บทที่ 208 : มังกรยักษ์และทะเลเพลิง
ในสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์
วัดวาอารามถูกประดับไปด้วยทองและหยกที่ส่องประกายระยิบระยับ ตรงกลางเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส รูปปั้นหินรูปร่างมนุษย์ที่สูงกว่า 100 ฟุตตั้งยืนอยู่ตรงนั้น มันอาบแสงแดดและส่องแสงเจิดจ้า ศิษย์หลายร้อยคนรวมตัวกันที่จัตุรัส พวกเขาคุกเข่าลงบนพื้นและประสานมือไว้ที่หน้าอก พวกเขาหลับตาและพึมพำคาถาในขณะที่พวกเขาสวดอ้อนวอน
รูปปั้นหินนี้ถูกแกะสลักเป็นรูปบุรุษผู้ทรงพลังสวมชุดเกราะและถือกระบี่ขนาดใหญ่ ร่างของเขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและเป็นเทพที่ถูกบูชาโดยสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ ชื่อของเขาคือ “เทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอ"
ตามสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ เทพเทียนเหอผู้นี้ก็เป็นหนึ่งใน 36แม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ภายใต้เทพสรรค์ ในตอนที่เทพผู้สร้างโลกได้สร้างโลก เขาก็มีหน้าที่รับผิดชอบในการปกครองท้องนภา
สำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์เป็นสำนักที่บูชาเทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอ ศิษย์ของสำนักแต่เดิมเป็นศิษย์ของเทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอ และเคล็ดวิชาของพวกเขาก็ได้รับการสืบทอดมาจากเจ้าสำนักรุ่นแรกในตอนที่เขารับใช้เทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอ
อย่างไรก็ตาม วันหนึ่ง เทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอก็ไม่ตอบสนองต่อคำอธิษฐานของผู้ศรัทธาของเขาอีกต่อไป ไม่ว่าพวกเขาจะอธิษฐานอย่างไรมันก็ไม่มีการตอบรับ จากนั้นสำนักนี้ก็ค่อยๆ เปลี่ยนกลายเป็นสำนักยุทธ์และเริ่มรับสมัครศิษย์เข้ามาตามสำนักปกติ
แน่นอนว่าแกนกลางที่แท้จริงของสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ยังคงเป็นผู้ที่ศรัทธาในเทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอ ตราบเท่าที่พวกเขาต้องการที่จะดำรงตำแหน่งในสำนักหรือได้รับเคล็ดวิชายุทธ์ที่เหนือขอบเขตเทพ พวกเขาก็จะต้องกลายมาเป็นผู้ศรัทธาของเทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอ
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ศรัทธาทุกคนก็ยังเชื่อว่ามันไม่ใช่เพราะเทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอไม่ตอบสนองต่อคำสวดอ้อนวอนของผู้ศรัทธา แต่มันเป็นเพราะเขาได้เข้าสู่นิทราด้วยเหตุผลบางประการ
ตราบใดที่พวกเขาสวดอ้อนวอนด้วยใจจริงในทุกๆ วัน พวกเขาก็จะสามารถสื่อสารกับเทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอได้
หลังจากเวลาผ่านไปนาน เทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอที่หลับใหลไปนานก็จะสามารถรับรู้ถึงโลกนี้ได้อีกครั้งและฟื้นคืนชีพขึ้นมา
ด้วยเหตุนี้เอง ตราบใดที่ศิษย์ของสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ยังอยู่ พวกเขาก็จะใช้เวลาสองสามชั่วโมงต่อวันเพื่อมาสวดอ้อนวอน
ห้องโถงอันงดงามด้านหลังรูปปั้นนี้เป็นศูนย์กลางของอำนาจของสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นสถานที่ที่มีเพียงเจ้าสำนักและผู้อาวุโสทั้งเจ็ดเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปได้
การตัดสินใจที่สำคัญทั้งหมดของสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์จะถูกดำเนินการในห้องโถงนี้
ในขณะนี้ มันก็มีเพียงสี่คนที่นั่งอยู่ในห้องโถง
เนื่องจากผู้อาวุโสอีกสี่คนได้อยู่ข้างนอกและไม่ได้อยู่บนภูเขา เจ้าสำนักจึงนำผู้อาวุโสทั้งสามมาทำการประชุมในวันนี้ “ พวกเจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับความโกลาหลที่เกิดจากการค้นหาเทวาแห่งโลกเบื้องล่างเมื่อเร็วๆ นี้” เจ้าสำนักเป็นชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะอยู่ในวัยสี่สิบถึงห้าสิบ
“ ตามที่ข้ารู้มา ศิษย์หลายคนก็ได้ฉวยโอกาสยึดทรัพย์สินและสมบัติของสำนักสามัญและตระกูลในนามของการค้นหา” ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าว
“ เมื่อเราออกไปทำการค้นหา สิ่งนี้ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราต้องให้ศิษย์ได้ลิ้มรสประโยชน์บางอย่างก่อนจึงจะใช้งานพวกเขาได้” ผู้อาวุโสอีกคนขมวดคิ้ว “ เจ้าไม่สามารถไม่ให้ผลประโยชน์แก่เหล่าศิษย์ได้นะ”
“ ไม่ ข้าไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่ควรทำแบบนี้” ผู้อาวุโสที่พูดก่อนหน้านี้ส่ายหัวและอธิบายว่า “ มันไม่เป็นไร ถ้าพวกเขาต้องการจะปล้น แต่ทำไมพวกเขาถึงไม่กำจัดเป้าหมายทั้งหมดลง? หลังจากปล่อยให้พวกมันหลบหนีไป พวกัมนก็เริ่มทำลายชื่อเสียงของสำนักของเรา”
“ ข้าเข้าใจแล้ว นั่นมันก็จริง” ผู้อาวุโสที่ขมวดคิ้วก่อนหน้านี้พยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ เราควรเตือนศิษย์เหล่านี้ให้จำเอาไว้ว่าพวกเขาจะต้องปกป้องชื่อเสียงของสำนักเราตลอดเวลา”
“ ถูกต้อง สำนักของเราเป็นมรดกอันสูงส่งที่เทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอได้ทิ้งเอาไว้ในโลกมนุษย์ เราจะถูกกลุ่มคนต่ำต้อยโง่เขลาใส่ร้ายได้อย่างไร” ผู้อาวุโสคนที่สามกล่าวด้วยเสียงต่ำ “ ถ้าเจ้าถามข้า เราก็ควรใช้ประโยชน์จากการค้นหานี้ในการเก็บกวาดตระกูลเล็กๆ และสำนักเหล่านั้น เมื่อนั้นโลกจึงจะสงบลงได้”
ผู้อาวุโสทั้งสามพูดคุยกันเอง
ในที่สุดพวกเขาก็มองไปที่เจ้าสำนัก
ไม่ว่าผู้อาวุโสจะกล่าวถึงผลลัพธ์หรือวิธีการใด พวกเขาก็ยังคงต้องการให้เจ้าสำนักเป็นคนตัดสินใจ
“ สำนักและตระกูลเล็กๆ เหล่านั้นกล้าใส่ร้ายสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ของเราจริงๆ หรอ?”
เจ้าสำนักจ้องมองไปที่ผู้อาวุโสทั้งสามคนในปัจจุบันและเขาก็พูดด้วยเสียงต่ำว่า “ ดูเหมือนว่าศักดิ์ศรีและอำนาจของสำนักเราจะมีไม่เพียงพอ พวกฝูงมดมันถึงได้กล้าพูดเรื่องไร้สาระเช่นนี้!”
ผู้อาวุโสทั้งสามพยักหน้าเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาเห็นด้วยกับความเห็นของเจ้าสำนัก
ในความเข้าใจของพวกเขา นับตั้งแต่สำนักเซียนทั้งเก้าได้ตรัสรู้เมื่อ 5,000 ปีก่อน ผู้คนในสำนักเซียนก็สูงส่งและทรงพลังมาโดยตลอด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตที่สามของโลกเซียนแล้ว พวกเขาอยู่เหนือกว่ามนุษย์ทุกคน
ไม่ต้องพูดถึงตระกูลเล็กๆ และสำนักต่างๆ เลย แม้แต่ตระกูลที่โด่งดังทั้งเก้าและตระกูลขุนนางอื่นๆ อีก 24 ตระกูลก็ยังเป็นเพียงมดสำหรับพวกเขา
สำหรับมนุษย์ที่อยู่ด้านล่าง ในสายตาของเทวาจากสำนักเซียน พวกเขาก็เป็นเพียงฝุ่น
กฎอันสมบูรณ์นี้ตั้งอยู่มาเป็นเวลา 5,000 ปีแล้ว
มันไม่เคยเปลี่ยนไปจนถึงตอนนี้
แม้ว่าตำหนักเต๋าอี้จะปรากฏขึ้นเมื่อ 3,000 ปีก่อนและอารามพุทธทั้งสามแห่งจะปรากฏขึ้นเมื่อกว่า 2,000 ปีที่แล้ว แต่ทั้งสองอย่างก็ยังไม่ดีพอ
ตำหนักเต๋าอี้นั้นมีเพียงตัวคนเดียว และแม้ว่าเขาจะสามารถปราบปรามผู้อาวุโสทั้งเก้าลงได้เพียงลำพัง แต่เขาก็ไม่มีอำนาจพอที่จะจัดการกับสิ่งอื่นใด ด้วยเหตุนี้เอง ตั้งแต่เริ่มต้น พวกเขาจึงก้าวหน้าและถอยกลับไปด้วยพร้อมๆ กัน
สิ่งนี้ทำให้สำนักเซียนอื่นๆ ไม่ได้เห็นหัวพวกเขามากนัก
และในความเป็นจริง เนื่องจากอิทธิพลของบรรยากาศโดยรวม ศิษย์ใหม่ที่รับเข้ามานั้นจึงมีแต่พวกตัวปัญหา
“ ท่านเจ้าสำนัก ข้าขอแนะนำให้เราสั่งให้ศิษย์ที่ออกไปทำการค้นหานั้นมีความโหดเหี้ยมเด็ดขาดมากขึ้น” ผู้อาวุโสคนหนึ่งยืนขึ้นและพูดด้วยเสียงต่ำ “ ตราบใดที่เราไม่ปล่อยให้มดหนีไป โดยธรรมชาติแล้ว มันก็จะไม่มีใครใส่ร้ายสำนักอันศักดิ์สิทธิ์ของเราได้”
“ ถูกต้อง เราควรทำอย่างนั้น” ผู้อาวุโสอีกคนพยักหน้าเห็นด้วย “ ด้วยวิธีนี้ เราก็จะสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกมันออกมาสร้างปัญหาให้เราในอีกหลายปีนับจากนั้ได้”
“ นั่นเป็นเรื่องจริง” ผู้อาวุโสคนที่สามพยักหน้าด้วยท่าทางค่อนข้างจริงจัง “ นี่เป็นเรื่องใหญ่ เราต้องกำจัดความชั่วร้ายทั้งหมด!”
“ เอาล่ะ ตกลงตามนั้น!” เจ้าสำนักพยักหน้าและพูดว่า “ ข้าจะเขียนคำสั่งตอนนี้และส่งมันไปยังศิษย์ทุกคนในสำนัก ในอนาคต เมื่อเราออกไป เราก็จะทำตามแผน”
ตู้มมมม!
ในขณะนี้ เสียงระเบิดที่ดังสนั่นหวั่นไหวก็ดังมาจากข้างนอก มันขัดจังหวะคำพูดของเจ้าสำนัก
ราวกับว่าสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์กำลังส่งเสียงคำราม เสียงของมันดังก้องไปทั่วสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทำให้ใบหน้าของเจ้าสำนักเปลี่ยนเป็นสีซีดในทันที เขาเดินออกไปอย่างรวดเร็วและแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
เขาต้องการที่จะเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ในเวลาเดียวกัน เหล่าศิษย์ที่กำลังสวดมนต์อยู่ที่จัตุรัสกลาง เช่นเดียวกับผู้ที่กำลังฝึกตน ท่องคัมภีร์ หรือทำสิ่งอื่นๆ ต่างก็แหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
จากนั้นสายตาของพวกเขาก็แข็งค้างและปากของพวกเขาก็เปิดออกโดยไม่ได้ตั้งใจ ร่างกายของพวกเขาแข็งเกร็ง
พวกเขารู้สึกว่ามันมีเพียงสีเดียวที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของพวกเขา
สีแดงเพลิง!
ทุกอย่างกำลังลุกเป็นไฟ!
เปลวเพลิงสีแดงเข้มที่บริสุทธิ์อย่างยิ่งได้ห่อหุ้มท้องฟ้าทั้งหมดเอาไว้ ราวกับว่ามันได้จุดไฟทั้งท้องฟ้าและเปลี่ยนท้องฟ้าให้กลายเป็นทะเลเพลิง อุณหภูมิที่สูงจนน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งได้เติมเต็มทุกซอกทุกมุมของสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์
ในขณะนี้ ศิษย์ของสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่พวกเขาเคยได้ประสบมาฉายแวบเข้ามาในความคิดโดยไม่รู้ตัว
ทันทีหลังจากนั้น เสื้อผ้าของพวกเขาก็เริ่มลุกเป็นไฟ ในชั่วพริบตา พวกมันก็ถูกเผาเป็นสีดำไหม้เกรียมและหล่นลงสู่พื้นโดยไม่ขยับเขยื้อน
และก่อนที่เปลวเพลิงบนท้องฟ้าจะตกลงมา ศิษย์มากกว่าครึ่งของสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ตายลงไปแล้ว
เจ้าสำนักและผู้อาวุโสทั้งสามรีบออกมาจากห้องโถงและมองดูสถานการณ์ข้างนอกด้วยความสยดสยอง
“ นี่มันอะไรกัน นี่มันอะไรกัน!!!” พวกเขามองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความเหลือเชื่อ ร่างของพวกเขาสั่นสะท้าน “ เป็นไปได้อย่างไร? มันเป็นไปได้อย่างไร? ใครกันจะมีพละกำลังมหาศาลเช่นนี้ได้!”
สำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาได้เปลี่ยนกลายเป็นทะเลเพลิงภายใต้ความร้อนที่น่าสะพรึงกลัว ศิษย์ของพวกเขากำลังจะถูกกวาดล้าง
ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ธรรมดาขอบเขตมนุษย์หรือเซียนปฐพี มันก็ไม่มีความแตกต่างใดๆ ในขณะนี้ พวกเขาทั้งหมดได้เสียชีวิตลงแล้วทีละคน
มันไม่มีที่ว่างสำหรับการต่อต้านเลย
“ โฮกกกกก!”
ทันใดนั้น เสียงคำรามของมังกรก็ดังก้องไปทั่วทุกทิศทุกทาง ทันใดนั้นทะเลเพลิงบนท้องฟ้าก็พุ่งสูงขึ้นและ “คลื่นดาวตก” ก็หล่นลงมาจากท้องฟ้า
ราวกับว่าดวงดาวได้ตกลงมายังสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์
บู้มมมมมม!
บู้มม! บู้มมม! บู้มมมม!
ในขณะที่ "ดาวตก" ตกลงมาทีละดวง อาคารทั้งหมดในสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ก็สั่นสะท้าน
ทันใดนั้น รูปปั้นหินในจัตุรัสกลางก็พังทลายลง และวิหารนับไม่ถ้วนก็เปลี่ยนกลายเป็นเถ้าถ่านในทันที
ทันใดนั้น พื้นดินก็ถูกแยกออกและภูเขาก็ถล่มลงมา!
เทวาหลายคนต้องการจะหนีแต่ก็หมดหนทาง พวกเขาทำได้เพียงเฝ้าดูฉากเบื้องหน้าอย่างหมดหนทางในขณะที่พวกเขาถูกเปลวเพลิงกลืนกิน
เจ้าสำนักและผู้อาวุโสทั้งสามตกใจมาก
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาอ่อนแอจริงๆ เมื่อเทียบกับเปลวเพลิงบนท้องฟ้าแล้ว พวกเขาก็อ่อนแอราวกับมดจริงๆ “ วิ่ง! วิ่งเร็วเข้า!”
เจ้าสำนักอุทานขึ้นในทันใด ในขณะเดียวกัน เขาก็บินขึ้นและพยายามจะหลบหนีออกไป
ผู้อาวุโสทั้งสามที่อยู่ข้างๆ เขาเองก็ตามมาติดๆ
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เมื่อพวกเขาทั้งสี่กำลังจะบินออกจากขอบเขตของสำนักเอกาสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ไป หัวมังกรที่สูงกว่าหนึ่งพันฟุตก็ได้โผล่ออกมาจากทะเลเพลิงบนฟ้าและลอยอยู่เบื้องหน้าพวกเขาทั้งสี่คน
“ โฮกกก!”
หัวมังกรขนาดใหญ่ยักษ์นี้ส่งเสียงร้องที่ดังก้องสวรรค์ออกมา มันอ้าปากและกำลังจะกลืนคนทั้งสี่ที่อยู่ข้างหน้ามัน
ในขณะนี้ เจ้าสำนักก็รู้สึกว่าขนทั้งหมดบนร่างกายของเขาได้ลุกตั้งขึ้น ความกลัวตายได้ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาในที่สุด
“ บรรพชน ช่วยข้าด้วย!!”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved