ตอนที่ 144 - บทที่ 144 เจ้าเต็มไปด้วยความคิดสกปรก!

บทที่ 144 เจ้าเต็มไปด้วยความคิดสกปรก!

“แน่นอน ข้าได้ยินมาว่าเจ้าของหอศิลปะการต่อสู้กวงเฟิงอายุเกือบหกสิบปีแล้ว และเขาเป็นนักรบขอบเขตหมิงจินที่แข็งแกร่ง เราจะสามารถเข้าถึงขอบเขตนั้นก่อนอายุสามสิบ อนาคตของพวกจะต้องไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน”

ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน ก็มีชายคนหนึ่งเดินมาจากอีกด้านหนึ่งของกำแพงเมือง และสนทนาอย่างกระตือรือร้นกับเฉิงเล่ยที่เพิ่งลงจากรถ

เฉิงเล่ยยังแสดงรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา และพยักหน้าเป็นครั้งคราว

ทั้งสองพูดคุยกันสักพักก่อนจะแยกจากกัน

ชายผู้ที่เดินมาคุยกับเฉิงเล่ยก็ยิ้มออกมาและเฝ้าดูการจากไปของเขา จากนั้นเงยหน้าขึ้นและมองไปที่กำแพงเมือง

ทหารยามทุกคนบนกำแพงต่างหวาดกลัว พวกเขายืดหลังและมองไปข้างหน้า

คนนี้คือรองกัปตัน กวนเต๋าซี เขาเป็นเสือยิ้มทั้งความสามารถและอุปนิสัย และได้ยินมาว่าเขามาจากเมืองอันซาน และแม้กระทั่งกัปตันเฉิงเล่ยก็ยังต้องสุภาพกับเขาอย่างมาก

คนธรรมดาอย่างพวกเขาไม่สามารถยุ่งกับผู้ชายคนนี้ได้

"ข้าจะไปห้องน้ำก่อน"

หวังซินพูด แล้วหันหลังกลับแล้วเดินลงบันไดไปยังกำแพงเมือง

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เดินไปที่ห้องน้ำอย่างที่เขาพูดเมื่อก่อน แต่เขาเดินเข้าไปอีกด้านหนึ่ง หลังจากเดินมาถึงห้องๆหนึ่งเขาก็เคาะประตู

“กัปตัน ท่านอยู่หรือเปล่า?”

เขาลดเสียงลงราวกับกลัวคนอื่นจะได้ยิน

"เข้ามา"

เสียงหนักดังขึ้นในห้อง

จากนั้นหวังซินจึงเปิดประตูเข้าไปด้วยรอยยิ้มและเดินเข้าไปโดยไม่ลืมที่จะปิดประตู

"มีอะไร?"

เฉิงเล่ยถามโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง

ขณะนี้เขากำลังทำความสะอาดปืนกลหนักบนโต๊ะ

“กัปตัน มีคนในทีมของเราไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่มาสองสามวันแล้ว อาจมีบางอย่างเกิดขึ้น” หวังซินกลั้นรอยยิ้มของเขาไว้ พร้อมแสดงความโศกเศร้าบนใบหน้าของเขา

เฉิงเล่ยหยุดด้วยมือขวาที่จับผ้าเช็ด จากนั้นก็หันศีรษะแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

“เป็นน้องชายคนเล็กที่ชื่อหยางเสี่ยวฉุน เขาอยู่ในวัยยี่สิบต้นๆ เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาลาหยุดครึ่งวัน และเราไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้มากนัก แต่จากนั้นให้เขาไม่มาอีกเลยหลายวัน ข้าไปบ้านเขาเพื่อสอบถามเรื่องนี้ ก็เพิ่งรู้ว่าเขา พี่ชายของเขา และคนอื่นๆ อีกสองสามคนออกไปล่าสัตว์ในบ่ายวันนั้นและไม่กลับมาอีกเลย”

ดวงตาของหวังซินเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

"..."

เฉิงเล่ยผงะไปเล็กน้อย

ใน​ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ การ​ตาย​เป็น​เรื่อง​ธรรมดา

แม้แต่ยามที่ปฏิบัติหน้าที่ในเวลากลางคืนก็ยังอาจจะถูกสัตว์อสูรสังหารได้ก็มี

หยางเสี่ยวฉุนผู้นี้มีความกล้าหาญเล็กน้อย เขาไม่พอใจกับชีวิตที่มั่นคงและกล้าที่จะออกไปผจญภัย

เขาถอนหายใจและพูดว่า "ถ้าอย่างนั้นเจ้าไปหานักบัญชีติงและถอนเงิน 500 หยวน แล้วส่งมันไปให้ครอบครัวของเขา"

“ได้ครับ แต่กัปตัน เรื่องนี้...”

หวังซินลังเล

“มีความลับอะไรอย่างอื่นอีกงั้นหรือ?”

เฉิงเล่ยตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างได้

"มีครับ"

หวังซินมองไปรอบ ๆ

“ที่นี่มีแค่เราสองคน ถ้าเจ้ามีอะไรจะพูดก็พูดออกมาเลย”

เฉิงเล่ยขมวดคิ้ว

"ครับ"

หวังซินเริ่มเล่า แต่ถูกขัดจังหวะกลางคัน

“เจ้าหมายถึงพวกโจรขโมยม้าที่อยู่นอกเมืองถูกกวาดล้างไปหมดแล้ว และไม่มีใครรอดชีวิตเลยแม้แต่คนเดียวงั้นหรือ?”

ใบหน้าของเฉิงเล่ยแสดงความไม่เชื่อออกมา

“หยางเสี่ยวฉุนพูดอย่างนั้น”

หวังซินกล่าวต่อ "อย่างไรก็ตาม กัปตันข้าไม่ได้ยินข่าวของพวกโจรขโมยม้านอกเมืองเลยในช่วงหลายวันที่ผ่านมา และมีหลายคนออกไปยืนยันข่าวนี้แล้ว"

"ถ้าเป็นกรณีนี้ มันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก"

เฉิงเล่ยพึมพำพูดกับตัวเอง

โจรขโมยม้านอกเมืองไม่ใช่กลุ่มเดียว แต่เป็นกลุ่มที่รับมือยากที่สุดอย่างแน่นอน

เขาเคยออกจากเมืองไปเป็นการส่วนตัวเพื่อไปจัดการและปราบโจรขโมยม้าสองสามกลุ่ม เขาฆ่าไปหลายคนและขับไล่พวกเขาออกไป  แต่ทุกๆ สองหรือสามเดือนแห่งความสงบสุข ก็จะมีโจรขโมยม้ากลุ่มใหม่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ซึ่งทำให้เขารู้สึกรำคาญอย่างมาก

และกลุ่มนี้ก็ยิ่งฉลาดแกมโกงและต่อสู้กับเขาในสงครามแบบกองโจร เขายังสงสัยด้วยซ้ำว่ามีคนที่เป็นสายลับอยู่ในเมืองเพื่อเฝ้าจับตาดูเขาเป็นพิเศษหรือไม่

ตอนนี้โจรขโมยม้ากลุ่มนี้ถูกฆ่าล้างจนสิ้นซากไปแล้วก็ถือได้ว่าเป็นความเมตตาของสวรรค์และพวกเขาก็ได้รับผลกรรมที่ไม่ดีของตัวเอง

“แล้วเจ้ารู้ไหมว่าใครเป็นคนทำ?”

“ตามที่หยางเสี่ยวฉุนพูด คนที่ทำเช่นนี้เป็นคนจากเฉินเจียไจ้ที่เป็นนักแม่นปืนสวมหน้ากาก เขาสามารถใช้ธนูที่มีแรงน้าวถึง 200 ปอนด์ได้ และทำการกวาดล้างพวกโจรขโมยม้าทั้งหมด”

“เฉินเจียไจ้?”

เฉิงเล่ยพยายามนึกย้อนกลับไป เขาจำได้ว่ามีหมู่บ้านชื่อเฉินเจียไจ้อยู่ใกล้ ๆ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นหมู่บ้านเล็กๆไม่ใช่เหรอ?

ธนูที่มีแรงน้าว 200 ปอนด์ เขาคนนั้นควรจะอยู่ในขั้นที่ 3 ของการชำระล้างร่างกายไม่ใช่หรือ?

“ในหมู่บ้านเฉิน มีคนแบบนี้ด้วยเหรอ?”

เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ

ด้วยความแข็งแกร่งของเขา เขาสามารถน้าวธนูที่มากกว่านี้ได้ แต่ทักษะการยิงธนูของชายคนนี้นั้นไม่สามารถดูเบาได้

“ข่าวที่ข้าสอบถามก็เป็นเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น..กัปตัน ม้าของพวกโจรขโมยม้าเหล่านั้น มีจำนวนมากกว่า 20 หรือ 30 ตัว พวกมันก็ถูกคนจากเฉินเจียไจ้เอาไปทั้งหมดเช่นกัน” หวังซินพูดเน้นย้ำคนเหล่านี้ออกมา

นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของการมาของเขา

หยางเสี่ยวฉุนและคนเหล่านั้นโง่เกินไป หรืออีกนัยหนึ่ง..พวกเขาโลภเกินไป

หลงตัวเองจนต้องการกินคำโตที่ตนไม่สามารถกลืนได้เพียงลำพัง และไม่รู้จักประมาณความแข็งแกร่งของตัวเอง การที่พวกเขาไม่กลับมาในครั้งนี้ อาจเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง พวกเขาอาจถูกสัตว์อสูรโจมตี หรือถูกฆ่าตายในหมู่บ้านเฉิน

และแน่นอนว่าเขาได้รับบทเรียนจากพวกหยางเสี่ยวฉุนแล้ว เขาจึงมาบอกกัปตันเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากกัปตันออกหน้าไม่ว่านักแม่นปืนคนนั้นจะเก่งกาจสักแค่ไหนเขาก็ยังเป็นคู่ต่อสู้ของกัปตันได้อย่างไร?

แต่สิ่งต่างๆ ดูเหมือนจะไม่พัฒนาไปในทิศทางที่เขาคาดหวัง

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็อยากพบนักแม่นปืนคนนี้เสียแล้วสิ”

เฉิงเล่ยมีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

"...?"

หวังซินเปิดปากเล็กน้อยแล้วรีบพูดว่า "กัปตัน การตายของหยางเสี่ยวฉุน อาจเกี่ยวข้องกับผู้คนในเฉินเจียไจ่นะครับ"

"เจ้าความหมายคืออะไร?"

ดวงตาของเฉิงเล่ยแสดงให้เห็นถึงความระมัดระวัง

หวังซินกลืนน้ำลายเต็มปากแล้วพูดว่า: "หยางเสี่ยวฉุนรู้ว่าชายคนนั้นมาจากหมู่บ้านเฉิน และพวกเขาเอาม้าของพวกโจรไป ดังนั้นเขาจึงกลับบ้านและบอกหยางมู่พี่ชายของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนพร้อมกับผู้ช่วยอีกสามคนก็ขับรถออกจากซ่งเจียเป่าของเราในตอนบ่าย พวกเขาน่าจะไปที่เฉินเจียไจ้แล้วไม่ได้กลับมาอีกเลย”

"เจ้าแน่ใจงั้นหรือ?"

เฉิงเล่ยหรี่ตาลง

"แน่ใจครับ"

หวังซินพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า "ข้าไปที่บ้านของเขาเพื่อสอบถามเรื่องนี้ และพี่สะใภ้ของเขาก็บอกข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้"

“หมายความว่าอุบัติเหตุที่เกิดกับพวกหยางเสี่ยวฉุนเกิดขึ้นเพราะความคิดต้องการสัตว์พาหนะพวกนั้นงั้นเหรอ? คนที่ฆ่าพวกเขาน่าจะเป็นคนจากเฉินเจียไจ้หรือก็คือนักแม่นปืนคนนั้นงั้นเหรอ?”

"ใช่..อย่างแน่นอน!"

หวังซินยกนิ้วให้ “กัปตันฉลาดมาก ท่านสามารถคาดเดาทุกอย่างได้ในคราวเดียว”

“หึม..หยางเสี่ยวฉุนและพรรคพวกของเขาสมควรได้รับสิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับจริงๆ”

เฉิงเล่ยแค้นเสียงออกมาอย่างเย็นชา

จากนั้นเขาก็คิดว่าไม่สมควรที่เขาจะพูดออกมาแบบนี้ แต่หลังจากคิดถึงดีๆแล้ว พวกหยางเสี่ยวฉุนและคนอื่นๆก็สมควรตายจริงๆ แต่สมาชิกในครอบครัวของพวกเขาจะต้องมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในอนาคตอย่างแน่นอน

เงินเพียง 500 หยวนนั้นไม่มีประโยชน์สำหรับเขา แต่สำหรับครอบครัวที่สูญเสียเสาหลักของบ้านไป ก็เหมือนกับส่งถ่านในคืนที่หนาวเหน็บได้ทันเวลาจริงๆ

จากนั้นบรรยาการก็เงียบลงทันที

“มีอะไรอีกไหม?”

เฉิงเล่ยมองไปที่หวังซินซึ่งอยู่ตรงข้ามเขาอย่างสงสัย

หวังซินกำลังคิดสารตะอยู่ในใจของเขา

เขารอจนกระทั่งเฉิงเล่ยกลับมาเป็นพิเศษ โดยไม่ได้สนใจการส่งเงินห้าร้อยหยวนไปให้ผู้หญิงคนนั้น เพราะยังไงซ่ะผู้หญิงคนนั้นจะเป็นของเขามานานแล้ว และการให้เธอก็เท่ากับการให้ตัวเอง

แต่สิ่งที่เขาต้องการคือเงินหลายพันหยวนหรือหลายหมื่นหยวน!

ไม่เช่นนั้นเขาคงจะบอกรองกัปตันเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันก่อนแล้ว

"กัปตัน.."

ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้และพูดอย่างไม่เต็มใจว่า "แม้ว่ามันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ? หยางเสี่ยวฉุนมีส่วนผิดจริงๆ แต่เขาคงไม่สมควรจ่ายด้วยชีวิตของเขาใช่ไหม? คนในเฉินเจียไจ้กล้าทำอย่างนี้เหมือนพวกเขาไม่เห็นซ่งเจียเป่าของพวกเราอยู่ในสายตานะครับ..กัปตัน!”

หลังจากพูดจบเขาก็เช็ดน้ำตา “ชายหนุ่มที่ชื่อหยางเสี่ยวฉุนเขาค่อนข้างเป็นคนดี เขาไม่ได้มาทำงานสองสามวันแล้วและทุกคนก็คิดถึงเขาอย่างมาก แต่เขากลับมาตายโดยไม่มีเหตุผล เมื่อคิดถึงสิ่งนี้แล้วข้าก็อดหลั่งน้ำตาไม่ได้”

หวังซินทุ่มเทอย่างหนักเพื่อแสดงละคร เขาบีบน้ำตาออกมาเล็กน้อยด้วยการนึกถึงอดีต จนกระทั่งเขาพบว่าบรรยากาศในห้องนั้นเย็นยะเยือกจนน่ากลัว

“กัปตันครับ..?”

เขาเงยหน้าขึ้นและตัวสั่น ก็ได้เห็นว่าเฉิงเล่ยจ้องมองเขาอย่างเย็นชา ดวงตาของเขามีแววตาที่น่ากลัวอย่างมาก!

"เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไร?"

“เอาคนไปทำลายหมู่บ้านเฉินแล้วล้างแค้นเหรอ?!.หรือว่า..” เฉิงเล่ยมองเขาอย่างมีความหมาย “ไปเอาสัตว์พาหนะเหล่านั้นกลับคืนมาและมอบให้เจ้างั้นเหรอ?”

“กัปตัน ข..ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น”

หวังซินหน้าซีดด้วยความตกใจ

เขาตระหนักว่าเขาประเมินกัปตันต่ำเกินไป

เขาไม่ใช่นักรบประเภทที่มีจิตใจเรียบง่ายและที่พัฒนาเพียงร่างกายเท่านั้น

“เจ้าช่างเต็มไปด้วยความคิดสกปรก”

เฉิงเล่ยตะคอกอย่างเย็นชา "ออกไปให้พ้น!"

"ได้ๆ..ได้ครับกัปตัน"

หวังซินหนีจากที่นี่ราวกับว่าเขาได้รับการอภัยโทษ

เขาไม่หายใจออกยจนกระทั่งออกจากห้องและรู้สึกถึงแสงแดดที่ส่องแสงบนร่างกายของเขา

น่ากลัวแทบตาย! เกือบแย่แล้ว!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้าเฉิงเล่ยต้องการฆ่าเขาเมื่อกี้นี้มันก็ไม่ยากไปกว่าการขยี้มดตัวหนึ่ง

ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครจะพูดอะไรแทนเขาได้ เพราะบุคคลนี้คือกัปตัน! ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าของซ่งเจียเป่าแห่งนี้!..

……………