ตอนที่ 278

บทที่ 278 : เทพน้อยคารวะท่านประมุขเซียน

ผู้คนบนถนนต่างพากันคุกเข่าลงและเปิดทางเดินกว้างไว้ตรงกลาง

ชายหนุ่มสองคนในชุดคลุมสีดำเดินออกมาอย่างช้าๆ

สีหน้าของพวกเขาดูไม่แยแสและคางของพวกเขาก็เชิดขึ้นเล็กน้อย พวกเขามองไปข้างหน้าและไม่แม้แต่จะเหลือบมองคนที่คุกเข่าอยู่ทั้งสองข้าง พวกเขาดูสูงส่งและทรงพลัง

พวกเขาทำเป็นหูหนวกต่อคำทักทายของผู้คน และเดินข้ามถนนราวกับว่าพวกเขาไม่ได้ยินอะไรเลย

พวกเขาเดินไปในทิศทางของตระกูลหลี่

ราวกับว่าสิ่งที่ทักทายพวกเขาไม่ใช่กลุ่มคนแต่เป็นฝูงมด มันไม่คุ้มกับความสนใจของพวกเขาเลย

ซุยเฮ็งยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ และเฝ้าดูทั้งสองคนเดินผ่านเขาไป เขายิ้มให้เป่ยฉิงซูและฮุ่ยฉีที่อยู่ข้างๆ และพูดว่า “ สองคนนี้คือเทวา”

“ คนที่นี่ต่ำต้อยกว่าหมูและหมาจริงๆ” เป่ยฉิงซูส่ายหัวเบาๆ และมองไปที่ทั้งสองคน “ อย่างไรก็ตาม พลังของสำนักมรณาเก้าสวรรค์นั้นก็ไม่ธรรมดาจริงๆ”

“ นายท่าน ข้าคิดว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปทางตระกูลหลี่?” ฮุ่ยฉีสังเกตเห็นว่าชายชุดดำทั้งสองคนกำลังจะไปที่ไหน

เมื่อสามัญชนเหล่านี้คุกเข่าลงเพื่อต้อนรับทั้งสอง ซุยเฮ็งก็ได้แอบเสกคาถาและปกปิดตัวเองเอาไว้ชั่วคราว

ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าพวกเขาจะยืนอยู่ตรงนี้และพูดคุยกันเสียงดัง แต่อีกฝ่ายก็จะไม่มีใครเห็นหรือได้ยินอะไร

“ อืม ข้าก็คิดแบบนั้น” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและพูดกับเป่ยฉิงซูว่า “ ฉิงซู ไปดูซิว่าพวกเขาต้องการจะทำอะไร”

“ รับทราบแล้วท่านอาจารย์!” เป่ยฉิงซูพยักหน้าและถามอย่างมีความหวัง “ ท่านอาจารย์ ข้าสามารถลงมือกับพวกเขาได้ไหม?”

“ เจ้าต้องการจะเอาชนะเด็กเพื่อล่อคนแก่ออกมาหรอ?” ซุยเฮ็งหัวเราะเบาๆ

“ ฮ่าฮ่า” เป่ยฉิงซูหัวเราะเห็นด้วยโดยปริยาย

“ งั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน เจ้าสามารถโจมตีได้ แต่ข้าจะไม่ช่วยเจ้า ” ซุยเฮ็งพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ เว้นซะแต่เจ้าจะถูกทำร้ายเจียนตาย”

“ ข้าขอแบบนั้นเลย!” เป่ยฉิงซูรู้สึกตื่นเต้นทันทีเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ ท่านอาจารย์ไม่ต้องกังวล ข้าจะพยายามให้ดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับปราชญ์ ถึงกระนั้น แม้แต่ปราชญ์ก็ยังไม่สามารถฆ่าข้าได้'

ปราชญ์สามารถฆ่าเซียนอนันต์ทองได้เพราะพวกเขามีความสามารถในการดึงเอาแก่นแท้เซียนออกมาได้

ในทางกลับกัน เป่ยฉิงซูก็ได้ฝึกฝนกายาเซียนทองแท้ มันไม่สามารถถูกถอดออกมาได้

เป่ยฉิงซูจากไปพร้อมกับกำลังใจอันเต็มเปี่ยม เขากำลังจินตนาการถึงความตื่นเต้นในการต่อสู้กับเหล่าเซียนอนันต์ทองบนดาวชงหยาง

“ ปราชญ์ไม่สามารถฆ่าเขาได้ แต่พวกเขาก็ยังสามารถข่มเขาเอาไว้ได้” ฮุ่ยฉีกล่าวอย่างเป็นกังวล “ ถ้าปราชญ์ลงมือโจมตี ท่านจะโจมตีด้วยไหม?”

“ ไม่” ซุยเฮ็งส่ายหัวและยิ้ม “ ไม่ว่าจะในกรณีใด เขาก็จะไม่ตาย เป็นการดีที่จะปล่อยให้เขาได้ปรับปรุงในแง่ของการต่อสู้ นี่ถือเป็นวิธีการฝึกฝนของเขาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว”

“ …” ฮุ่ยฉีอดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญแทนเป่ยฉิงซู

“ ไปกันเถอะ ตามข้ามา” ซุยเฮ็งโบกมือแล้วบินขึ้นไปบนท้องฟ้า

หลังจากที่หลี่เฉิงกลับมาบ้าน เขาก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศแปลกไปมาก

มันมีบรรยากาศที่ตึงเครียดอยู่ทุกที่ หลังจากที่ลุงทุกคนกลับมาแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามพ่อของเขาว่า “ ท่านพ่อเกิดอะไรขึ้น? มีบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้านในขณะที่ข้าไม่อยู่หรือเปล่า?”

“ มีบางอย่างเกิดขึ้นแล้ว” หลี่ฉวนพยักหน้าและถอนหายใจ “ แต่ข้าก็ยังพอรับมือได้ เจ้าควรมุ่งเน้นไปที่การฝึกตนและมุ่งมั่นที่จะเป็นปราชญ์ให้เร็วที่สุด ด้วยวิธีนี้ ปัญหาทั้งหมดของเราก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป”

“ ท่านพ่อ ข้าจะฝึกตนอย่างสงบได้อย่างไรในเมื่อท่านพูดเช่นนั้น” หลี่เฉิงส่ายหัวและพูดเสียงเบาว่า “ ก่อนหน้านี้ข้าถามพวกท่านลุงไปแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ได้บอกอะไรข้าเลย”

“ เห้อ” หลี่ฉวนถอนหายใจและพูดอย่างหมดหนทาง “ เอาล่ะ เรื่องมันเป็นแบบนี้…”

จากนั้นเขาก็บอกหลี่เฉิงเกี่ยวกับอาณาจักรลึกลับราชันสุริยัน

“ มันมีเรื่องแบบนี้ด้วยหรอ” หลี่เฉิงไม่ได้ตกใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ แต่เขากลับมีความสุขและหัวเราะเสียงดัง “ ฮ่าฮ่าฮ่า! ท่านพ่อ มันเยี่ยมไปเลย! ท่านประมุขเซียนสนใจมันมาก และข้าก็กังวลอยู่พอดีว่าจะไม่มีข้อมูลอะไรไปมอบให้เขา!”

ก่อนกลับบ้าน เขาได้ถามซุยเฮ็งว่าเขาสามารถอธิบายตัวตนของซุยเฮ็งกับครอบครัวของเขาได้หรือไม่

คำตอบของซุยเฮ็งนั้นเป็นกันเองมาก

และเนื่องจากเขาได้รับอนุญาตจากซุยเฮ็งแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีอะไรต้องกังวล

หลี่ฉวนรู้สึกสับสนเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขารีบโบกมือและพูดว่า “ เดี๊ยวก่อนนะ ประมุขเซียนคนไหนกัน? เฉิงเอ๋อ ร้อยปีที่ผ่านมาเจ้าไปทำอะไรมากัน?”

แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าหลี่เฉิงกำลังพูดถึงอะไร แต่เขาก็รู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติได้โดยสัญชาตญาณ

“ ท่านพ่อฟังข้านะ เรื่องมันเป็นแบบนี้…” หลี่เฉิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ เมื่อร้อยปีที่แล้ว น้องหญิงและข้าได้ค้นพบความเชื่อมโยงของเครื่องหมายของท่านปู่ทวด ดังนั้นเราจึงขับเรือเหาะไปยังดาวเต๋าโจวเพื่อทำการตรวจสอบ”

“ เราได้พบกับท่านประมุขเซียนผู้ทรงพลังที่นั่น ความแข็งแกร่งของเขานั้นสุดจะพรรณนาได้ ข้าสามารถพูดได้ว่าเขามีพลังมากจริงๆ”

“ เจ้าได้พบกับปราชญ์หรอ?!” ดวงตาของหลี่ฉวนเป็นประกายราวกับว่าเขาได้เห็นแสงสว่างจ้าในความมืด เขาพูดด้วยความประหลาดใจ “ ความสัมพันธ์ของเจ้ากับปราชญ์คนนี้เป็นอย่างไร?”

“ เขาไม่ใช่ปราชญ์ เขาจะเป็นเพียงปราชญ์ได้อย่างไร” หลี่เฉิงรีบส่ายหัวและพูดว่า “ ปราชญ์ไม่เพียงพอที่จะอธิบายถึงพลังของท่านประมุขเซียนคนนี้ ข้าเคยเห็นเขาทำการโจมตีมาก่อนแล้ว”

“ แข็งแกร่งกว่าปราชญ์?!” หลี่ฉวนอุทานด้วยความตกใจ “ มีคนแบบนั้นอยู่บนโลกใบนี้จริงๆ หรอ?”

“ ท่านกำลังนึกถึงขอบเขตราชาปราชญ์ใช่ไหม?” หลี่เฉิงส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม “ ไม่เลย แม้แต่ราชาปราชญ์ก็ยังทำได้เพียงมองฝ่าเท้าของเขาเท่านั้น”

“ …” ครั้งนี้หลี่ฉวนเงียบลง และรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็แข็งค้าง เขาขมวดคิ้วและทำให้หลี่เฉิงรู้สึกได้ใจยิ่งขึ้น เขาพูดอย่างกังวลว่า “ เจ้ายังสบายดีอยู่ไหม? เจ้าอยู่ภายใต้มนต์สะกดรึเปล่า? แล้วน้องสาวเจ้าล่ะ? นางอยู่ไหน? เว่ยเอ๋อร์หายไปไหน? ทำไมนางถึงไม่กลับมาพร้อมกับเจ้า”

“ ท่านพ่อ ท่านจะไปกันใหญ่แล้ว” หลี่เฉิงพูดไม่ออกและพูดต่อว่า “ ให้ข้าพูดให้จบก่อน หลังจากที่เราได้พบกับท่านประมุขเซียนแล้ว ข้าก็ได้ติดตามเขาไปยังดาวที่ปู่ทวดเสียชีวิต

“ อย่างที่ท่านทราบ ไม่นานหลังจากที่ข้าจากไป สำนักและตระกูลอื่นๆ ก็ได้ส่งเรือเหาะขนาดใหญ่มาติดตามข้า”

“ เมื่อข้าติดตามท่านประมุขเซียนมาถึงยังดาวดวงนั้น เรือเหาะขนาดใหญ่ทั้งหมด 16 ลำก็ได้ปิดผนึกดาวเคราะห์เอาไว้แล้ว”

“ ท่านลองเดาดูสิว่าเกิดอะไรขึ้นต่อไป?”

“ อย่าบอกนะว่าประมุขเซียนของเจ้าสามารถเอาชนะพวกเขาทั้งหมดได้?” หลี่ฉวนไม่เชื่อเรื่องไร้สาระของหลี่เฉิงอีกต่อไป

“ เฮ้ ถ้าท่านไม่ได้เห็นฉากนั้นเอง ท่านก็คงจะไม่สามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอน” หลี่เฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ ท่านประมุขเซียนได้มอบความรู้แจ้งให้แก่ดาวเคราะห์ดวงนั้นและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นเทพแห่งดวงดาวผู้ยิ่งใหญ่อย่างหาที่เปรียบมิได้”

“ เทพดวงดาวนี้ยิ่งใหญ่กว่าโลกทั้งใบ มันยื่นมือออกมาอย่างสบายๆ และคว้าเอาเรือเหาะขนาดใหญ่กว่าสิบลำเอาไว้”

“ นั่นเป็นความแข็งแกร่งที่เกินขอบเขตที่หกของโลกเซียนอย่างแน่นอน ปราญ์หรือราชาปราชญ์คืออะไร? เมื่อเทียบกับเทพดวงดาวแล้ว พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรไปจากมดและแมลง”

“ และผู้ที่ทรงพลังถึงขนาดนี้ก็เกิดขึ้นมาจากพลังของท่านประมุขเซียน ลองเดาดูสิว่าท่านประมุขเซียนนั้นจะทรงพลังเพียงใด?”

“ …ลูกเอ๋ย พ่อทำให้ลูกผิดหวัง ลูกคงจะเครียดมากจนเกินไป” หลี่ฉวนตกตะลึงอย่างสมบูรณ์และต้องการจะปลอบหลี่เฉิง

เขาคิดว่าหลี่เฉิงได้พบกับสิ่งที่น่ากลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมาและได้เสียสติไปแล้ว ไม่งั้นเขาจะพูดคำแบบนี้ออกมาหรอ?

มันไร้สาระ!

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเชื่อ

“ เฮ้อ…” หลี่เฉิงทำอะไรไม่ถูก เขาพลิกฝ่ามือและหยิบเรือเหาะขนาดใหญ่ที่ซุยเฮ็งให้เขายืมออกมา “ ท่านพ่อดูสิว่านี่คืออะไร”

“ นี่มันไม่ใช่เรือเหาะธรรมดา นี่คือเรือเหาะขนาดใหญ่?!” ดวงตาของ หลี่ฉวนเบิกกว้างในขณะที่เขาตัวสั่น เขารู้สึกเสียวซ่าทั่วหนังศีรษะในขณะที่เขามองไปที่หลี่เฉิงด้วยความเหลือเชื่อและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ งั้นสิ่งที่เจ้าเพิ่งพูดไปก็…”

“ นายท่าน นายท่าน!”

ในขณะนี้ พ่อบ้านชราก็รีบวิ่งมาจากข้างนอกและอุทานว่า “ นายท่านแย่แล้ว เทวาทั้งสองจากสำนักมรณาเก้าสวรรค์ได้มาที่นี่ และยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้พวกเขาก็ยังกล่าวเจาะจงว่าพวกเขาต้องการจะนำนายน้อยไปที่สำนักมรณาเก้าสวรรค์ด้วย!”

“ อะไรนะ?!” หลี่ฉวนรู้สึกโกรธในทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ เขากัดฟันและพูดว่า “ พวกมันกำลังพยายามจะทำอะไร? ตอนแรกพวกมันก็มาซักไซ้ถามเราอยู่เรื่อยๆ มาตอนนี้ ลูกชายของข้าเพิ่งจะกลับมา พวกมันก็ต้องการจะพาตัวเขาไปแล้วหรอ!”

“ ทำไมกัน? ผู้อาวุโสหลี่ไม่พอใจคำสั่งจากผู้อาวุโสของเราหรอ?”

เสียงที่ภาคภูมิใจดังขึ้น

ในเวลาเดียวกัน เทวาทั้งสองจากสำนักมรณาเก้าสวรรค์ก็เดินเข้ามา พวกเขามองไปที่หลี่ฉวนด้วยความดูถูกและหันไปหาหลี่เฉิง พวกเขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “ เจ้าคือหลี่เฉิงใช่ไหม?”

“ ถูกต้องแล้ว” หลี่เฉิงพยักหน้าและก้าวไปข้างหน้า เขาพูดน้ำเสียงจริงจังว่า “ พวกเจ้ากำลังทำอะไร?”

“ ข้ายังไม่ได้อนุญาตให้เจ้าถาม จงตามเราไปหาเจ้าสำนักแต่โดยดี” เทวาคนหนึ่งพูดขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้จริงจังกับหลี่เฉิงเลย

เทวาทั้งสองนี้กล้าที่จะพูดกับเซียนอนันต์ทองเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคิดว่าสถานะของพวกเขานั้นจะสามารถปราบปรามหลี่เฉิงได้และมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะไม่กล้าโจมตี

เป่ยฉิงซูที่ซ่อนตัวอยู่ได้เดินตามทั้งสองคนเข้ามา เขาดูประหลาดใจและถอนหายใจในใจ

“ ดูเหมือนว่าพลังของสำนักมรณาเก้าสวรรค์จะหยั่งรากลึกลงไปในหัวใจของผู้คนในดาวชงหยางแล้ว แม้แต่เทวาก็ยังกล้าที่จะปฏิบัติต่อเซียนอนันต์ทองเช่นนี้โดยไม่สนใจความแตกต่างของพลังของพวกเขา”

“ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก็ยังน่าสนใจ ยิ่งพวกเขามีพลังมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งส่งเสริมการฝึกตนของข้าได้มากขึ้นเท่านั้น ข้าหวังว่าพวกเขาจะไม่ใช่หมาที่ดีแต่เห่านะ!”

….

ซุยเฮ็งบินขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับฮุ่ยฉีและในไม่ช้าก็มาถึงบรรยากาศที่เต็มไปด้วยลมแห่งดวงดาว

มีลมแรงมากทุกที่ และอุณหภูมิก็ต่ำมาก บางครั้งจะมีฟ้าแลบรุนแรง มันมีพลังทำลายล้างสูงและพุ่งพล่านไปทุกทิศทุกทาง มันอันตรายกว่าดาวเคราะห์ทั่วไปมาก

“ นายท่าน กฎที่นี่ค่อนข้างแปลกนิดหน่อย” ฮุ่ยฉีสัมผัสได้ถึงความผิดปกติในทันทีและถามด้วยความสงสัยว่า “ มันรุนแรงเกินไปมาก สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยพลังที่รุนแรง บรรยากาศรอบๆ นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”

“ ไม่เพียงแค่นั้น มันยังเป็นไปไม่ได้ที่ดาวขนาดใหญ่เช่นนี้จะมีสิ่งมีชีวิตได้ภายใต้สถานการณ์ปกติ” ซุยเฮ็งยิ้มและมองไปข้างหน้า “ มันจะต้องมีคนแก้ไขกฎของที่นี่และจัดการมันอยู่แน่นอน”

“ แก้ไขกฎของดวงดาวอย่างนั้นหรอ?” ดวงตาของฮุ่ยฉีเบิกกว้างเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ เขามองไปที่พื้นด้านล่างด้วยความเหลือเชื่อ “ นี่คือพลังแบบไหนกัน? มันไม่น่าเชื่อเลย!”

“ มันไม่ใช่เรื่องยากถ้าเจ้าต้องการที่จะเชี่ยวชาญ” ซุยเฮ็งยิ้มและก้าวไปข้างหน้า เขาพูดเสียงดังว่า “ ในเมื่อเจ้าสังเกตเห็นเราแล้ว งั้นทำไมเจ้าถึงไม่แสดงตัวออกมาล่ะ?”

“ เห้อ…” เสียงถอนหายใจดังขึ้นบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยพลังอันรุนแรง นี่เป็นเสียงที่ฟังดูแก่อย่างหาที่เปรียบมิได้ ราวกับว่ามันกำลังจะตาย

จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงพูดด้วยความเคารพอย่างสูงว่า

“ เทพน้อยคารวะท่านประมุขเซียน!”