ตอนที่ 209

บทที่ 209 เก้าผู้อาวุโส

“ บรรพชน ช่วยข้าด้วย!!”

เจ้าสำนักร้องขอความช่วยเหลือด้วยความหวาดกลัว เขากำลังเรียกหาหนึ่งในเก้าผู้อาวุโสของสำนักเซียน ผู้อาวุโสแห่งสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์

ผู้ฝึกตนขอบเขตที่สี่!

ในขณะนี้ เขาก็ทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสของเขา

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้อาวุโสก็ยังเคยบอกเขาเป็นการส่วนตัวว่าเมื่อสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์พบกับวิกฤติความเป็นความตายเมื่อไหร่ เขาก็สามารถตะโกนว่า “ บรรพชน ช่วยข้าด้วย!” ได้

จากนั้นเขาก็จะปรากฏตัวและแก้ไขปัญหาทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ในฐานะเจ้าสำนัก เขาก็ได้ทำให้สำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ต้องตกอยู่ในวิกฤตความเป็นความตาย ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็ไม่สามารถหลีกหนีความผิดได้

ด้วยเหตุนี้เอง ตราบใดที่เขาตะโกนมันออกมา หลังจากที่ปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว ผู้อาวุโสก็จะทำให้การฝึกตนของเขาพิการ

นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เจ้าสำนักยอมตะโกนก็ต่อเมื่อเขากำลังจะตายเท่านั้น

“ เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดปรากฏตัวขึ้นแล้ว ข้าก็จะทำให้มังกรร้ายตัวนี้ต้องชดใช้!” เจ้าสำนักคิดกับตัวเอง แต่ในช่วงเวลาต่อมา ความกลัวที่อธิบายไม่ได้ก็ได้ผุดขึ้นในใจของเขาอีกครั้ง

นี่เป็นเพราะในขณะนี้ มังกรเพลิงที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาได้พ่นไฟออกมาเต็มปาก มันไม่มีพลังใดๆ ที่จะช่วยต่อต้านมันได้เลย เขาทำได้เพียงมองดูอย่างหมดหนทางในขณะที่คนอีกสามคนที่อยู่ข้างๆ เขาได้ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน

พวกเขาถูกลดขนาดลงจนเหลือเพียงแต่กองเถ้าถ่านและไม่มีอยู่อีกต่อไป!

นี่คือเซียนสวรรค์ทั้งสาม!

ในโลกสูญสวรรค์ทั้งหมด พวกเขาก็เป็นยอดฝีมือที่หาได้ยาก

แต่พวกเขาหายไปแล้วอย่างงั้นหรอ?

พวกเขาตายแล้วอย่างงั้นหรอ?!

ยิ่งไปกว่านั้น ทำไมผู้อาวุโสสูงสุดถึงยังไม่ปรากฏ?

เขาไม่ได้บอกว่าตราบเท่าที่เขาตะโกนประโยคนี้ ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน เขาก็จะปรากฏตัวขึ้นในทันทีเพื่อแก้ไขวิกฤติและปัญหาทั้งหมดหรอ?

ทำไม?!

เจ้าสำนักงงงวยและเต็มไปด้วยความสับสน

แต่แล้วเขาก็ถูกกำหนดให้ไม่มีวันได้รับคำตอบ

หลังจากเผาผู้อาวุโสทั้งสามจนตายเสร็จ ฮั่วเอ๋อก็พ่นไฟออกมาอีกคำหนึ่ง

ในชั่วพริบตา มันก็ห่อหุ้มร่างของเจ้าสำนักเอาไว้ อุณหภูมิที่ร้อนระอุได้แผดเผาร่างกายของเขาให้กลายเป็นเถ้าถ่านในทันที มันเหลือไว้เพียงเศษเสี้ยววิญญาณของเขาเท่านั้น

และในช่วงเวลาต่อมา เศษเสี้ยววิญญาณของเขาก็สลายไปอย่างสมบูรณ์

“ โฮกกกกก!”

ฮั่วเอ๋อส่ายหัว ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความสับสน

มันหันไปมองที่สำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังลุกไหม้เป็นทะเลเพลิง ราวกับว่ามันกำลังสงสัยว่าเหตุใดเจ้านายของมันจึงส่งมันมาเพื่อทำลายของเด็กเล่นพวกนี้

อ่อนแอเกินไป!

พวกมันอ่อนแอเกินไปจริงๆ!

สำหรับฮั่วเอ๋อซึ่งเทียบได้กับผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นแท้ทองคำขั้นปลายแล้ว สิ่งที่เรียกว่าเซียนสวรรค์และราชาสวรรค์นั้นก็นับว่าอ่อนแอมาก

แม้แต่เปลวเพลิงที่มันพ่นออกมาตามปกติ พวกเขาก็ยังไม่สามารถต้านทานได้

พวกเขากลายเป็นขี้เถ้าไปในทันที

ภายใต้การโจมตีของฮั่วเอ๋อ ในเวลาไม่ถึงนาที มันก็เหลือเพียงสองคนเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่

นั่นคือซุนหวานซื่อและอาจารย์ของเขา

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนเองก็กำลังตกตะลึงจนพูดไม่ออก

พวกเขาเพิ่งเห็นฉากการทำลายล้างสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์จากระยะใกล้ เช่นเดียวกับพลังของเปลวเพลิงสีแดงที่สั่นสะเทือนโลก พวกเขาล้วนหวาดกลัวจนวิญญาณของพวกเขาแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และเสียสติไป

แน่นอนว่าพวกเขาเองก็โชคดีมากเช่นกัน ในขณะนี้ พวกเขาก็ยังไม่ได้ก้าวเท้าเข้าสู่สำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ถูกโจมตีโดยเปลวเพลิงของฮั่วเอ๋อและ “รอดชีวิต” มาได้

หากเป็นมังกรเพลิงก่อนหน้านี้ มันก็เป็นไปได้มากว่ามันจะทำตามคำสั่งและกลับไปหลังจากทำลายสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์เสร็จ

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ ฮั่วเอ๋อก็แตกต่างออกไป

แม้ว่ามันจะงี่เง่าและไม่ค่อยชอบพูด แต่มันก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา

ด้วยเหตุนี้เอง ฮั่วเอ๋อจึงไม่ปล่อยให้ซุนหวานซื่อและอาจารย์ของเขาหลุดรอดออกไป

ก่อนที่มันจะจากไป มันก็ได้พ่นลูกบอลเพลิงออกมาและเผาพวกเขาทั้งสองทิ้งเป็นเถ้าถ่าน

จากนั้นมันก็บินกลับไปอย่างหดหู่

สาเหตุของความหดหู่นี้เป็นเพราะฮั่วเอ๋อได้รับคำสั่งอื่นมาจากซุยเฮ็งต่อ

เขาต้องการให้มันเก็บหนังสือในสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ในขณะที่มันทำลายสำนัก

อันที่จริง มันก็จงใจหลีกเลี่ยงตำหนักสองสามแห่งที่เก็บหนังสือเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันถูกเผา

มันได้วางแผนที่จะนำหนังสือเหล่านี้กลับไปหลังจากทำลายสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ลงเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อตอนที่เจ้าสำนักตะโกนว่า “ บรรพชน ช่วยข้าด้วย!” ตำหนักเหล่านั้นก็ได้พังทลายลงมาโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าใดๆ

หนังสือข้างในจมอยู่ในทะเลเพลิงในทันที มันไม่มีโอกาสรอดแม้แต่น้อย

หนังสือเหล่านี้ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์

ฮั่วเอ๋อรู้สึกเหมือนเด็กที่ทำอะไรผิด มันได้แต่รั้งตัวเองให้กลับบ้านไปเพื่อรอโดนดุ

….

ในส่วนลึกของภูเขาห่างจากสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์มากกว่าหนึ่งพันลี้

ในป่าทึบมีถ้ำที่มืดมิดมาก

ในถ้ำนี้มีอักษรรูนประหลาดหนาทึบสลักอยู่ตามผนังหินและพื้นดิน

อักษรรูนแปลกๆ นับไม่ถ้วนกำลังเชื่อมโยงถึงกัน

มันสร้างข้อจำกัดที่แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง

ข้อจำกัดนี้อาจทำให้ผู้คนเข้ามาในถ้ำและเดินหน้าต่อไปได้ แต่พวกเขาก็จะไม่สามารถเดินไปจนสุดทางได้ มันไม่มีที่สิ้นสุดและวนเวียนอยู่ชั่วนิรันดร์

เบื้องหลังข้อจำกัดนี้คือถ้ำขนาดใหญ่ที่ไม่มีใครเทียบได้

ภายในมีศาลาทุกประเภท มันมีแม้กระทั่งอัญมณีพิเศษแขวนอยู่บนกำแพงหินด้านบนซึ่งทำหน้าที่เป็นแหล่งกำเนิดแสง นอกจากนี้ มันก็ยังมีอัญมณีนับไม่ถ้วนที่คอยประดับประดาราวกับดวงดาว

อย่างไรก็ตาม ในถ้ำขนาดใหญ่แห่งนี้ มันก็มีชายชราผมขาวเพียงคนเดียวที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่

เบ้าตาของเขาลึกและจมเข้าไป และดวงตาของเขาก็มืดดำ ตาขาวแทบจะมองไม่เห็น ฟันของเขาหลุดออกไปนานแล้ว และรูปร่างของเขาก็ผอมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

หากไม่ใช่เพราะหน้าอกของชายชรายังคงพองและยุบอยู่ ผู้คนก็คงจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาตายไปแล้ว

“ สำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายลงไปแล้ว มันคือปีศาจร้ายจากโลกเบื้องล่างจริงๆ หรอ?” ชายชราพึมพำ

ทุกคำที่เขาพูด ร่างกายของเขาก็สั่นไปหมด ราวกับว่ามันยากอย่างยิ่งที่จะพูดมันออกมา

ยิ่งไปกว่านั้น ผิวหนังที่แห้งเหี่ยวของเขาก็เริ่มมีรอยปูดโปน ราวกับว่ามันมีอะไรบางอย่างกำลังคืบคลานออกมาจากร่างกายของเขา

“ ต้นกำเนิดของปีศาจร้ายนี้คืออะไร? มันทรงพลังเกินไป” ชายชรากดตุ่มบนร่างกายของเขาและคิดกับตัวเองว่า “ จากคำอธิบายของศาลาวัฎจักรดาราสวรรค์ เขาก็ได้ฆ่าคนที่มาจากตำหนักมหาราชันลงไปแล้วจริงๆ”

“ แม้ว่าชายจากตำหนักมหาราชันคนนั้นจะบ้าคลั่งไปแล้ว แต่เขาก็ยังเป็นคนที่ไม่มีวันตาย แบบนี้แล้วเขาจะถูกฆ่าอย่างง่ายดายได้อย่างไร? นอกจากนี้ พลังที่ปีศาจร้ายแสดงออกมานั้นก็ยังแข็งแกร่งมาก…”

ผู้ฝึกตนที่ปรากฏตัวขึ้นกะทันหันทำให้อารมณ์ของชายชราแย่ลงอย่างมาก

การดำรงอยู่ที่ทรงพลังเช่นนี้ย่อมส่งผลกระทบอย่างมากต่อสถานการณ์โดยรวมอย่างแน่นอน

ในกรณีนี้ แผนการที่เขาและผู้อาวุโสอีกแปดคนได้กำหนดเอาไว้แต่แรกนั้นก็มีแต่จะต้องเลื่อนออกไปเท่านั้น

แผละ!

ในขณะนี้ แก้มขวาของชายชราก็บวมขึ้นอย่างกะทันหัน จากนั้นเลือดก็ไหลออกมา อย่างไรก็ตาม เลือดนั้นก็ไม่ใช่สีแดง

มันเป็นสีม่วงดำ!

ในเวลาเดียวกัน แมลงสีม่วงดำก็คลานออกมาจากมัน มันดูน่ากลัวมาก

พวกมันเกิดมาพร้อมกับความสามารถในการบินและมีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก พวกมันสามารถครอบงำผู้คนและทำให้พวกเขาบ้าคลั่งหรือเสียสติได้

นี่คือแมลงปีศาจมลายนภา!

มันมีแมลงปีศาจมลายนภาหลายร้อยตัวคลานออกมาจากร่างของชายชรา

จำนวนของพวกมันนั้นน่ากลัวมาก

และนี่ก็เป็นเพียงตุ่มเดียว

จากรูปลักษณ์ของชายชราแล้ว มันก็มีตุ่มมากกว่าหนึ่งจุดบนร่างกายของเขา

แผละ!

แผละ! แผละ!

พร้อมกับเสียงอู้อี้สามครั้ง เสียงระเบิดก็ดังขึ้นที่แขนซ้าย หน้าอก และหลังคอของชายชรา เลือดสีม่วงดำไหลรินออกมา และแมลงปีศาจมลายนภาจำนวนนับไม่ถ้วนก็คลานออกมา

หลังจากที่แมลงปีศาจมลายนภาเหล่านี้คืบคลานออกมา มันก็ดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่สนใจสิ่งมีชีวิตใดๆ รอบตัวพวกมัน

พวกเขาทั้งหมดบินขึ้นไปแทน

ตราบใดที่พวกมันบินขึ้นไปถึงความสูงระดับหนึ่ง พวกมันก็จะหายไปอย่างสมบูรณ์

นี่ดูเหมือนจะเป็นทางพิเศษสำหรับแมลงปีศาจมลายนภา

ในที่สุด หลังจากตุ่มทั้งหมดก็แตกออกเป็นชุดๆ และแมลงสีม่วงดำจำนวนนับไม่ถ้วนก็คืบคลานออกมา สภาพจิตใจของชายชราดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และดวงตาของเขาก็สดใสขึ้น

“ ช่างเป็นพลังที่ยากลำบากเสียจริง!”

ชายชรากัดฟัน และรอยแตกบนร่างกายของเขาก็ฟื้นตัวในทันที ราวกับว่ามันไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน

จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ยืนขึ้น ขณะเดียวกัน ร่างกายที่ดูเหมือนมัมมี่ของเขาจู่ๆ ก็ดูสูงขึ้นเป็นพิเศษ

เขาสูงขึ้นเกือบเก้าฟุต

“ บรรพชน บรรพชน…”

ชายชราพึมพำราวกับว่าเขากำลังหัวเราะและร้องไห้ ในเวลาเดียวกัน เขาก็หันหลังกลับและเดินไปทางตำหนักด้านหลัง “ ข้าไม่ได้มีเคล็ดวิชาเคลื่อนย้าย แล้วข้าจะไปปรากฏตัวเพื่อช่วยเจ้าในทันทีได้อย่างไร เจ้าเด็กโง่ เจ้าน่ะสมควรตาย…”

เขาคือบรรพชนที่เจ้าสำนักกล่าวถึง และเขาก็ยังเป็นหนึ่งในเก้าผู้อาวุโสของสำนักเซียน เขาได้มาถึงขอบเขตเทพลึกลับตั้งแต่เมื่อ 3,000 ปีที่แล้ว และได้รับคุณสมบัติบางอย่างของความเป็นอมตะมาครอบครอง

สำหรับคำว่า “บรรพชน ช่วยฉันด้วย!” มันก็ไม่สามารถใช้เพื่อขอความช่วยเหลือได้

จริงๆ แล้ว มันก็ใช้เพื่อส่งข้อความเท่านั้น

ตราบเท่าที่เจ้าสำนักคนปัจจุบันตะโกนประโยคนี้ขึ้น ชายชราก็จะสัมผัสได้และรับรู้ว่าสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกทำลายลงและเจ้าสำนักก็น่าจะถูกสังหารลงไปแล้ว

นี่เป็นปัญหาใหญ่ระดับโลกแตก

เขาต้องหารือเรื่องนี้อย่างระมัดระวังกับผู้อาวุโสอีกแปดคน

พวกเขาหารือกันว่าจะรายงานสถานการณ์นี้ดีหรือไม่

ชายชรากำลังคิดว่าจะพูดอะไรเมื่อเขามาถึงหน้าตำหนัก

เขาไม่ได้ผลักประตูเปิด เขายืนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งก่อนที่ลำแสงจะส่องลงมาและห่อหุ้มเขาไว้และหายไปพร้อมกับเขา

ถ้ำขนาดใหญ่กลายเป็นว่างเปล่า แต่กระนั้น มันก็กลับดูเหมือนจะมีชีวิตชีวามากกว่าตอนที่ชายชราอยู่ที่นี่

...

ฮั่วเอ๋อกลับไปที่กวนโจวอย่างหดหู่ใจ

ในขณะนี้ มันก็ได้เปลี่ยนกลับไปเป็นมังกรขนาดเล็กเจ็ดนิ้วแล้ว เมื่อมันมาถึงโรงเตี๊ยม มันก็เข้ามาใกล้กับซุยเฮ็งอย่างเชื่อฟัง แต่กระนั้นมันก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย

“ มีอะไรหรอ?” ซุยเฮ็งชำเลืองมองไปที่ฮั่วเอ๋อและหัวเราะเล็กน้อย “ แกก่อปัญหาขึ้นมาแล้วสินะ”

“ หงิง…” ฮั่วเอ๋อส่งเสียงร้องออกมาและลดหัวลง

“ไม่จำเป็นต้องเศร้าไป” ซุยเฮ็งยิ้มและพูดว่า “ ตำหนักเหล่านั้นพังทลายลงมาอย่างกะทันหัน และมันก็ทำให้ข้าสามารถตรวจจับร่องรอยของความผันผวนของพลังได้ ดังนั้นแค่ติดตามพวกมันกลับไปยังแหล่งที่มาแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”