สีหน้าของโจวโจวทำให้ไป่เหอและร็อบพูดไม่ออก
“อันสองอันอาจจะน้อยไป สักเก้าอันสิบอันก็อาจจะพอได้”
เจ้าคิดว่ามรดกผู้กล้าคือดอกกะหล่ำงั้นเหรอ?
“เรื่องมรดกผู้กล้าจำเป็นต้องหารือกันก่อน ไม่ว่ามันจะได้ผลหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ของการประชุม แต่ข้าขอสัญญากับเจ้าว่าตราบใดที่เจ้าสามารถคืนชีพผู้กล้าได้จริงๆ ข้าจะมอบรางวัลที่เทียบได้กับมรดกผู้กล้าระดับมหากาพย์ให้เจ้าเป็นอย่างต่ำ”
ไป่เหอครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะและพูดออกมา
“โอเค!”
โจวโจวตกลงอย่างเด็ดขาด
เขารู้สึกว่านี่ก็ดีมากแล้ว
ถ้าเขาขอเยอะ เขาก็รู้สึกว่าเขาอาจจะไม่ได้อะไรเลยก็ได้
“งั้นก็ไปที่โถงวิญญาณผู้กล้ากันก่อน”
ทั้งสามคนมองหน้ากันและไป่เหอก็พูดขึ้นด้วยโทนเสียงต่ำ
โจวโจวและร็อบพยักหน้า จากนั้นทั้งสามก็มุ่งหน้าไปยังโถงวิญญาณผู้กล้าทันที
…
หน้าโถงวิญญาณผู้กล้า เมื่อโจวโจวและคนอื่นๆ มาถึง พวกเขาก็ยังเห็นผู้พิทักษ์แห่งทะเลลับกำลังเฝ้าอยู่เหมือนเคย
“คาราวะท่านเจ้าวิหาร”
เมื่อผู้พิทักษ์แห่งทะเลลับเห็นไป่เหอ เขาก็ก้มหัวให้อีกฝ่ายทันที จากนั้นเขาก็มองไปที่โจวโจวและร็อบด้วยความประหลาดใจ
“ทำไม… พวกเจ้าถึงอยู่ด้วยกันได้?”
เขาถามด้วยความสงสัย
“เปิดประตู”
ไป่เหอไม่ได้อธิบายอะไรและพูดออกมาทันที
ผู้พิทักษ์แห่งทะเลลับไม่ได้พูดอะไรอีกเมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของไป่เหอ เขาบอกให้ทหารที่อยู่ด้านหลังเปิดประตูห้องโถงทันที
หลังจากทั้งสามคนเดินเข้ามา ไป่เหอก็เดินนำหน้าทั้งสองไปยังวิญญาณผู้กล้าตนหนึ่ง
วิญญาณผู้กล้าตนนี้คือผู้กล้าสาว เธอมีผิวขาวและดูน่ารักเหมือนเด็กสาว
แม้ว่าเธอจะสวมชุดคลุมสีขาวอยู่ แต่มันก็ไม่ได้ปิดบังรูปร่างอันโดดเด่นของเธอเลย
เธอคือโลลิฯนมโต!
ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในใจของโจวโจวโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นเขาก็ไล่ความคิดนี้ออกไปจากสมอง
“เจ้าสามารถคืนชีพเธอได้ไหม?”
ไป่เหอถามอย่างจริงจัง
โจวโจวไม่พูดอะไร และมองดูข้อมูลของเธอแทน
[ผู้กล้าระดับมหากาพย์—หมอโอสถเทวะอมตะ—ลู่ฉ่ายเอ๋อร์]
ว่ากันว่าคนผู้นี้เกิดมาพร้อมกับปรากฏการณ์บางอย่าง เมื่อเธอเกิด สมุนไพรทั้งหมดในสวนสมุนไพรของพวกเขาก็ส่งกลิ่นหอมออกมา ยิ่งกว่านั้นสมุนไพรหลายชนิดก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ต่อมาเธอได้แสดงความสนใจอย่างมากในการปรุงยา และครอบครัวของเธอก็ค่อนข้างพิเศษ เมื่อเห็นว่าลูกสาวของพวกเขามีความสนใจและพรสวรรค์เช่นนี้ พวกเขาจึงส่งเธอไปที่แผนกการแพทย์ของวิหารอัศวินโดยไม่พูดอะไรสักคำ และทำให้เธอกลายเป็นศิษย์ของหมอระดับมหากาพย์ขั้นต้นผู้หนึ่ง
ลู่ฉ่ายเอ๋อร์ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ในไม่ช้าหมอผู้ยิ่งใหญ่ก็ค้นพบศักยภาพทางการแพทย์ของเธอ ว่ากันว่าไม่เพียงแต่เธอจะสามารถเร่งการเจริญเติบโตของสมุนไพรได้ผ่านการดูแลอย่างระมัดระวังเท่านั้น แต่เธอยังมีพรสวรรค์ด้านการปรุงยาระดับเทวะอีกด้วย
เธอเรียนรู้ใบสั่งยาทั้งหมดและเข้าใจพวกมันได้ในเวลาไม่นาน นอกจากนี้ หมอคนอื่นๆ อาจจะเรียนรู้แบบท่องจำ แต่เธอกลับสามารถเข้าใจใบสั่งยาเหล่านี้ได้โดยตรง นอกจากนี้ เธอยังสามารถแก้ไขมันได้ตามความรู้ที่เธอมีเพื่อให้ได้ใบสั่งยาที่สมบูรณ์แบบ
ต่อมาเธอศึกษาเพียงหนึ่งปีก่อนที่จะไปถึงระดับทองคำเหลืองและสร้างใบสั่งยาที่มีประโยชน์มากมาย
หลังจากนั้นลู่ฉ่ายเอ๋อร์ก็เลือกเข้าร่วมกับวิหารอัศวินและต่อสู้เพื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ชายแดนของอเวจีเพื่อคอยรักษาทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ณ ชายแดนของอเวจี
ในระหว่างนี้ พัฒนาการของเธอก็สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่ามากยิ่งขึ้น ในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี เธอได้เลื่อนระดับขึ้นเป็นระดับเพชรขั้นต้น นอกจากนี้ เธอยังได้พัฒนาพรสวรรค์ที่ทรงพลังอย่างมากขึ้นมาด้วย
เธอใช้โอกาสนี้เพื่อฝึกฝนและกลายเป็นผู้กล้า
พรสวรรค์นั้นสามารถเขียนใบสั่งยาส่วนบุคคลที่ตรงเป้าหมายอย่างยิ่งตามความเจ็บป่วยและการบาดเจ็บของผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บ ซึ่งก็หมายความว่าในเวลานั้น เธอได้หลุดพ้นจากข้อจำกัดของหนังสืออย่างสมบูรณ์ และมาถึงขอบเขตของแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่
ทุกคนรู้ดีว่าเธอขาดแค่พลังเสริมแกร่งเพื่อใช้ในการเลื่อนระดับขึ้นเป็นหมอระดับมหากาพย์ เพราะตราบใดที่เธอมีพลังงานเสริมแกร่งเพียงพอ เธอก็จะสามารถเลื่อนระดับเป็นระดับมหากาพย์ได้ทันที
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่หมออัจฉริยะกำลังจะผงาดขึ้นมา มันก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ในระหว่างการรักษาผู้บาดเจ็บในสนามรบ ปีศาจไร้รูปร่างที่ปลอมตัวเป็นมนุษย์ที่ได้รับบาดเจ็บก็เปิดเผยจิตสังหารออกมาทันทีเมื่อเธอเข้ามาช่วยมัน มันบดขยี้หัวใจของเธอด้วยกรงเล็บและฆ่าเธอทันที
แม้ว่าปีศาจไร้รูปร่างตนนี้จะมอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านด้วยคนอื่นหลังจากนั้น แต่ลู่ฉ่ายเอ๋อร์ก็ตายไปแล้ว
เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้สูญเสียผู้มีพรสวรรค์ไปแล้ว!
โจวโจวเดาะลิ้นด้วยความประหลาดใจหลังจากอ่านมัน
ผู้กล้าสายอาชีพ!
ผู้กล้าสายอาชีพเช่นนี้หาได้ยากมากแม้แต่ในโถงวิญญาณผู้กล้า
สุดท้ายเขาก็มองไปที่ความแข็งแกร่งของลู่ฉ่ายเอ๋อร์ก่อนที่เธอจะตาย
ระดับเพชรขั้นต้น!
มันยังอยู่ภายในขอบเขตอยู่!
“เธอสามารถชุบชีวิตได้!”
โจวโจวพยักหน้า
“แต่พวกเราต้องการสื่อกลาง ขอให้เป็นสื่อกลางที่ยังมีออร่าของลู่ฉ่ายเอ๋อร์เมื่อครั้งเธอยังมีชีวิตอยู่”
เขาเสริม
ไป่เหอพลิกมือขวาของเขา และพู่กันหยกสีเขียวมรกตที่สวยงามก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
เขายื่นมันให้กับโจวโจว
“นี่คือพู่กันอันโปรดของลู่ฉ่ายเอ๋อร์เมื่อครั้งเธอยังมีชีวิตอยู่ นอกจากนี้ยังเป็นพู่กันที่เธอมักใช้เขียนใบสั่งยาอีกด้วย”
ไป่เหอกล่าว
โจวโจวรับมันมาดู ก่อนที่จะเก็บมันไป จากนั้นเขาก็พยักหน้าให้ไป่เหอ
“ข้าจะกลับไปให้พระคาร์ดินัลลองดู”
เขาพูด
“ตกลง!”
ไป่เหอพยักหน้า ดวงตาสีแดงอ่อนที่ปกติสงบนิ่งของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
โจวโจวประหลาดใจเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่กล้าที่จะถามอะไร
ทั้งสามคนไม่รั้งอยู่ต่ออีกและเดินออกมาจากโถงวิญญาณผู้กล้า หลังจากไป่เหอจากไป โจวโจวก็อดถามร็อบไม่ได้
“เจ้าวิหารไป่ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับลู่ฉ่ายเอ๋อร์…”
“อย่าคิดอะไรมั่วซั่ว”
ร็อบถลึงตามองโจวโจวก่อนที่จะหันกลับไปมองทางที่ไป่เหอเดินจากไปอย่างระมัดระวัง หลังจากเห็นว่าไป่เหอจากไปแล้ว เขาก็ลอบใช้การถ่ายทอดเสียง
“ท่านอาจารย์มีความสัมพันธ์กับลู่ฉ่ายเอ๋อร์ก็จริง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร สิ่งที่สำคัญคือท่านอาจารย์มีความสัมพันธ์กับอาจารย์ของลู่ฉ่ายเอ๋อร์”
“เดิมทีลู่ฉ่ายเอ๋อร์ถูกมอบให้อาจารย์ดูแล แต่เธอก็ตายลง ณ สมรภูมิอเวจี แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องปกติที่จะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบนสมรภูมิ แต่อาจารย์ของเธอก็ไม่พบหน้าท่านอาจารย์อีกเลยหลังจากนั้น ท่านอาจารย์รู้สึกผิดกับเรื่องนี้มาตลอด มันเป็นเวลานานมากแล้วที่ท่านอาจารย์พยายามหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้ แต่มันก็เปล่าประโยชน์”
“ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะสามารถชุบชีวิตลู่ฉ่ายเอ๋อร์ได้ ไม่ใช่ว่านี่เป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการชดเชยเรื่องนี้เหรอ? นอกจากนี้ ลู่ฉ่ายเอ๋อร์ยังเป็นอัจฉริยะทางการแพทย์ของมวลมนุษย์ การชุบชีวิตให้เธอย่อมเป็นสิ่งที่ดีต่อมวลมนุษย์ทั้งหมด”
“เจ้าเห็นรอยยิ้มเมื่อครู่บนใบหน้าของท่านอาจารย์ไหม? ท่านอาจารย์ไม่เคยยิ้มแบบนั้นมาก่อนเลย ไปชุบชีวิตให้เธอได้แล้ว ตราบใดที่เจ้าสามารถชุบชีวิตให้เธอได้จริงๆ ท่านอาจารย์ก็จะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังอย่างแน่นอน!”
ร็อบกล่าว
โจวโจวพยักหน้ารับ
เขาเองก็ตั้งตารอเรื่องนี้อยู่แล้ว จากนั้นเขาก็กล่าวลาร็อบและมุ่งหน้าไปยังที่พักพิงของเทพีแห่งชีวิตทันที