ ข้าเข้าใจแล้ว!” เป่ยฉิงซูคำนับและจากไป

“ ฝ่าบาท งั้นข้าก็ขอลาด้วย…” หยูเว่ยยังคงสุขุมรอบคอบ

“ ไปเถอะ” หลี่หมิงเฉียงพยักหน้า

ในขณะนี้ มันก็เหลือเพียงซุยเฮ็งและหลี่หมิงเฉียงที่อยู่ในห้องโถงรับรองแขก

“ ท่านอาจารย์ ข้า…” หลี่หมิงเฉียงดูเหมือนจะต้องการพูดอะไรบางอย่าง

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เธอกำลังจะพูดมันออกมา เธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี

เธอหยุดชั่วครู่

มันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เธออยากจะพูดตลอดหลายปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี

“ อย่าเพิ่งคุยเรื่องอื่นเลย” ซุยเฮ็งส่ายหัวเล็กน้อยและขมวดคิ้วขณะที่เขาพูดอย่างจริงจัง “ มีบางอย่างผิดปกติกับการฝึกตนของเจ้า ร่างกายของเจ้านั้นไม่ถูกต้อง ข้าจะช่วยเจ้าตรวจสอบก่อน”