ตอนที่ 30 - บทที่ 30 สภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

บทที่ 30 สภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก?

"เขตอันตรายงั้นเหรอ?"

เฉินฟานได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรก

"อืม"

ชายหัวโล้นหันกลับมามองที่เฉินฟานแล้วพูดว่า "จำแรดหุ้มเกราะที่เราเจอระหว่างทางเมื่อวานนี้ได้ไหม มันอาศัยอยู่ในเขตอันตราย และภายในเขตนี้ส่วนใหญ่เป็นสัตว์อสูรระดับกลางที่กินเนื้อเป็นอาหาร ถ้าเจ้าโชคไม่ดีเจ้าก็สามารถพบกับสัตว์อสูรระดับสูงได้”

“สัตว์อสูรระดับสูง...”

เฉินฟานหายใจไม่ออกทันที

สัตว์อสูรระดับสูงที่เรียกว่ามักจะสูงสามหรือสี่เมตร และยังมีตัวที่ใหญ่กว่าอีกด้วย พวกมันมีความแข็งแกร่งที่จะทำลายหมู่บ้านเล็กๆของมนุษย์ได้ และมีความก้าวร้าวอย่างมาก!

เขาเคยได้ยินมาว่าในอดีต มีหมู่บ้านเล็กๆหลายแห่งที่ถูกฆ่าหรือได้รับบาดเจ็บในชั่วข้ามคืน เพราะพวกเขาตกเป็นเป้าหมายของสัตว์อสูรระดับสูง และพวกมมันทำลายกำแพงเข้าไปในเวลากลางคืน

“เรากลับไปหาที่อื่นกันเถอะ”

เฉินกัวตงมองไปข้างหน้าด้วยความกลัวในดวงตจา เรื่องราวที่เล่าขานของสัตว์อสูรเหล่านี้ล้วนแลกเปลี่ยนกับชีวิตมนุษย์

จากนั้นทีมล่าได้เดินไปทางตะวันออกเฉียงใต้

“เจ้ารู้สึกไม่สบายตัวอย่างมากใช่ไหม?”

ชายหัวล้านยิ้มให้เฉินฟาน

"อืม"

เฉินฟานพยักหน้าและเช็ดเหงื่อออกจากศีรษะ เขารู้สึกว่าหลังของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ และเขารู้สึกไม่สบายตัวอย่างมากเมื่อมีเกาะติดกับร่างกายของเขา

“นี่เป็นเรื่องปกติของการออกมาล่าสัตว์”

ชายหัวโล้นปลอบใจ "เมื่อก่อนพวกเราเดินทางไกลมาหนึ่งวันก็ยังไม่สามารถมองเห็นแม้แต่เงาของเหยื่อสักตัวก็ยังมี บางครั้งเมื่อเห็นมันก็พุ่งหายไปในพริบตา"

“ใช่แล้ว เมื่อวานพวกเราโชคดีอย่างมากที่ได้เจอเหยื่อหลายตัว แน่นอนว่าการยิงธนูของเสี่ยวฟานนั้นแม่นยำอย่างปฏิเสธไม่ได้ ไม่เช่นนั้นมันก็ไม่มีประโยชน์แม้จะได้เจอมันก็ตาม” ชายวัยกลางคนจมูกโตยิ้มและพูดออกมา

"อย่างนั้นเหรอ?"

เฉินฟานแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะเต็มไปด้วยความคาดหวังมากเกินไป แต่ให้กลับไปตอนนี้เขาก็ยังเสียดายอยู่ เพราะที่เขาออกมาล่าครั้งนี้เพื่อเพิ่มความเชี่ยวชาญของ [การยิงธนูขั้นพื้นฐาน] นี้เป็นจุดประสงค์หลัก

เขาหวังว่าวันนี้เขาจะได้รับบางสิ่งบางอย่าง…

โดยไม่รู้ตัวนั้น เขาถอนหายใจในใจและมองกลับไปยังสถานที่ที่ลุงหลิวและคนอื่นๆ เรียกว่า "เขตอันตราย" มันน่าจะมีเหยื่อเยอะใช่ไหม? แต่ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา มันก็ยังอันตรายเกินไป

จากนั้นทุกคนก็ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

เขาไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน แต่จู่ๆก็มีจุดดำเล็กๆ สองสามจุดปรากฏขึ้นข้างหน้าประมาณสองถึงสามร้อยเมตร

เฉินฟานก็เห็นมันเช่นกัน

ทุกคนรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที และรีบก้าวเข้าไปใกล้พวกมันมากขึ้นทันที เมื่อพวกเขาเข้าใกล้มากกว่า 100 เมตร พวกเขาทั้งหมดก็แสดงสีหน้าแปลก ๆ บนใบหน้าของพวกเขาทันที

เขาเห็นหมาป่าคลั่งสีเทาสองตัวกำลังโจมตีวัวป่าตัวเดียว วัวป่าดูเหมือนจะยังไม่โตเต็มวัยด้วยซ้ำ มันไม่ใหญ่กว่าหมาป่ามากนัก มันมีเขาขนาดเท่าแขน และวิ่งไปทางซ้ายและขวาเพื่อต้องการฆ่าหนึ่งในสองตัวนั้น

อย่างไรก็ตามหมาป่าคลั่งทั้งสองร่วมมือกันโดยปริยาย ตัวหนึ่งมีหน้าที่ในการดึงดูดความสนใจ และอีกคนก็ทำการลอบโจมตีโดยเน้นไปที่การกัดช่องท้องส่วนล่างที่อ่อนนุ่มของอีกฝ่าย

เมื่อเฉินฟานและคนอื่นๆ มาถึง ลำไส้ของลูกวัวตัวนี้ก็ถูกลากลงมาแล้ว และเลือดก็กระจัดกระจายไปทั่วพื้นดิน เห็นได้ชัดว่ามันกำลังจะล้มลงแล้ว

ในขณะนี้ หมาป่าคลั่งทั้งสองที่เริ่มการโจมตีก็สังเกตเห็นกลุ่มคนด้วยเช่นกัน และวิ่งหนีอย่างระมัดระวัง พร้อมกับหันจ้องมองไปที่เหยื่อสลับกับจ้องมาที่กลุ่มคน

วัวป่านอนอยู่ตรงนั้นและกำลังจะตายแล้ว

ทุกคนมองหน้ากันด้วยความตกตะลึงราวกับจะบอกว่ามีอะไรดีๆ แบบนี้ด้วยเหรอ? มันจะเป็นความฝันได้ไหม?

"นี้มันเป็นเรื่องจริงหรอ?"

จากชายหัวล้านไอสองครั้งแล้วพูดว่า "เราควรจะเอาวัวตัวนี้กลับไปด้วยไหม? หรือเราควรจะทิ้งมันไว้ที่นี่?"

"ฮ่าๆๆ"

คนที่เหลือในกลุ่มก็หัวเราะ

“ยังจำเป็นต้องพูดอีกเหรอ? แน่นอนเราต้องเอามันกลับไป พระเจ้าประทานมันให้เราแล้ว!”

“ใช่แล้ว คงเห็นว่าเรามาไกลแต้ไม่พบอะไรเลย แล้วเราจะทิ้งมันไว้ที่นี่ได้ยังไงล่ะ ถึงแม้วัวตัวนี้จะยังไม่โตเต็มวัยแต่อย่างน้อยๆมันต้องหนักสองร้อยจินไม่ใช่หรือ?”

"ฮ่าฮ่า ข้าอยากจะขอบคุณสัตว์อสูรสองตัวนั้นจริงๆ ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อพวกเรา"

เฉินกัวตงเงียบเล็กน้อยและขมวดคิ้ว

“พ่อ มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ?”

เฉินฟานค่อนข้างมีความสุขในตอนแรก แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าของพ่อของเขา เขาก็ถามด้วยความสงสัย

"ไม่มีอะไรหรอก"

เฉินกัวตงส่ายหัว มองดูวัวที่กำลังจะตายเร็วๆนี้เพราะเสียเลือดมาก แล้วถามว่า "เสี่ยวฟาน เจ้าก็ไปช่วยสงเคราะห์มันเถอะ"

"ครับ"

เฉินฟานพยักหน้า เดินผ่านฝูงชนมาประมาณสามสิบถึงสี่สิบเมตร และเขาก็ยิงธนูออกไป

วัวป่าไม่รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวรอบๆ ตัวมันเลย มันนอนนิ่ง และลูกธนูก็พุ่งหามันราวกับกำลังยิ่งไปที่เป้าหมายที่ตายแล้ว

เขาเหลือบมองความเชี่ยวชาญของทักษะ [การยิงธนูขั้นพื้นฐาน] ซึ่งมีน้อยกว่า 1%

แต่ข่าวดีก็คือเขาได้รับแต้มค่าประสบการณ์ 5 แต้ม และมีแต้มสะสมทั้งหมด 8 แต้ม

เมื่อคิดในใจ เขามองออกไปในระยะไกลและพบว่าหมาป่าคลั่งทั้งสองตัวยังคงจ้องมองสถานที่นี้ที่กลุ่มของเขาอยู่

“ระยะทางค่อนข้างไกล ห่างออกไปประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบเมตร สัตว์อสูรสองตัวนี้ค่อนข้างฉลาดอย่างมาก”

เจตนาฆ่าแวบขึ้นมาในดวงตาของเขา

แม้ว่าเขาจะใช้คันธนูแปดสิบปอนด์บนหลังนี้ แต่ก็ยากที่จะยิงถูกมันได้ด้วยระยะเกิน 100 เมตรนี้ และแม้ว่าจะยิงโดนเป้าหมาย แต่ก็ไม่น่าจะทำให้มันตายได้

คนอื่นๆ ไม่ได้อยู่เฉย และรีบเริ่มแยกชิ้นส่วนเหยื่อ เตรียมลากมันกลับไป

เฉินกัวตงขมวดคิ้วและเขายังสังเกตเห็นว่าหมาป่าคลั่งทั้งสองตัวกำลังจ้องมาที่พวกเขาอยู่ เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่เต็มใจที่จะละทิ้งเหยื่อไปมากนัก

หมาป่าคลั่งเป็นสัตว์อสูรที่แค้นฝั่งใจอย่างมาก และเขากรงว่าพวกมันจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

“วันนี้เรามาหยุดการล่าแค่นี้พอ”

เขาพูดว่า "ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ นอกจากนี้หากเราสามารถลากเหยื่อนี้กลับไปที่หมู่บ้านได้จริงๆ การเก็บเกี่ยวครั้งนี้ก็ถือว่ามากมายอยู่"

"อืม"

ทุกคนเห็นด้วย

พวกเขาได้รับมันโดยไม่ได้ทำอะไร แล้วพวกเขาจะไม่พอใจได้อย่างไร

บนดินแดนรกร้าง ทีมล่ากำลังเดินกลับ หลังจากผ่านไปหนึ่งหรือสองร้อยเมตร ร่างสีเทาสองตัวก็ตามพวกเขามาอย่างใกล้ชิด ราวกับตังเมสีน้ำตาลที่ไม่สามารถสลัดออกไปได้

เฉินฟานพยายามริเริ่มโจมตี แต่ทันทีที่เขามุ่งเป้ามาที่พวกมัน หมาป่าคลั่งทั้งสองก็วิ่งกลับไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อเขากลับมา พวกมันก็ตามมาเหมือนเดิม

"โอ้ ไอ้สุนัขสองตัวนี้!"

เฉินฟานพูดคำหยาบคายอยู่ในใจ

ทำไมหมาป่าพวกนี้ถึงฉลาดนัก?

ระยะการยิงของเขายังไม่ไกลพอ หากเขาใช้ธนูหนึ่งร้อยปอนด์จากระยะห่างสองร้อยเมตรนี้ ลูกธนูของเขาจะต้องเจาะเข้าที่หัวของพวกมันอย่างแน่นอน

"กัวตง"

การแสดงออกของชายหัวโล้นเริ่มจริงจัง และเขาก็มองไปที่หมาป่าทั้งสองตัว "เจ้าคิดว่าสัตว์อสุรสองตัวนี้กำลังเรียกเพื่อนมันอยู่หรือเปล่า?"

"อาจจะ"

เฉินกัวตงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม "นี่คือสิ่งที่ข้ากังวลในตอนแรก หมาป่าพวกนี้ชอบออกล่าเป็นกลุ่ม มันแปลกนิดหน่อยที่มันมีแค่สองคนนี้ เมื่อมองดูพวกมันตอนนี้ พวกมันคงไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ต่อวัวป่า ข้าคิดว่ามีแนวโน้มที่พวกมันจะรอเพื่อนของพวกมันมาเสริมทัพ”

"อะไรนะ!"

“แล้วเราควรทำยังไงดี?”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ คนอื่นๆ ในทีมก็ตื่นตระหนกอย่างมาก

ไม่ต้องพูดถึงหมาป่าคลั่งสองสามตัว แม้แต่สี่หรือห้าตัว พวกเขาไม่ได้สนใจพวกมันมากนัก ด้วยอาวุธในมือและความได้เปรียบในด้านจำนวน พวกเขาจะได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แต่หากมีกลุ่มใหญ่เกินสิบหรือยี่สิบตัวก็อันตรายมากแล้ว

เห็นได้ชัดว่ามันไม่คุ้มที่จะเสี่ยงเพื่อแลกกับเหยื่อนี้

แต่ใครล่ะจะยอมสละผลประโยชน์ที่อยู่ในมือแล้วล่ะ?

หลังจากนั้น สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่เฉินกัวตง ถึงเวลาที่หัวหน้าทีมจะตัดสินใจแล้ว!