ตอนที่ 279 : เอลฟ์พฤกษาระดับสูง

โจวโจวมองดูเมล็ดพันธุ์ตรงหน้า

โจวโจวเป็นคนสั่งให้เหวินหยาค้นหาสมบัติรอบๆ ยานบินทันทีเมื่อเขารู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังช่วยพวกเขาจากโลกภายนอก

มังกรอัสนีกลืนนภาระดับตำนานขั้นต้นนี้มีกระเพาะที่ใหญ่มาก สิ่งใดก็ตามที่คงเหลืออยู่ในนี้ก็คงเป็นสมบัติสำหรับโลกภายนอก

สุดท้ายเหวินหยาก็พบว่าแม้กระเพาะของมังกรอัสนีกลืนนภาจะกว้างใหญ่มาก แต่มันก็มีเพียงเมล็ดพันธุ์อันเดียวเหลืออยู่ข้างใน

ส่วนไอเท็มอื่นๆ ก็ถูกหลอมละลายด้วยน้ำย่อยไปหมดแล้ว

โจวโจวไม่คิดมากเกี่ยวกับมันเมื่อเขาได้ยินเช่นนี้ เขาบอกให้เหวินหยาเก็บมันมาทันที

จนกระทั่งในตอนนี้ เขาก็ได้มองดูข้อมูลของมัน

[ชื่อไอเท็ม: เมล็ดพันธุ์ผลโลหิตศักดิ์สิทธิ์]

[ระดับไอเท็ม: ระดับเทพแท้จริง]

[เอฟเฟกต์ไอเท็ม: หลังจากปลูกมัน มันสามารถเติบโตขึ้นเป็นบุปผาโลหิตศักดิ์สิทธิ์ได้ด้วยสายเลือดของสิ่งมีชีวิตต่างๆ บุปผาโลหิตศักดิ์สิทธิ์สามารถออกผลโลหิตศักดิ์สิทธิ์ได้ หลังจากกินมัน มันสามารถชำระล้างสายเลือดระดับสูงที่สุดที่ท่านครอบครองได้ มันสามารถชำระล้างสายเลือดได้ถึงระดับเทพแท้จริง]

[รายละเอียดไอเท็ม: ผลโลหิตศักดิ์สิทธิ์ในตำนานที่สามารถเพิ่มระดับสายเลือดได้ แม้แต่จิตวิญญาณเทพเจ้าส่วนใหญ่ก็ยังเคยได้ยินเกี่ยวกับมันเท่านั้นแต่ไม่เคยได้เห็นมันด้วยตาของตัวเองมาก่อน]

ดวงตาของโจวโจวเบิกกว้างขึ้น

เมล็ดพันธุ์ระดับเทพแท้จริงเหรอ!?

นอกจากนี้มันยังเป็นผลที่สามารถชำระล้างสายเลือดได้ด้วย!?

สิ่งที่คงเหลืออยู่ในกระเพาะของลอร์ดสีชาดระดับตำนานขั้นต้นผู้นี้คือสมบัติจริงๆ!

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นรายละเอียดของมันว่ามันต้องได้รับการรดน้ำด้วยสายเลือดอื่นๆ เพื่อเติบโตขึ้นเป็นบุปผาโลหิตศักดิ์สิทธิ์ เขาก็อดเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยไม่ได้

“ฉันต้องรดน้ำมันด้วยสายเลือดเหรอ? งั้นมันก็เพาะเลี้ยงได้ยากจริงๆ”

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย

สายเลือดไม่ได้หมายถึงโลหิตที่พบได้ทั่วไป

สายเลือดหมายถึงไอเท็มที่ได้รับมาจากมอนสเตอร์เหมือนอย่างสายเลือดแวมไพร์ที่โจวโจวได้รับมาในอดีต

เขาคงจะต้องรดน้ำมันด้วยสายเลือดแวมไพร์ของเขาเมื่อเขากลับไป

โจวโจวคิด

หลังจากใช้สายเลือดวิสเคานต์แวมไพร์เพื่ออัพเกรดสายเลือดมนุษย์แห่งความโกลาหลขึ้นเป็นระดับบรอนซ์เขียวขั้นต้นแล้ว เขาก็ยังมีสายเลือดบารอนแวมไพร์เหลืออีกกว่า 100 อัน

เขาไม่เคยเอาสายเลือดบารอนแวมไพร์ออกมาให้พวกทหารได้แลกเปลี่ยนเลยเพราะเขาเป็นกังวลเกี่ยวกับผลการสะกดข่มทางสายเลือดของแวมไพร์ระดับสูงที่มีต่อแวมไพร์ระดับต่ำ ดังนั้นเขาจึงเก็บมันไว้แทน

เดิมทีเขาต้องการนำมันออกไปให้ทหารได้แลกเปลี่ยนหลังจากหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องการสะกดข่มทางสายเลือดได้แล้ว

แต่เนื่องจากเขายังไม่มีเงื่อนงำเขา ดังนั้นเขาก็สามารถใช้มันรดน้ำให้กับผลโลหิตศักดิ์สิทธิ์นี้ได้

เมื่อคิดได้เช่นนี้ โจวโจวก็เก็บเมล็ดพันธุ์ไปและเตรียมที่จะเอามันไปปลูกเมื่อเขากลับไปยังดินแดนในตอนกลางคืน

สำหรับตอนนี้ เขาต้องจัดการกับเมืองรัตติกาลทมิฬซะก่อน

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็หยิบแผนที่ออกมา

จากนั้น เขาก็ค้นพบโดยบังเอิญว่ามีภูมิภาคระดับบรอนซ์เขียวเขียวสองแห่งและภูมิภาคระดับเหล็กดำหนึ่งแห่งทางตะวันออกและตะวันตกของแดนต้องห้ามพายุทรายและทางตะวันออกของป่าเขียว

โจวโจวคิด

อู๋ตู่ได้บอกเขาไว้นานแล้ว เวลาผ่านไปนานมากแล้ว และเขาก็ไม่สามารถนำทัพผ่านแดนต้องห้ามพายุทรายในตอนนั้นได้ ดังนั้นเขาจึงค่อยๆ ลืมเรื่องนี้ไป

“งั้นก็จัดการกับภูมิภาคพวกนี้ก่อนละกัน มันคงใช้เวลาไม่นานนัก ไว้ค่อยจัดการกับเมืองรัตติกาลทมิฬหลังจากที่จัดการกับภูมิภาคระดับเหล็กดำ 2 แห่ง ระดับบรอนซ์เขียว 2 แห่ง และระดับเงินขาว 2 แห่งนี้เสร็จแล้ว!”

โจวโจวตัดสินใจ

มันคงดีกว่าที่จะจัดการมันให้หมดในคราวเดียวเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเดินทางมาอีกในอนาคต

ไม่ว่าในกรณีใด ด้วยความแข็งแกร่งของภูมิภาคระดับต่ำพวกนี้ มันก็ไม่ใช่ปัญหาเลยสำหรับเขาที่มีทหารกว่า 70,000 คน

ครึ่งนาทีต่อมา ภูติทมิฬก็ลอยออกมาจากแดนต้องห้ามพายุทรายและมาถึงอาณาเขตของป่าเขียว

ในทันทีที่พวกเขาเข้ามาในบริเวณนี้ เหวินหยาก็เปิดหน้าจอเสมือนจริงให้ทหารในทุกพื้นที่ของภูติทมิฬเพื่อถ่ายทอดสภาพแวดล้อมปัจจุบันของป่าเขียว

มันเขียวขจีตามชื่อของมันเลย

ไม่เพียงแต่พืชพรรณจะเขียวชอุ่มเท่านั้น แต่ยังมีน้ำที่อุดมสมบูรณ์อีกด้วย สัตว์เล็กสัตว์น้อยทุกชนิดสามารถพบเห็นได้ทุกที่ ทำให้มันดูมีชีวิตชีวามาก

เมื่อทหารจากกองทัพตะวันสาดแสงเห็นสภาพแวดล้อมของที่นี่ พวกเขาก็ประหลาดใจระคนดีใจในทันที

“มีต้นไม้สีเขียวเยอะเลย!”

“ข้าเห็นลำห้วยและป่าด้วย! ตรงนั้น!”

“ทิวทัศน์ที่นี่สวยงามมาก มันแตกต่างจากสภาพแวดล้อมในทะเลทรายอย่างสิ้นเชิง!”

“หลังจากวันนี้ กองกำลังลอร์ดสีชาดในพื้นที่แห่งนี้ก็น่าจะถูกทำลายล้างโดยลอร์ดของพวกเรา เมื่อถึงเวลานั้น สถานที่แห่งนี้ก็จะเป็นของพวกเราแล้ว!”

ทุกคนคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา พวกเขาชอบสภาพแวดล้อมของป่าเขียวขจีมาก

ในเวลาเดียวกัน ณ ห้องของกัปตัน โจวโจวก็อดถอนหายใจไม่ได้เมื่อเขาเห็นภูมิภาคป่าเขียว

เห็นได้ชัดว่ามันอยู่ใกล้กับทะเลทรายตะวันสาดแสง และทิศเหนือของมันก็เป็นดินแดนต้องห้ามอย่างแดนต้องห้ามพายุทราย

อย่างไรก็ตาม สภาพแวดล้อมของที่นี่ก็ราวกับสรวงสวรรค์ มันช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ

โจวโจวไม่เข้าใจความลึกลับเบื้องหลังเรื่องนี้

บางทีนี่อาจเป็นฝีมือที่แปลกประหลาดของธรรมชาติ

“ลงจอดได้”

โจวโจวกล่าว

“เจ้าค่ะท่านลอร์ด!”

เหวินหยารับคำสั่ง

จากนั้นเธอก็ให้ภูติทมิฬเริ่มลงจอดและหยุดลงเหนือพื้นดิน

ก่อนหน้านั้น โจวโจวได้ใช้ฟังก์ชั่นการสื่อสารของยานบินบอกให้ทหารทุกคนเตรียมรับศึกแล้ว ดังนั้นแม้ว่าหลายๆ คนจะยังมองไม่เห็นบริเวณโดยรอบ แต่ส่วนใหญ่พวกเขาก็มีสีหน้าจริงจังและพร้อมสู้ศึกแล้วเมื่อพวกเขาออกไปจากภูติทมิฬ

หลังจากโจวโจวลงมาจากภูติทมิฬ เขาก็เอาแผนที่ป่าเขียวออกมาทันทีและมองดูมัน

ในภูมิภาคระดับเงินขาวอย่างป่าเขียว มันมีดินแดนของลอร์ดสีชาดระดับเงินขาวทั้งหมด 3 แห่ง ดินแดนของลอร์ดสีชาดระดับบรอนซ์เขียว 5 แห่ง ดินแดนของลอร์ดสีชาดระดับเหล็กดำ 12 แห่ง และดินแดนของลอร์ดต่างเผ่าพันธุ์อีก 6 แห่ง!

มันมีลอร์ดอยู่ที่นี่เยอะมาก!

มันน่าจะเป็นเพราะสถานที่แห่งนี้อุดมไปด้วยทรัพยากรและเหมาะต่อการดำรงชีวิต

หลังจากโจวโจวดูแผนที่ไปได้สักพัก เขาก็ส่งมันให้ไป่อี้และให้เธอตัดสินใจ

หลังจากไป่อี้มองดูแล้ว เธอก็สั่งให้สมาชิกของทั้งสองกองทัพบุกโจมตีดินแดนของลอร์ดสีชาดระดับบรอนซ์เขียวที่อยู่ใกล้ที่สุดก่อน

สองชั่วโมงต่อมา ป่าเขียวทั้งหมดก็ถูกพิชิตโดยทหารของกองทัพตะวันสาดแสงและกองทัพมอนสเตอร์!

เมื่อเห็นเช่นนี้ โจวโจวก็ให้กองทัพทั้งหมดขึ้นไปบนภูติทมิฬอีกครั้งและบินไปยังภูมิภาคระดับบรอนซ์เขียวที่อยู่ข้างๆ

บนยานบิน โจวโจวมองดูกิ่งไม้ในมือ

กิ่งไม้นี้เป็นสีเขียวมรกตอย่างสมบูรณ์และเปล่งออร่าสีเขียวสดใสและแสงสีเขียวออกมา ในการรับรู้ของโจวโจว มันก็เหมือนกับสิ่งมีชีวิตและยังมีการเต้นของหัวใจอยู่เบาๆ

ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน เจ้าของของมันก็ยังมีชีวิตอยู่

มันได้มาจากเอลฟ์พฤกษาและเป็นหนึ่งในหกลอร์ดในป่าเขียว

โจวโจวมีความสัมพันธ์กับจักรวรรดิเอลฟ์เพียงเล็กน้อยเพราะนาเดีย เดิมทีเขาอยากจะโน้มน้าวให้อีกฝ่ายยอมจำนน เพราะแม้อีกฝ่ายจะมีเอลฟ์พฤกษาระดับต่ำกว่า 2,000 คน แต่มันก็ยังไม่ควรค่าให้พูดถึงเมื่ออยู่ต่อหน้ากองทัพกว่า 70,000 คนของเขา

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอีกฝ่ายจะเห็นความแข็งแกร่งของเขาและรู้ว่าไม่มีทางเอาชนะได้ แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมจำนน

แม้ว่าโจวโจวจะชื่นชมในความกล้าหาญของอีกฝ่าย แต่เขาก็ไม่ยืนกรานต่อไปอีกและบดขยี้อีกฝ่ายในทันที

จากนั้นเขาก็ได้รับกิ่งไม้นี้มาจากไอเท็มดรอปของอีกฝ่ายที่มีคุณภาพ +1

โจวโจวมองดูมัน และข้อมูลของมันก็ปรากฏขึ้นมา

[ชื่อสายเลือด: สายเลือดเผ่าพันธุ์เอลฟ์พฤกษาระดับสูง]

[ระดับสายเลือด: ระดับเหนือสามัญขั้นต้น]

[เอฟเฟกต์สายเลือด: หลังจากดูดซับมัน ผู้ใช้จะได้รับสายเลือดระดับเหนือสามัญขั้นต้น — สายเลือดเอลฟ์พฤกษาระดับสูง หลังจากผสานมันเข้ากับสายเลือดนี้ ผู้ใช้จะค่อยๆ ปลุกความสามารถทางเผ่าพันธุ์บางส่วนของเอลฟ์พฤกษาระดับสูงผ่านการเติบโต]

[หมายเหตุ: ผสานสายเลือดเอลฟ์พฤกษาระดับสูงระดับเหนือสามัญขั้นต้น 100 อันเข้าด้วยกัน ท่านจะได้รับสายเลือดระดับมหากาพย์ขั้นกลาง – สายเลือดเอลฟ์แห่งธรรมชาติ 1 อัน!]

[การเพิ่มประสิทธิภาพสายเลือดเผ่าพันธุ์มนุษย์แห่งความโกลาหล คำแนะนำที่หนึ่ง: หลังจากที่เผ่าพันธุ์มนุษย์แห่งความโกลาหลดูดซับมัน พวกเขาสามารถลบล้างพลังเทวะที่ต้นไม้แห่งชีวิตฝังเอาไว้ในสายเลือดเอลฟ์พฤกษาระดับสูงนี้ได้ และช่วยป้องกันไม่ให้มนุษย์แห่งความโกลาหลได้รับผลกระทบจากต้นไม้แห่งชีวิต]

[การเพิ่มประสิทธิภาพสายเลือดเผ่าพันธุ์มนุษย์แห่งความโกลาหล คำแนะนำที่สอง: หลังจากที่เผ่าพันธุ์มนุษย์แห่งความโกลาหลดูดซับมัน ทักษะประจำเผ่าพันธุ์อย่างอัญเชิญทรีแอนท์จะถูกอัพเกรดเป็นทักษะอัญเชิญต้นไม้ปีศาจแห่งความโกลาหล]

[ท่านต้องการดูดซับมันหรือไม่?]