ตอนที่ 124 - บทที่ 124 ขอแสดงความยินดีด้วย เจ้าเดาถูก!

บทที่ 124 ขอแสดงความยินดีด้วย เจ้าเดาถูก!

ทุกคนของจ้าวเจียเป่าอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับความดุดันของเฉินฟาน และพวกเขาก็ยืนอยู่ที่นั่นอย่างโง่เขลาและนึกถึงสิ่งที่พวกเขาได้ยินก่อนหน้านี้

ดังนั้น..

เจ้าเด็กเหลือขอจากเฉินเจียไจ้คนนี้ไม่เหมือนที่พวกเขาจินตนาการไว้ เขาไม่ได้เป็นคนเอาธนูมาประจบประแจงพี่สาม?

ตรงกันข้ามเขามาถามราวกันออกคำสั่งอีกด้วย?

เขากล้าดียังไง?

ทุกคนในทีมต่างมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง

แม้แต่จ้าวซานเองก็ตกตะลึงเช่นกัน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้แต่พี่ชายทั้งสองก็ไม่เคยใช้น้ำเสียงแบบนี้กับเขาเลย ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆในหมู่บ้าน

แต่เจ้าเด็กตรงหน้านี้กลับกล้าพูดแบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า?

ไอ้เด็กเชี่ยนี้เป็นใครวะ? ใครเป็นคนมอบความกล้าขนาดนี้ให้เขาเหรอ?

“เจ้าเด็กตัวเหม็น เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังพูดกับใครอยู่” ชายปากเบี้ยวเป็นคนแรกที่ตอบสนองและตะโกนออกมา "ตอนนี้..มาตรงนี้ทันที..คุกเข่าลงและขอโทษพี่สามซ่ะ ไม่อย่างนั้นไม่ต้องพูดว่าแค่เจ้าที่ต้องตาย แม้ว่าจะเป็นหมู่บ้านตระกูลเฉินทั้งหมดของเจ้าก็ต้องหายไปจากโลกนี้ด้วย!”

“ถูกต้องแล้ว เจ้าสารเลว กล้าพูดกับพี่สามของเราแบบนั้นได้อย่างไร ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่”

“ทำไมพวกเจ้าถึงยังพูดเรื่องไร้สาระกับเขาอีกล่ะ ฆ่าเขาซะ!”

หลายคนกำลังพูดคุยกันอย่างโกธรแค้น แต่พวกเขาไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเลย อย่างน้อยๆพวกเขาก็ต้องรอให้จ้าวซานพยักหน้าก่อนจะกล้าขยับตัว

เฉินฟานเมินทุกสิ่งและจ้องมองไปที่จ้าวซานต่อไป

หากอีกฝ่ายต้องการโจมตีก่อนเขาก็จะไม่แสดงความเมตตา แน่นอนว่าเขาจะปล่อยให้มีชีวิตอยู่หนึ่งหรือสองคนและถามเกี่ยวกับที่อยู่ของลุงเว่ยจากพวกเขา

เมื่อสถานการณ์ตอนนี้เต็มไปด้วยความตึงเครียดและใกล้จะระเบิดออกมาแล้ว

จ้าวซานซึ่งมีใบหน้ามืดมนราวกับน้ำคร่ำก็หัวเราะออกมาดัง ๆ เขามองไปที่เฉินฟานอย่างสนุกสนานและพูดว่า "เจ้ามาที่นี่เพียงลำพังเพื่อค้นหาว่าเว่ยเทียนกงอยู่ที่ไหนงั้นเหรอ?"

"ใช่"

เฉินฟานพูดอย่างเย็นชา

"น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ"

จ้าวซานหัวเราะและเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่น้ำตาก็แทบจะไหลออกมา

“ไอ้หนู ข้าควรจะบอกว่าเจ้าเป็นคนกล้าหาญหรือว่าเป็นคนเหมือนหมูกันแน่?!”

ดวงตาของเขาค่อยๆเปลี่ยนเป็นเย็นชา

“เจ้าอยากรู้เกี่ยวกับที่อยู่ของเว่ยเทียนกงและคนอื่นๆงั้นเหรอ? ตกลง ข้าจะบอกเจ้า!”

“พี่สาม...”

ชายปากเบี้ยวที่อยู่ข้างๆ เขาลังเลที่จะพูด

เขาจำเป็นต้องตอบคำถามด้วยงั้นหรือ?

ยิ่งกว่านั้นคนนี้ยังเป็นเด็กเหลือขอที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมด้วยซ้ำ?

จ้าวซานหันศีรษะและมองดูเขา ฝ่ายหลังสั่นสะท้านทันที จากนั้นจ้องมองไปที่เฉินฟานอย่างชั่วร้าย

เด็กคนนี้กลับกล้าขึ้นเสียงกัข้า อีกสักพักข้าต้องจัดการกับเด็กคนนี้อย่างรุนแรงถึงใจเลยทีเดียว

หัวใจของเฉินฟานพุ่งไปที่ลำคอเหมือนว่าเขากำลังจะได้ยินข่าวร้าย

มีเพียงเสียงของจ้าวซานที่ดังขึ้นอย่างช้าๆว่า “พวกเขาตายแล้ว”

"..?"

ผู้ชายปากเบี้ยวและคนอื่น ๆ ผงะไปชั่วขณะและมองดูจ้าวซานทีละคน

เว่ยเทียนกงและคนอื่น ๆ ตายแล้วงั้นเหรอ? ไม่ใช่..พวกเขาเห็นพวกเว่ยเทียนกงสร้างกำแพงอยู่เมื่อเช้านี้ไม่ใช่?

"..!!"

อย่างไรก็ตาม เฉินฟานเพียงรู้สึกว่าศีรษะของเขาถูกกระแทกอย่างแรงด้วยบางสิ่ง และมีเสียงหึ่งๆดังขึ้นที่สมอง

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ ลองพูดออกมาอีกครั้งสิ?”

ดวงตาของเฉินฟานเป็นสีแดงเลือด แม้ว่าเขาจะเตรียมรับข่าวที่เลวร้ายที่สุดในใจ แต่เมื่อเขาได้ยินผลลัพธ์จริงๆ ความโกรธอันมหึมาก็ท่วมร่างกายของเขาอย่างควบคุมไม่ได้ และเขาก็คำรามออกมาว่า

“ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ลุงเว่ยและคนอื่นๆ เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา?”

เมื่อเสียงนีั้ดังขึ้น ความรู้สึกอันน่าหวาดกลัวอย่างรุนแรงก็ผุดขึ้นในใจของผู้คนที่อยู่ตรงข้ามกับเขา

ดูเหมือนว่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นไม่ใช่คน แต่เป็นสัตว์อสูรระดับกลางที่กำลังจะโกรธ! ไม่ มันอันตรายยิ่งกว่าสัตว์อสูรระดับกลางอย่างมาก!

ถ้าพูดความจริงโดยไม่ยกยอใคร ตอนนี้อีกฝ่ายมองมาที่พวกเขาราวกันมองคนที่ตายไปแล้ว!

"ฮ่า ๆ ๆ ๆ"

แต่จ้าวซานกลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาและพูดประชดว่า "ให้โอกาสข้าครั้งสุดท้ายงั้นเหรอ? อย่าพูดครั้งเดียวแม้ว่าจะเป็นสิบครั้ง คำพูดของข้าก็จะไม่เปลี่ยนเว่ยเทียนกงและคนอื่นๆตายไปแล้ว ข้าเป็นคนฆ่าพวกเขาพร้อมทั้งครอบครัวของพวกเขาทั้งหมด ข้าเป็นคนฆ่าเอง..คิดดูแล้วช่างน่าสงสารพวกเขาจริงๆ”

เขาแบะริมฝีปากของตัวเองและพูดว่า "เจ้าคงนึกไม่ออกเลยว่าเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นน่าสงสารแค่ไหนเมื่อเธอตายด้วยน้ำมือของข้า"

คนอื่นๆ มองหน้ากันและตอบสนองทันที

“ใช่แล้ว เว่ยเทียนกงและคนอื่นๆ มีแต่กินและไม่ได้ทำตัวเป็นประโยชน์อะไร ดังนั้นทำไมพวกเราจะฆ่าพวกเขาไม่ได้ล่ะ? พวกเขาอยู่ไปก็เปลืองอาหารป่าวๆไม่ใช่หรือ?”

“ตัวไร้ประโยชน์อย่างพวกเขา ตายไปก็สมควรแล้ว!”

“เจ้าหนู ไม่ใช่ว่าเจ้าได้รู้ที่อยู่ของพวกเขาแล้วงั้นเหรอ? หลังจากที่เราได้บอกเจ้าไปแล้ว และเจ้ายังต้องการอะไรอีกไหม?”

พวกเขาพูดออกมาอย่างไม่มีอะไรต้องกลัว

ด้วยการที่พวกเขามีคนจำนวนมาก และพี่สามก็ยังเป็นนักรบขั้นที่ 3 ของขอบเขตการชำระล้างร่างกาาย แล้วพวกเขายังจะกลัวเด็กสารเลวคนนี้งั้นหรือ?

ตลกอะไรกัน?

จ้าวซานก็หรี่ตามองเฉินฟานเช่นกัน ด้วยสีหน้าที่ราวกับต้องการบอกว่าข้าบอกเจ้าไปอย่างนี้ แล้วเจ้าจะทำอะไรกับข้าได้บ้างล่ะ

เฉินฟานระงับความโกรธในใจในเวลานี้ หายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า "ลุงเว่ยและคนอื่น ๆ ตายด้วยมือของเจ้าจริงๆเหรอ?"

"ใช่แล้วล่ะ"

จ้าวซานยอมรับโดยตรงว่า "แล้วไงล่ะ? เจ้าอยากจะพูดอะไร? หรือเจ้าอยากจะทำอะไรบางอย่าง เช่นการฆ่าพวกเรางั้นหรือ?"

คนอื่นๆ หัวเราะเมื่อได้ยินสิ่งนี้

ฆ่าพวกเขา?

พวกเขากลัวเจ้าเด็กนี้แทบตายแล้ว กลัวว่าจะกลั้นหัวเราไม่ไหวจนตายไปเอง

"ขอแสดงความยินดีด้วย เจ้าเดาถูก!"

ทันทีที่คำพูดจบลง เฉินฟานก็หยิบลูกธนูออกมาหกดอกด้วยมือขวาแล้วขึ้นสายธนูทันที

ทันใดนั้นก็มีเสียงปัง และลูกธนูหกดอกก็พุ่งออกมาอย่างรวดเร็ซ

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา ไม่ต้องพูดถึงที่พวกเขาทุกคนของจ้าวเจียเป่าไม่คิดไม่ฝันว่าเฉินฟานจะกล้าลงมือทำก่อนจริงๆ

“ฉึบ!”

“ฉึบ!”

เสียงที่คมชัดดังขึ้น

ในระยะใกล้เช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาเป็นนักรบที่กำลังประมาท แม้แต่สัตว์อสูรระดับกลางก็ยังต้องถูกยิงทะลุด้วยลูกธนูของเขา

ดังนั้นโดยปราศจากการขัดขวางใด ๆ ลูกธนูทั้งหกดอกที่ถูกยิงออกไปก็บินออกไปทันที และมีรูเลือดขนาดเท่าชามปรากฏขึ้นบนหน้าอกของพวกเขา ซึ่งเป็นสภาพที่น่าสยดสยองอย่างมาก!

มีธนูสองอกที่ผ่านร่างของคนอีกสองคนอย่างรุนแรงและบินออกไปหลายร้อยเมตรอีกครั้ง

และแม้แต่จ้าวซานที่กำลังลอยอยู่ในอากาศ เขาก็ก้มศีรษะลงอย่างสิ้นหวัง มองดูรูเลือดที่หน้าอกของเขาด้วยสีหน้าไม่น่าเชื่อ เขาอ้าปากออกราวกับว่าเขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่มีแต่เลือดที่พุ่งออกมาจากปากของเขา

หลังจากนั้นดวงตาของเขาก็มืดลงทันที  และเขาก็หลับไปตลอดกาล

“พี่สาม!”

“พี่สาม!”

คนกลุ่มนี้ก็พากันตระโกนออกมาอย่างตกใจอย่างมาก

แต่ในขณะนี้ เฉินฟานก็ดึงลูกธนูสี่ดอกออกมาจากตะกร้าอีกครั้ง คราวนี้ ความเร็วของเขาเร็วขึ้น และแขนของเขาก็ปรากฏภาพติดตาในอากาศด้วยซ้ำ

ถูกต้อง เขาใช้พลังงานของเลือด และเปิดใช้งานทักษะของลูกศรดาวตกเหลียนจู่

ทันทีที่มันถูกเปิดใช้งาน เขารู้สึกว่าเลือดในร่างกายของเขาลดลงทันที และแขนทั้งสองข้างดูเหมือนจะกลายเป็นภาพพร่ามัง และความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในทันใด

ดังนั้นเกือบครึ่งวินาทีต่อมา ก็มีการระเบิดขึ้นอีกครั้ง และลูกธนูสี่ดอกยิงใส่คนสี่คน และดอกหนึ่งในนั้นก็ยิงทะลุสามคนติดต่อกัน!

มีเสียงกรีดร้องออกมาทีละคน แต่พวกเขาก็ทั้งหวาดกลัวทั้งตกตะลึง

แต่ในที่สุดก็มีใครบางคนรู้ตัวและได้ยิงธนูใส่เฉินฟาน

ที่ระยะยี่สิบเมตร แม้ว่าพวกเขาจะหลับตา พวกเขาก็ยังสามารถยิงถูกเป่าได้

“ฟุบ! ฟุบ!”

ทันใดนั้นเสียงเจาะอากาศก็ดังขึ้น และลูกธนูสามหรือสี่ลูกก็พุ่งเข้าหาเฉินฟานอย่างรวดเร็ว

เฉินฟานเยาะเย้ยและเปิดใช้งานทักษะการเล็งทันที ทำให้ลูกธนูเหล่านี้ซึ่งมีความเร็วไม่ถึง 200 เมตรต่อวินาทีนั้นช้าลงอย่างน่าสมเพช

เขาเพียงแค่หลบและหลบลูกธนูที่น่ากลัวเหล่านี้ทั้งหมด จากนั้นจึงดึงลูกธนูสามลูกมาวางมาขึ้นสายแล้วปล่อยพวกมันไปอีกครั้ง

เลือดในร่างกายดูเหมือนจะถูกใช้ไปอย่างมากตอนนี้

"อา!"

เสียงกรีดร้องสองสามเสียงดังขึ้นไม่ไกล และพวกเขาที่ยิงธนูใส่เขาเมื่อกี้ล้มลงขณะจับหน้าอกด้วยความเจ็บปวด

“ปะ..เป็นไปได้ยังไง? เป็นไปได้ยังไง?”

ชายปากเบี้ยวยังมีชีวิตอยู่ เมื่อเห็นฉากนี้เขาก็สั่นไปทั้งตัว

เด็กที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นเพียงสัตว์ประหลาด! สัตว์ประหลาด!

เพียงเวลาไม่นาน? ภายในเวลาไม่ถึงสามหรือสี่วินาที ผู้คนมากกว่าครึ่งหนึ่งที่อยู่เคียงข้างเขาก็ล้มลง แม้แต่พี่สาม พี่เฉา และคนอื่น ๆ ก็ถูกยิงเสียชีวิตในทันที

แล้วเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเด็กคนนี้ได้อย่างไร?

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เขาก็โยนธนูและลูกธนูในมือทิ้งแล้ววิ่งหนีออกไปทันที

จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงลมโหยหวนจากด้านหลัง ความรู้สึกเย็นสบายลอยขึ้นมาจากด้านหลัง จากนั้นทั้งตัวของเขาก็ลอยขึ้นไปบนอากาศ และความเจ็บปวดครั้งใหญ่ก็เหมือนกับกระแสน้ำที่ท่วมท้นลงมา

เมื่อสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ และเขาไม่ใช่คนเดียวที่วิ่งหนีไป

น่าเสียดายที่ความเร็วของพวกเขาไม่เร็วพอ นับประสาอะไรกับ 800 เมตรที่ออกจากระยะยิง แค่ 50 เมตรพวกเขาไม่สามารถวิ่งออกไปได้ด้วยซ้ำ

หลังจากฆ่าศัตรูเกินครึ่งด้วยการยิงพร้อมกัน เฉินฟานก็ทำการฆ่าที่เหลือทีละคน ทุกครั้งที่เขายิงธนู เลือดในร่างกายของเขาจะถูกใช้ไป โชคดีเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนพลังงงานของเลือดถูกใช้ไปน้อยกว่ามาก

สิบวินาทีต่อมา พวกเขาก็เหลือเพียงคนเดียวแล้วในบริเวณนี้

ชายคนนั้นตกใจมากจนปัสสาวะออก เขานั่งลงบนพื้นและร่างกายของเขาสั่นไหวเหมือนใบไผ่ต้องลม

เมื่อเห็นว่าลูกธนูของเฉินฟานเล็งมาที่เขา เขาก็รีบยกมือขึ้นแล้วตะโกนใส่เฉินฟานว่า "อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า พวกเขายังไม่ตาย พวกเขายังไม่ตาย!"

"เจ้าหมายถึงอะไร?"

เฉินฟานแสดงสีหน้าประหลาดใจบนใบหน้าที่ไม่แยแสของเขา

ลุงเว่ยและคนอื่น ๆ ยังไม่ตายงั้นเหรอ?

นี่เรื่องจริงหรือหลอกกันแน่?

ชายคนนั้นพูดทั้งน้ำมูกและน้ำตาว่า "พี่สาม..ไม่สิ จ้าวซาน จ้าวซานโกหกเจ้า เขาแค่ตั้งใจจะทำให้เจ้าโกรธ ที่จริงแล้วเว่ยเทียนกงและคนอื่นๆยังไม่ได้ตายเลย พวกเขายังไม่ได้ตาย พวกเขาอยู่ดีมีสุขอย่างมากตอนนี้”