ตอนที่ 361

บทที่ 361: นักบุญหญิงคนนี้ระแวดระวังเกินไป

สิ่งที่ซุยเฮ็งต้องการสะสมในตอนนี้ไม่ใช่ขอบเขตการฝึกตนของเขา แต่มันเป็นผลตอบรับจากการเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้

การเปลี่ยนแปลงของดาวราชันสุริยันได้ดำเนินมาเป็นเวลาสิบปีแล้ว

แม้ว่าความเร็วในการก้าวหน้าจะเร็วมาก แต่ดาวราชันสุริยันก็ใหญ่เกินไป มันถูกจำกัดด้วยปัญหาด้านการสื่อสารข้อมูล สถานที่หลายแห่งไม่สามารถถูกปกครองได้อย่างมีประสิทธิภาพ แล้วนับประสาอะไรกับการสร้างกฎระเบียบใหม่

แต่ถึงกระนั้น มันก็ยังช่วยซุยเฮ็งอย่างมาก

ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา การสะสมพลังของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก

ในตำหนักสีม่วงทอง ร่างตัวอ่อนวิญญาณก็เต็มไปด้วยแสงสีม่วงทองแล้ว แสงนี้กระจายออกไปไม่มีที่สิ้นสุด

ออร่าอันอันลึกลับอย่างหาที่เปรียบไม่ได้กำลังก่อตัวขึ้นในตัวอ่อนวิญญาณ

ตราบเท่าที่เขาสะสมแสงสีม่วงทองได้มากเพียงพอ ซุยเฮ็งก็จะสามารถเริ่มเตรียมพร้อมที่จะบุกทะลวงสู่ขอบเขตก่อเกิดวิญญาณได้

สิ่งนี้ต้องการการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของอาณาจักรราชันสุริยัน

ตามการประเมินของซุยเฮ็ง มันก็อาจใช้เวลามากกว่าร้อยปี

ท้ายที่สุดแล้ว ดาวราชันสุริยันนั้นก็ใหญ่เกินไป และนอกจากดาวราชันสุริยันแล้ว มันก็ยังมีสถานการณ์บนดาวไท่ชางด้วย

เช่นเดียวกับที่ซุยเฮ็งคาดไว้ ตราบใดที่กฎเริ่มถูกนำมาใช้ ดาวไท่ชางก็จะเริ่มทำตามเองโดยธรรมชาติ

หลังจากใช้งานกฎนี้มาสิบปี ดาวราชันสุริยันและดาวศักดิ์สิทธิ์เทวะก็ปลอดภัยและมีเสถียรมากขึ้น ดาวไท่ชางเองก็เริ่มเรียนรู้และเลียนแบบตามแล้ว

อย่างไรก็ดี เพื่อเร่งการเรียนรู้ของพวกเขา ซุยเฮ็งจึงส่งเจิงหนานซุนไปเพื่อควบคุมดูแลดาวไท่ชาง

แน่นอนว่าเพื่อความปลอดภัยของเธอ มังกรเพลิงฮั่วซื่อซึ่งอยู่ที่ขอบเขตรวมวิญญาณขั้นกลางแล้วจึงไปกับเธอด้วย

ตอนนี้กฎของดาวราชันสุริยันได้ถูกนำมาใช้อย่างเป็นระเบียบแล้ว

แต่ในขณะนี้ ดาวศักดิ์สิทธิ์เทวะก็เริ่มมีปัญหา

ต้นตอของปัญหานี้คือสำนักดอกบัวขาวไร้ชีวาที่ยังไม่ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์

….

ดาวศักดิ์สิทธิ์เทวะ

พระราชวังต้าโจว โถงฉินเจิ้ง

หลี่หมิงเฉียงนั่งอยู่บนเก้าอี้และขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอหลับตาและครุ่นคิด

เธอรู้สึกงงงวยมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจว

หลังจากดำเนินการมากว่า 20 ปี ต้าโจวก็ได้ครอบครองดาวศักดิ์สิทธิ์เทวะไปแล้วมากกว่าครึ่ง แม้แต่สถานที่ที่ยังไม่ได้ถูกยึดครองก็ยังถูกควบคุมเรียบร้อยแล้ว

ด้วยเหตุนี้เอง ตั้งแต่สามถึงสี่ปีก่อน ผู้ศรัทธาของสำนักดอกบัวขาวไร้ชีวิตจึงได้แต่หลบซ่อนอยู่ในมุมหรืบ

ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ยังมีผู้ศรัทธาที่เลิกศรัทธาและหันไปหาต้าโจวอย่างไม่ขาดสาย ราวกับว่าสถานการณ์ทุกอย่างได้สิ้นหวังลงอย่างสมบูรณ์

หากไม่มีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้น หลี่หมิงเฉียงก็มั่นใจว่าเธอจะสามารถปราบปรามดาวศักดิ์สิทธิ์เทวะทั้งหมดลงได้ภายในสิบปี

อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมา มันก็มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง

ผู้คนที่เคยตั้งรกรากอยู่ในต้าโจวและแม้กระทั่งแต่งงานและมีลูกกันจู่ๆ ก็ละทิ้งครอบครัวที่ปรองดองกันดีและวิ่งไปที่หุบเขาเพื่อบูชาเทพธิดาดอกบัวขาวต่อไป

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็ยังเป็นผู้ศรัทธาระดับล่างสุด แม้ว่าคนของต้าโจวจะไปพบพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่มีความตั้งใจที่จะหันหลังกลับและยังต้องการจะฆ่าตัวตายเสียด้วยซ้ำ

นี่เป็นเรื่องที่ผิดปกติโดยสิ้นเชิง

ต้าโจวมีระเบียบและกฎเกณฑ์ ทุกคนเท่าเทียมกันในแง่ของกฎหมายของประเทศ

แม้แต่มนุษย์ธรรมดาที่สุดก็มีสิทธิและความปลอดภัยเช่นเดียวกับผู้สร้าง แต่การแบ่งงานของพวกเขาก็จะแตกต่างกันออกไป

ชีวิตของทุกคนล้วนรุ่งเรืองและปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาหนีจากต้าโจวเพื่อกลับไปบูชาเทพธิดาดอกบัวขาว มันก็ไม่เพียงแต่พวกเขาจะสูญเสียสภาพแวดล้อมที่มั่นคงและปลอดภัยนี้ไปเท่านั้น แต่พวกเขายังต้องใช้ชีวิตทุกวันด้วยอันตรายอีกด้วย พวกเขาจะต้องกังวลทุกวันว่าพรุ่งนี้จะได้เห็นดวงอาทิตย์หรือไม่

และที่สำคัญที่สุด พวกเขาก็จะกลับไปถูกกดขี่ดังเดิม

ในสำนักดอกบัวขาว ผู้ศรัทธาในระดับต่างๆ ก็มีสถานะและอำนาจที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ผู้ศรัทธาที่แปรพักตร์มาจากต้าโจวนั้นจะอยู่ในระดับล่างสุด และสถานะของพวกเขาก็เลวร้ายยิ่งกว่าวัวและม้า

ภายใต้สถานการณ์ปกติ ใครก็ตามที่มีจิตใจปกติก็จะไม่ยอมสละชีวิตของตนเพื่อบูชาเทพธิดาดอกบัวขาวแน่

แต่ตอนนี้มันก็มีบางอย่างผิดปกติอย่างมากเกิดขึ้น จำนวนคนที่แปรพักตร์จากต้าโจวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในทุกปีๆ

ในตอนแรก หลี่หมิงเฉียงก็คิดว่ามันเป็นฝีมือของผู้สร้างจากสำนักดอกบัวขาวไร้ชีวา ดังนั้นเธอจึงส่งผู้รับใช้สุดแกร่งไปตรวจสอบ แต่เธอก็ไม่พบร่องรอยใดๆ

ผู้ที่แปรพักตร์จากต้าโจวต่างล้วนแต่เปลี่ยนใจโดยไม่มีการส่งสัญญาณเตือนใดๆ ล่วงหน้า พวกเขาไม่ได้เตรียมการใดๆ เลยแม้แต่น้อยก่อนจะวิ่งหนีไป พวกเขาไม่ได้นำอาหารไปด้วยซ้ำ มันไม่ผิดเลยที่จะบอกว่าพวกเขาไปกันตัวเปล่า

“ ทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้นได้” หลี่หมิงเฉียงขมวดคิ้ว

อันที่จริง เธอก็ต้องการจะถามซุยเฮ็ง แต่หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เธอก็ล้มเลิกความคิดนี้

ท้ายที่สุดแล้ว ซุยเฮ็งก็กำลังศึกษาหนังสืออย่างสันโดษอยู่ ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการจะรบกวนการฝึกฝนของอาจารย์ของเธอ

นอกจากนี้ การปกครองประเทศก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกตนของเธอเอง ด้วยเหตุนี้เอง ในความเห็นของเธอ นี่จึงเป็นปัญหาที่เธอควรแก้ไขด้วยตัวเอง เธอไม่สามารถรบกวนอาจารย์ของเธอได้ทุกอย่าง

มิฉะนั้นแล้ว นี่ก็จะไม่ใช่การฝึกฝนของเธอเอง

“ เป็นไปได้ไหมว่าเทพธิดาดอกบัวขาวจะเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว?”

หัวใจของหลี่หมิงเฉียงเต้นไม่เป็นจังหวะในขณะที่เธอนึกถึงเทพสูงสุดที่บูชาโดยสำนักดอกบัวขาวไร้ชีวา

ซุยเฮ็งเคยบอกเธอว่าเทพธิดาดอกบัวขาวองค์นี้เป็นเทพที่มีอยู่จริง

เธอมีพลังมหาศาลและไม่สามารถประเมินค่าต่ำได้

ที่จริงแล้ว หลังจากที่ซุยเฮ็งได้เรียนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์กับเทพธิดาดอกบัวขาวแล้ว เขาก็วางแผนที่จะทำลายสำนักดอกบัวขาวไร้ชีวาลงโดยตรง แต่หลังจากตรวจสอบสถาการณ์ของคนธรรมดาบนดาวศักดิ์สิทธิ์เทวะแล้ว เขาก็ล้มเลิกแผนนี้

เมื่อคนธรรมดาเหล่านี้หมดศรัทธา พวกเขาก็อาจพังทลายหรือฆ่าตัวตายได้โดยตรง

ด้วยเหตุนี้เอง ในขณะที่หลี่หมิงเฉียงกำลังขยายอาณาเขตของเธอ เธอจึงใช้เทพผู้พิทักษ์ผ้าพันคอเหลืองเพื่อเทศนาและยึดครองดวงวิญญาณที่ว่างเปล่าของคนทั่วไปเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างราบรื่น

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ล่าสุดก็ทำให้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะราบรื่น

“ เดิมที ข้าก็ต้องการจะไปที่สำนักดอกบัวขาวไร้ชีวาเป็นการส่วนตัวเพื่อตรวจสอบ แต่ตอนนี้มันก็ดูเหมือนว่ามันจะยังอันตรายเกินไปที่จะทำเช่นนั้น” หลี่หมิงเฉียงคิดกับตัวเองว่า “ ถ้ามันเป็นฝีมือของเทพธิดาดอกบัวขาวจริง ข้าก็จะต้องไปบอกท่านอาจารย์แล้ว”

ในฐานะจักรพรรดินีที่ปกครองประเทศมาหลายร้อยปี เธอก็ทราบดีว่าสิ่งสำคัญคือต้องระมัดระวังให้ดีเมื่อมีบางสิ่งเกิดขึ้น มันเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะทำอะไรโง่ๆ อย่างการเอาชีวิตไปเสี่ยงและปล่อยให้ซุยเฮ็งมาช่วยชีวิตเธอทีหลัง

ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากสงสัยว่ามันเป็นฝีมือของเทพธิดาดอกบัวขาวแล้ว หลี่หมิงเฉียงจึงล้มเลิกความคิดที่จะตรวจสอบมันด้วยตัวเองและไปรายงานซุยเฮ็งแทน

อย่างไรก็ตาม เธอก็ยุ่งอยู่กับต้าโจวและไม่สามารถออกไปได้ในทันที

นอกจากนี้ สำหรับเธอแล้ว สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดก็คือในต้าโจว ดังนั้น เธอจึงส่งคนไปตามหาผู้รับใช้สุดแกร่งและขอให้เขาไปหาซุยเฮ็งเพื่ออธิบายการคาดเดาของเธอ

หลังจากเตรียมการเหล่านี้เสร็จแล้ว หลี่หมิงเฉียงก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและพึมพำว่า “ อย่างไรก็ตาม ข้าก็ไม่สามารถรอให้ท่านอาจารย์มาช่วยอย่างเดียวได้ ข้าต้องเตรียมการบางอย่างก่อน”

จากนั้นเธอก็นั่งไขว่ห้างและหลับตาเข้าสู่สภาวะเข้าฌาน สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเธอตรวจสอบทุกสิ่งในต้าโจว

นี่เป็นหนึ่งในพลังของเธอ ตราบใดที่เธอเข้าสู่สภาวะเข้าฌาน เธอก็จะสามารถมองเห็นทุกสิ่งภายในประเทศได้ แม้แต่มดก็ยังไม่สามารถรอดพ้นไปจากสายตาของเธอได้

ตราบใดที่เธอเข้าสู่สถานะนี้ หลี่หมิงเฉียงก็จะรู้ทุกอย่างในประเทศของเธอ

….

ห่างออกไป 100,000 ลี้จากชายแดนตะวันตกของต้าโจว มีทะเลทรายที่กว้างใหญ่และไร้ขอบเขต มันร้อนจัดตลอดทั้งปี และพื้นดินก็ร้อนราวกับถูกไฟไหม้ มันยากสำหรับคนธรรมดาที่จะอยู่รอดที่นี่

อย่างไรก็ตาม กลางทะเลทรายแห่งนี้ก็เป็นโอเอซิสที่มีพื้นที่กว้างถึงสิบกิโลเมตร มันเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา

กลางโอเอซิสมีรูปปั้นดอกบัวหยกขาวขนาดใหญ่ตั้งอยู่ มันถูกล้อมรอบด้วยพระราชวังอันงดงามและมีแผ่นป้ายแขวนอยู่

ตำหนักเทพธิดาดอกบัวขาว!

ที่นี่เป็นสำนักงานใหญ่ของสำนักดอกบัวขาวไร้ชีวาบนดาวศักดิ์สิทธิ์เทวะและยังเป็นสถานที่ที่เทพธิดาดอกบัวขาวเคยปรากฎตัวลงมา

แม้กระทั่งในตอนนี้ ทุกๆ พันปี นักบุญหญิงก็จะปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เธอจะนำคำสั่งจากเทพธิดาดอกบัวขาวและนำสำนักไปข้างหน้า

ด้วยเหตุนี้เอง สำหรับสำนักดอกบัวขาวไร้ชีวาแล้ว ดาวศักดิ์สิทธิ์เทวะจึงเป็นแกนกลางของบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มันมีความหมายพิเศษที่ไม่มีใครเทียบได้

และเมื่อหนึ่งปีก่อน นักบุญหญิงของรุ่นนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่นี่

เธอนำคำสั่งของเทพธิดาดอกบัวขาวลงมาและบอกว่ามีคนกำลังรังแกผู้ศรัทธาของเธอในดินแดนแห่งนี้ ดังนั้นเธอจึงต้องการให้คนของสำนักดอกบัวขาวไร้ชีวาลงมือโจมตีและจับพวกมันมาเผาทั้งเป็น

แน่นอน คนบาปมีพลังอำนาจและพวกเขาก็ไม่สามารถผลีผลามได้ ยิ่งไปกว่านั้น ที่อยู่ของเขาก็ยังถูกซ่อนเอาไว้ เขาขะต้องถูกล่อออกมาซะก่อน

ด้วยเหตุนี้เอง ในปีที่ผ่านมา มันจึงมีผู้ที่แปรพักตร์จากต้าโจวไปศรัทธาเทพธิดาดอกบัวขาวอยู่บ่อยครั้ง

แท้จริงแล้ว มันก็เป็นฝีมือของนักบุญหญิงผู้นี้

ในขณะนี้ ในตำหนักเทพธิดาดอกบัวขาว เจ้าสำนักคนปัจจุบันซงทันก็กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น ทัศนคติและการแสดงออกของเขาดูเต็มเปี่ยมไปด้วยความเคารพ

เบื้องหน้าซงทันคือบัลลังก์ดอกบัวหยกสีขาวซึ่งมีเด็กสาวนั่งอยู่บนนั้น

เธอดูเหมือนจะมีอายุเพียง 16 ถึง 17 ปีเท่านั้น ใบหน้าของเธอช่างงดงาม เธอกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ดอกบัวและปั้นตราดอกบัวด้วยมือของเธอ มันทั้งดูศักดิ์สิทธิ์และลึกลับ

ดวงตาของเธอสว่างสดใสราวกับว่าพวกมันสามารถมองทะลุภาพลวงตาทั้งหมดบนโลกได้ ตราบใดที่มีคนมองดูเธอ พวกเขาก็จะรู้สึกได้ทันทีว่าร่างกายและจิตใจของพวกเขาว่างเปล่า ราวกับว่าพวกเขากลับไปสู่สภาพดั้งเดิมที่บริสุทธิ์ที่สุด

นี่คือนักบุญหญิงแห่งสำนักดอกบัวขาวไร้ชีวาซึ่งได้ลงมาที่นี่เมื่อปีที่แล้ว

“ ท่านหญิง ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ จากทางต้าโจว” ซงทันก้มหัวลงเขาไม่กล้ามองนักบุญหญิงเลย น้ำเสียงของเขามีความเคารพอย่างหาที่เปรียบมิได้

“ ถ้างั้นก็ปล่อยให้คนอื่นเข้ามาต่อไป” นักบุญหญิงพูดอย่างเฉยเมย “ วันหนึ่ง คนๆ นั้นก็จะทนไม่ได้อีกต่อไปและจะกระโดดออกมาเอง และเมื่อถึงเวลานั้น ข้าก็จะสามารถโจมตีเขาได้”

“ รับทราบท่านนักบุญหญิง” ซงทันพยักหน้า แต่เขาก็สับสนเล็กน้อย ทำไมพวกเขาถึงไม่โจมตีเลยโดยตรง? เหตุใดจึงต้องใช้วิธีล่องูออกจากรูเช่นนี้ด้วย?

“ เจ้ามีข้อสงสัยอย่างงั้นหรอ?” นักบุญหญิงมองผ่านความคิดของซงเต๋า

“ ข้ามิกล้า” ซงทันรีบส่ายหัว

“ พูดมา” น้ำเสียงของเธอยังคงนิ่งสงบและเฉยเมย “ อันที่จริง แม้ว่าเจ้าจะไม่ถาม แต่ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ฉะนั้นแล้วทำไมเจ้ามาถามมาซะล่ะ?”

“…” ซงทันเงียบไปครู่หนึ่ง ในท้ายที่สุด เขาก็หายใจเข้าลึกๆ และถามว่า “ ท่านนักบุญหญิง ดูเหมือนท่านจะกลัวซุยเฮ็งอยู่เล็กน้อยใช่ไหม? ที่จริงแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของท่าน ท่านก็น่าจะสามารถฆ่าเขาได้อย่างสมบูรณ์”

“ อย่างนั้นหรอ?” นักบุญหญิงส่ายศีรษะเบาๆ และพูดอย่างเฉยเมย “ เจ้ารู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาหรือเปล่า?”

“ หลังจากที่อาณาจักรสวรรค์หายไป มันก็ไม่มีจ้าวสวรรค์องค์ใหม่ถือกำเนิดขึ้นในโลกมากมายแล้ว ดังนั้นเขาจึงควรจะเป็นเพียงจ้าวเต๋าเท่านั้น” ซงทันเปล่งเสียงออกมา เดิมทีเขาก็มั่นใจมาก แต่หลังจากได้ยินน้ำเสียงของนักบุญหญิง เขาก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยในการวิเคราะห์ของเขา

“ คนที่กล้าขโมยศรัทธาของเทพธิดาดอกบัวขาวจะเป็นเพียงจ้าวเต๋าตัวเล็กๆ ได้อย่างไร?” นักบุญหญิงยิ้มเล็กน้อย “ คนผู้นี้จะต้องมีอะไรแปลกๆ เกี่ยวกับตัวเขาแน่ มิฉะนั้นเขาก็คงจะไม่มีความกล้าหาญเช่นนี้

“ ในโลกนี้ เหนือฟ้ายังมีฟ้า ดังนั้นเราจึงต้องระมัดระวังเอาไว้เสมอไม่ว่าเราจะทำอะไร เราต้องทดสอบเขาทีละนิดก่อนเพื่อล่องูออกจากรู แล้วค่อยๆ พิจารณาความแข็งแกร่งของเขา”

“ เมื่อเราจะเคลื่อนไหวปิดฉาก เราก็จะต้องมีความมั่นใจเต็มที่แล้วว่าเราจะสามารถจบปัญหานี้ได้ในครั้งเดียว”