“มาดูกันก่อนละกันว่าพวกแกเป็นใคร?”
โจวโจวมองไปยังจิตรกรรมพันภูผานทีที่อยู่ตรงหน้าของเขาและตั้งสมาธิไปยังจุดที่สัมผัสมรณะชี้แนะ
อึดใจต่อมา สายตาของเขาก็มืดดับลง และทิวทัศน์ใหม่ก็ปรากฏขึ้นรอบกายของเขาอย่างรวดเร็ว
เขามองไปรอบๆ
มันมีต้นตะวันหยกเรียงอย่างเป็นระเบียบอยู่รอบๆ ที่แห่งนี้ และไกลออกไปมันก็มีเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่
บนกำแพงเมืองคือแผ่นหินที่มีคำว่า ‘เมืองตะวันหยก’ ถูกเขียนเอาไว้
“มันคือเมืองตะวันหยกสินะ…”
โจวโจวจดจำที่แห่งนี้ได้
เมืองตะวันหยกแห่งนี้เคยเป็นดินแดนภูมิภาคที่มีชื่อว่าที่ราบป่าเฉามาก่อน
มันเป็นที่มาของมอนสเตอร์ในฟาร์มอย่างต้นไม้ปีศาจเฉา!
สำหรับเมืองตะวันหยก มันก็เคยถูกเรียกว่าหมู่บ้านไม้เฉามาก่อน
ต่อมา หลังจากได้เข้าร่วมกับดินแดนตะวันสาดแสง พวกเขาก็ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่เพราะทุกคนภักดีต่อโจวโจวมาก ซึ่งก็มีชาวเมืองบางส่วนเลือกที่จะอาศัยอยู่ ณ ที่แห่งเดิม
ไม่นานหลังจากนั้นคนกลุ่มนี้ก็ได้สร้างเมืองตะวันหยกขึ้นมา
เขามองดูคร่าวๆ และตระหนักได้ว่าชาวเมืองตะวันหยกนั้นไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายอะไร จากนั้นเขาก็มองไปยังทิศทางที่สัมผัสมรณะชี้นำ
จากนั้นเขาก็ลอยเข้าไป
หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็มาถึงสุสานแห่งหนึ่ง
การรับรู้ที่น่าอัศจรรย์ได้รับการปลดปล่อยทันที
เขาเห็นผู้กล้าจากอาณาจักรอสูรเหมันต์หนึ่งคนและผู้กล้าอีกหกคนจากอาณาจักรต่างเผ่าพันธุ์อยู่ไม่ไกลนัก ในเวลาเดียวกัน เขาก็รับรู้เป้าหมายและที่มาของพวกมันจากที่พวกมันพูดคุยกันเป็นครั้งคราว
“งั้นมันก็เป็นศัตรูที่อยู่เบื้องหลังพันธมิตรต่างเผ่าพันธุ์สินะ ฉันยังไม่ได้ตามหาเลย แต่พวกมันกลับโผล่หน้ามาเองอีกแล้ว”
สีหน้าของโจวโจวเย็นวาบขึ้นมาเมื่อเขาเห็นเช่นนี้
ในเวลาเดียวกัน หนามภูติโลหิตน้ำแข็งอาร์โนก็ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่งอย่างเลือนราง มันหันไปมองยังทิศทางของโจวโจวและพูดออกมาอย่างจริงจัง
ผู้กล้าทั้งหกตกใจและรีบหันไปทันที
อย่างไรก็ตาม พวกมันก็ไม่เห็นอะไร
“ท่านอาร์โนพบอะไรเหรอ?”
ผู้กล้าคนหนึ่งถามมันด้วยความประหลาดใจ
“แปลก ข้าสัมผัสได้รางๆ ว่ามีสิ่งมีชีวิตกำลังแอบมองพวกเราอยู่ แต่เมื่อข้าหันไป ข้าก็ไม่เห็นอะไรเลย หรือว่าข้าจะคิดไปเอง?”
อาร์โนขมวดคิ้ว
ผู้กล้าคนอื่นๆ เองก็ตกใจเมื่อพวกมันได้ยินเช่นนี้ พวกมันรีบปลดปล่อยการรับรู้ออกมาเพื่อตรวจสอบบริเวณโดยรอบ
สุดท้ายพวกมันก็ไม่พบอะไรเลย
พวกมันไม่ได้พูดอะไรออกมาเมื่อพวกมันเห็นเช่นนี้ โดยคิดว่าท่านอาร์โนอาจจะหวาดระแวงเกินไปหน่อย
อาร์โนไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ร่องรอยของความสับสนก็บังเกิดขึ้นที่ระหว่างคิ้วของมัน
หรือว่ามันจะระแวงเกินไปหน่อย?
…
ณ วังของลอร์ดในอาณาจักรตะวันสาดแสง
“ผู้กล้าจากอาณาจักรอสูรเหมันต์ผู้นี้มีประสาทการรับรู้เฉียบแหลมจริงๆ สติของฉันเกือบถูกตรวจพบแน่ะ”
โจวโจวถอนสายตากลับมาจากหนามภูติโลหิตน้ำแข็งและคิดอย่างใจเย็น
อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่เป็นอะไรถ้าถูกตรวจพบ
เมื่อเขาเห็นคนพวกนี้ มันก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าศัตรูพวกนี้จะต้องตาย
เมื่อคิดได้ โจวโจวก็เรียกไป่อี้ อู๋ซิน ซื่อซวนเถียน ซวีอัน เกาเฉียว และลูกน้องอีก 10 คนเข้ามาผ่านระบบกองทัพ
“คาราวะฝ่าบาท!”
ทุกคนกล่าวออกมาด้วยความเคารพ
โจวโจวพยักหน้าอย่างใจเย็น
“เป็นใครที่รับผิดชอบในการลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยของเมืองหลวง?”
เขาถาม
“ฝ่าบาท เป็นศรวิญญาณอู๋ตู่เจ้าค่ะ” ไป่อี้กล่าวด้วยความเคารพ
“ให้เขารับโทษหลังจากพิธีสถาปนา ตั้งเป็นการลงโทษ 'เล็กน้อย' ชั่วคราว! ศัตรูอยู่ข้างหน้าเราแล้ว แต่เขายังไม่พบมันเลย การลาดตระเวนนี้จะไปมีประโยชน์อะไร?” โจวโจวแค่นเสียง
แม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันคงเป็นเรื่องยากที่อู๋ตู่จะตรวจพบผู้กล้าระดับเหนือสามัญ ระดับมหากาพย์ และกระทั่งระดับตำนานได้ด้วยความแข็งแกร่งในระดับเพชรของเขา แต่มันก็เป็นความจริงที่ว่าเขาไม่อาจตรวจพบศัตรูได้
เขาต้องถูกลงโทษ
รางวัลและบทลงโทษต้องเป็นไปตามระเบียบ!
นี่เป็นหนึ่งในหลักการที่สำคัญที่สุดของเขาในฐานะลอร์ด!
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังแสดงความเมตตาและให้บทลงโทษ ‘เล็กๆ’ เท่านั้น
บทลงโทษนี้เล็กน้อยมาก อย่างมากที่สุด เขาก็คงถูกปลดออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการและถูกปรับเท่านั้น
เพราะสำหรับอาณาจักรอื่น การปลดตำแหน่งและการปรับนั้นก็เป็นแค่บทลงโทษเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นสำหรับการละเลยความปลอดภัยเช่นนี้ในวันสำคัญเช่นพิธีสถาปนา
มันเป็นไปได้ด้วยซ้ำที่เขาจะถูกสั่งให้ปลิดชีพตัวเองเพื่อชดใช้ความผิดนี้!
เหล่าผู้กล้าต่างก็รู้ว่าโจวโจวใจดีแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีใครร้องขอความเมตตาให้กับอู๋ตู่ กลับกัน พวกเขาได้สรรเสริญความเมตตาของโจวโจวออกมาแทน
“มากับข้า ไปพบกับ ‘สหาย’ ต่างเผ่าพันธุ์กันหน่อยเถอะ”
โจวโจวเน้นย้ำคำว่า ‘สหาย’
“ขอรับ!” เหล่าทหารรับคำสั่ง
เมื่อเห็นเช่นนี้ โจวโจวก็ใช้พรสวรรค์แห่งลอร์ดระดับบรอนซ์เขียว กลับสู่เมือง และหายไปพร้อมกับทุกคน
ในเวลาเดียวกัน ณ สุสานทางตอนใต้ของเมืองตะวันหยก
หนามภูติโลหิตน้ำแข็งอาร์โนมองไปยังอาณาจักรตะวันสาดแสงที่อยู่ไกลออกไปและยืนขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“ทุกคน ตามข้อมูลที่ได้รับมา พิธีสถาปนาของอาณาจักรตะวันสาดแสงจะเริ่มขึ้นในอีกห้านาที พวกเจ้าสามารถตามข้าไปที่เมืองตะวันสาดแสงได้เลย”
“กำแพงเมืองของอาณาจักรตะวันสาดแสงนั้นว่ากันว่าเป็นมหากำแพงสูงสุดในตำนาน แต่ไม่ต้องเป็นห่วง ระดับมหากำแพงสูงสุดนั้นเท่ากับระดับของดินแดน และราชาตะวันสาดแสงก็เพิ่งมาถึงทวีปจื้อเกาได้ไม่นาน ดินแดนของมันน่าจะอยู่ในระดับเพชรขั้นกลางเท่านั้น มันคงยังไม่ไปถึงระดับเหนือสามัญ ดังนั้นระดับมหากำแพงสูงสุดก็น่าจะอยู่แค่ระดับเพชรขั้นกลางเท่านั้น มันย่อมไม่อาจต้านทานการร่วมโจมตีของพวกเราได้”
“ตราบใดที่ราชาตะวันสาดแสงตอบสนองได้ไม่ทันและไม่ทันได้เปิดใช้โหมดการป้องกันสัมบูรณ์ของมหากำแพงสูงสุด พวกเราก็คงจะสามารถทำลายกำแพงเมืองได้และทะลวงเข้าไปในเมืองหลวงได้! ทุกคน เมื่อเวลานั้นมาถึงก็ให้ลงมือตามสถานการณ์ ถ้าพวกเจ้าพบเจออันตรายอะไรก็ให้ใช้คัมภีร์ข้ามมิติแบบสุ่มหนีไปซะ” อาร์โนกล่าว
อาณาจักรอสูรเหมันต์ให้การสนับสนุนข้อมูลมากมายแก่มันก่อนที่มันจะมาที่นี่ ดังนั้นมันจึงพอมีความเข้าใจในสถานการณ์ของอาณาจักรตะวันสาดแสงอยู่บ้าง
เมื่อผู้กล้าทั้งหกได้ยินเช่นนี้ พวกมันก็รู้สึกสบายใจยิ่งขึ้นไปอีก
“งั้นก็เตรียม… ใครกัน?!”
อาร์โนรู้สึกได้ถึงสัญญาณเตือนในใจของมันก่อนที่มันจะตะโกนออกมา มันราวกับว่าความกลัวอันยิ่งใหญ่กำลังจะถาโถมเข้ามาหามัน
ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวจากการถูกกระตุ้นด้วยวิกฤติอันน่าสะพรึงกลัวนี้ มันบินหนีไปทันทีด้วยพลังทั้งหมดของมันโดยสัญชาตญาณ
ผู้กล้าอีกหกคนก็มีความกลัวเหมือนกันในใจของพวกมันและเริ่มหลบหนีไปทุกทิศทาง
อึดใจต่อมา…
ครืน!!!
พร้อมกับเสียงสะเทือนเลือนลั่น อาร์โนและผู้กล้าคนอื่นๆ ที่เพิ่งบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและหลบหนีจากวิกฤตนี้ไปก็หันหัวกลับมา พวกมันหวาดกลัวจนวิญญาณแทบจะหลุดลอยไปจากร่าง
บนพื้น หุบเหวขนาดมหึมาก่อตัวขึ้นบนพื้นดินในรัศมี 5,000-6,000 เมตรด้วยหอกเทพสายฟ้า
หุบเหวนี้ดูเหมือนจะไร้ก้นบึ้ง มันมีเพียงสายฟ้าสีน้ำเงินเข้มกับแสงสีทองจางๆ ปกคลุมหลุมเหวขนาดใหญ่ทั้งหมดเอาไว้เท่านั้น
ออร่าแห่งกฎเกณฑ์อันน่าสะพรึงกลัวไหลเวียนอยู่รอบๆ หุบเหวนี้ ทำให้ผู้กล้าจากต่างเผ่าพันธุ์รู้สึกหวาดกลัวมาก
ผู้กล้าสองคนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายเมื่อเห็นภาพฉากนี้ ทันใดนั้นเอง พวกมันก็รู้สึกว่าการมาสร้างปัญหาให้กับราชาตะวันสาดแสงในวันนี้ช่างเป็นเรื่องที่ผิดจริงๆ
แม้กระทั่งอาร์โนก็ตกใจมาก
อย่างไรก็ตาม มันก็สามารถบอกได้ในทันทีว่าคนผู้นี้คือเป้าหมายของพวกมันเมื่อมันเห็นโจวโจวที่อยู่บนท้องฟ้าซึ่งกำลังสวมชุดคลุมจักรพรรดิมังกรและมีกระบี่ซวนหยวนห้อยอยู่ที่เอวของเขา