ตอนที่ 73

บทที่ 73: ตระกูลหวังแห่งหลางหยา 300 ปีที่แล้ว

“ ทำได้ดีมาก”

ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยให้ฮุ่ยฉี จากนั้นเขาก็มองไปที่ซุนผานซื่อ, เหอเฉิงเหมาและพระจิงคงและหัวเราะเบาๆ “ พวกเจ้าสามคนพูดอะไรกัน”

ในขณะนี้พวกเขาทั้งสามก็คุกเข่าลงต่อหน้าซุยเฮ็งแล้ว

พวกเขาไม่ได้ดูหยิ่งยโสเหมือนกับเมื่อก่อนอีกต่อไป

เมื่อมาถึงจุดนี้ พวกเขาก็สิ้นหวังเต็มทีแล้ว

พวกเขาไม่สามารถคิดที่จะหลบหนีได้

ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อมียอดฝีมือที่น่าสะพรึงกลัวอย่างฮุ่ยฉีอยู่ด้วย พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

ในตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือวิธีการเอาชีวิตรอด

มิฉะนั้นแล้ว ทุกอย่างที่พวกเขาทำมาก็จะไร้ประโยชน์

จิตใจของซุนผานซื่อทำงานอย่างหนัก เขาควรจะทำอย่างไรดี?

ถ้าอีกฝ่ายกลัวภูมิหลังของเขาจริง อีกฝ่ายก็คงจะไม่โจมตีพวกเขาแต่แรก

เพราะฉะนั้นแล้ว ในกรณีนั้นเขาก็มีแต่จะต้องพิสูจณ์คุณค่าของเขา

แต่แล้วคุณค่าของเขาอยู่ที่ไหนล่ะ?

หวังจินเซิง!

ทันใดนั้นดวงตาของซุนผานซื่อก็สว่างขึ้น เขารีบนอนหมอบลงกับพื้นและพูดกับซุยเฮ็งว่า “ ท่านผู้ว่าการ! ข้ามีข้อมูลสำคัญที่จะรายงาน มันเป็นสิ่งที่มีเพียงข้าเท่านั้นที่รู้!”

ทันทีที่เขาพูดจบ การแสดงออกของเหอเฉิงเหมาและพระจิงคงก็เปลี่ยนไปและพวกเขาก็เริ่มด่าทอสาปแช่ง

“ ไอ้สารเลว! เจ้าต้องการจะขายข่าวเรื่องหวังจินเซิงใช่ไหม ข้าเองก็รู้มากพอๆ กับเจ้านั่นแหละ!”

“ อาตมาเองก็รู้ด้วยเหมือนกัน! หวังจินเซิงนั้นมาจากหยานโจว เขามาจากตระกูลหวังแห่งหลางหยา!”

เหอเฉิงเหมาแค่ตอบโต้และตำหนิซุนผานซื่อเท่านั้น แต่พระจิงคงนั้นถึงกับบอกทุกสิ่งที่เขารู้!

ตระกูลหวังแห่งหลางหยาในหยานโจว!

นอกจากซุยเฮ็งและฮุ่ยฉีแล้ว การแสดงออกของทุกคนในปัจจุบันก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย มันเผยให้เห็นถึงความตกใจ

“ พวกเจ้าจะไปรู้อะไร!” ซุนผานซื่อโกรธมากเมื่อได้ยินทั้งสองคนพูด เขาชี้ไปที่พวกเขาและตะคอกกลับว่า “ ข้าอยู่กับหวังจินเซิงมานานและรู้จักเขามากกว่าพวกเจ้า ข้าจะสามารถช่วยท่านผู้ว่าการได้อย่างแน่นอน!”

จากนั้นเขาก็พูดกับซุยเฮ็งด้วยท่าทางประจบสอพลอ “ ท่านผู้ว่าการ อย่าไปฟังเรื่องตลกไร้สาระของพวกเขา คนทั้งสองนี้กินอาหารกับหวังจินเซิงมาเพียงไม่กี่มื้อเท่านั้น ดังนั้นข้อมูลที่พวกเขารู้จึงเป็นเพียงเรื่องผิวเผิน มันมีเพียงข้าเท่านั้นที่เข้าใจในตัวหวังจินเซิงอย่างลึกซึ้ง”

“ ท่านผู้ว่าการ ทำไมท่านไม่ลองฟังเขาก่อนล่ะ” ซูเฟิงอันใช้พลังปราณเพื่อส่งสัญญาณเสียงและพูดกับซุยเฮ็งว่า “ ตระกูลหวังแห่งหลางหยานั้นเป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลที่โด่งดังที่สุดในโลก ภูมิหลังของพวกเขานั้นไม่ใช่ธรรมดา”

“ ไม่ต้องรีบร้อน” ซุยเฮ็งส่ายหัวเล็กน้อยและพูดกับฮุ่ยฉีว่า “ นำทั้งสามคนออกไปก่อน เราจะบุกค้นตามรายชื่อต่อไปในวันพรุ่งนี้ หลังจากที่เราจัดการทำความสะอาดพ่อค้าเหล่านั้นเสร็จแล้ว เราก็จะค่อยมาว่าเรื่องนี้กันอีกที”

“ ตามท่านบัญชา!” ฮุ่ยฉีโค้งคำนับ จากนั้นเขาก็นำทั้งสามคนออกไปด้วยมือทั้งสองข้าง

“ ท่านผู้ว่าการ! ไม่นะ ไม่!” ซุนผานซื่อตื่นตระหนกมากเมื่อเห็นสถานการณ์ดังกล่าว เขาตะโกนว่า “ ท่านผู้ว่าการ ข้อมูลที่ข้ารู้นั้นสำคัญมากจริงๆ นะ!”

“ ข้ารู้แล้ว” ซุยเฮ็งพยักหน้าและเตือนฮุ่ยฉีว่า “ จนกว่าจะถึงการพิจารณาคดีต่อหน้าสาธารณะชน เจ้าก็อย่าปล่อยให้ผู้คนทุบตีพวกเขาจนถึงตายล่ะ ปล่อยให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อไปก่อน”

ซุนผานซื่อและอีกสองคนเป็นผู้ร้ายที่เอาเปรียบผู้คนในมณฑลลู่ ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงไม่แปลกที่ผู้คนจะไม่ชอบและถึงขั้นเกลียดขี้หน้าอีกฝ่าย

นอกจากนี้ การซักถามผู้กระทำผิดในระหว่างการพิจารณาคดีต่อหน้าสาธารณะชนก็ยังจะช่วยยืนยันความครอบคลุมและความถูกต้องของข้อมูลได้ดีกว่า

หลังจากที่ซุนผานซื่อและอีกสองคนถูกฮุ่ยฉีควบคุมตัวออกไป ในที่สุดสำนักงานเทศมณฑลก็กลับมาสงบอีกครั้ง

มันมีเพียงกลิ่นเลือดที่คั่งค้างอยู่ในอากาศและชิ้นส่วนแขนขาที่ขาดวิ่นอยู่บนถนนข้างหน้าเท่านั้นที่แสดงให้เห็นว่าสถานที่แห่งนี้เคยเกิดการสังหารหมู่ขึ้น

“ ผู้บัญชาการเฉิน รบกวนคนของเจ้าให้ทำความสะอาดถนนทีนะ” ซุยเฮ็งกล่าวกับเฉินตง “ และหากมีทหารคนใดที่รอดตายมาได้ ก็ให้จับกุมพวกเขาด้วยเพื่อรอลงอาญา”

“ ตามแต่ท่านจะบัญชา!” เฉินตงคำนับด้วยความเคารพก่อนจะรีบออกไป เขาสั่งให้คนทำความสะอาดถนนในชั่วข้ามคืนทันที

หลังจากที่ได้เห็นฮุ่ยฉีทะลวงผ่านสามขอบเขตในคราวเดียวและสนุกสนานไปกับการฆ่า เขาก็ทำตามคำสั่งของซุยเฮ็งอย่างเชื่อฟังและไม่มีความคิดอื่นใด

“ ส่วนเจ้าสองคนตามข้ามา” ซุยเฮ็งพูดกับซูเฟิงอันและหลิวหลี่เต๋าก่อนที่จะหันหลังกลับและเดินกลับไปที่ห้องโถงด้านใน

….

ในห้องโถงด้านในของสำนักงานเทศมณฑล

ซุยเฮ็งจิบชาร้อนและถามซูเฟิงอันกับหลิวหลี่เต๋าว่า “ ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลที่โดดดังทั้งเจ็ดมาก่อน แต่ข้าก็ไม่ได้รู้เรื่องนี้มากนัก ไหนพวกเจ้าลองบอกรายละเอียดข้ามาเพิ่มเติมที”

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาก็ได้สั่งให้ซูเฟิงอันกับหลิวหลี่เต๋าอธิบายสถานการณ์โดยรวมของโลกนี้ให้มากขึ้น

ในนาม ราชวงศ์ต้าจินก็เป็นผู้นำ แต่ในความเป็นจริง มันก็มีกลุ่มอิสระอยู่ทั่วทุกที่ และพวกเขาต่างก็เป็นผู้ดูแลและเป็นผู้ปกครองที่แท้จริง

ด้วยเหตุนี้เอง นอกเหนือจากทวีปกลางแล้ว สิบผู้ปกครองรัฐจึงเป็นบุคคลที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก

แต่นี่ก็เป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้น

ในโลกนี้ สำนักและตระกูลใหญ่ต่างหากที่เป็นผู้เล่นหลัก

แม้ว่าราชสำนักและผู้ว่าการรัฐจะควบคุมอำนาจทางทหารจำนวนมาก แต่สำนักและตระกูลใหญ่นั้นก็อาศัยรากฐานที่ลึกล้ำของพวกเขาเพื่อแทรกซึมเข้าไปในอุตสาหกรรมต่างๆ

พวกเขามีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมหลายร้อยแห่งที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของผู้คน

และหากมีอะไรเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมเหล่านี้ มันก็ไม่ต้องพูดถึงมณฑลหรือรัฐเลย แม้แต่ประชากรของโลกทั้งใบก็ยังจะถูกปลุกปั่นให้ก่อการกบฏและราชสำนักก็จะล่มสลายในทันทีแน่นอน

นอกจากนี้ สำนักและตระกูลใหญ่ก็ยังมีความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่สูงที่สุดในโลก

แม้ว่าความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของคนๆ เดียวจะสู้กับกองทัพไม่ได้ แต่เขาก็ยังสามารถสังหารตัวการสำคัญๆ ได้

ด้วยเหตุนี้เอง ตราบใดที่ราชสำนักกล้าที่จะโจมตีสำนักหรือตระกูลใหญ่ แม้แต่จักรพรรดิก็ยังอาจจะถึงฆาตได้

และเพราะแบบนี้เอง มันจึงไม่เคยมีราชวงศ์อายุพันปีบนโลกนี้ แต่มันมีสำนักและตระกูลใหญ่ที่มีอายุนับพันปีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สามแห่งของสำนักเต๋า, ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หกแห่งของสำนักพุทธ, สิบสามสำนักมาร, เก้ากระบี่ของโลก, สิบสองกลุ่มของโลกและสิบหกตระกูลของโลก ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นกองกำลังที่โดดเด่น

เจ็ดตระกูลที่โดดดังเองก็เป็นหนึ่งในสิบหกตระกูลของโลก

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตระกูลที่โดดดังทั้งเจ็ดนั้นก็เป็นกลุ่มชั้นนำที่มีประวัติศาสตร์และสายเลือดมายาวนานกว่า 3,000 ปีแล้ว มันเป็นการดำรงอยู่ในระดับเดียวกับหัวหน้าของสำนักเต๋า ตำหนักเต๋าอี้ และหัวหน้าของสำนักพุทธ โถงพุทธมามกะ

ส่วนอีกเก้าตระกูลนั้นไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับเจ็ดตระกูลที่โด่งดัง

“ ว่ากันว่าเจ็ดตระกูลที่โด่งดังเป็นผู้สนับสนุนหลักของการก่อตั้งต้าจิน” หลิวหลี่เต๋ารู้จักราชสำนักเป็นอย่างดี

“ เมื่อกว่า 200 ปีที่แล้ว ในตอนท้ายของราชวงศ์ต้าหยวน โลกก็ได้ตกอยู่ในความโกลาหลและมีวีรบุรุษนับไม่ถ้วนปรากฎตัวขึ้น”

“ ในเวลานั้น บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งต้าจินนั้นก็มาจากกลุ่มเล็กๆ ที่ไม่โดดเด่น แต่โดยบังเอิญ เขาได้ไปแต่งงานกับลูกสาวขุนนางของตระกูลหวังแห่งหลางหยา และนั่นคือวิธีที่ทำให้เขาได้รับการสนับสนุนและสามารถก้าวขึ้นสู่อำนาจได้อย่างรวดเร็ว”

“ และหลังจากนั้น เขาก็ได้รับการสนับสนุนจากอีกหกตระกูล และในที่สุด เขาก็สามารถกวาดล้างไปทั่วโลกจนสามารถก่อตั้งราชวงศ์ต้าจินขึ้นมาได้”

“ ใช่ ข้าเองก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน” ซูเฟิงอันพยักหน้า ทันใดนั้นมันก็ดูเหมือนว่าเขาจะนึกอะไรบางอย่างออกและยิ้มออกมา “ พูดถึงเรื่องนี้ มันก็ยังมีอีกข่าวลือหนึ่งที่ข้าไม่รู้ว่ามันจริงหรือเปล่า”

“ โอ้?” ซุยเฮ็งถามด้วยความสนใจ “ ข่าวลืออะไรล่ะ?”

ซูเฟิงอันตอบด้วยความเคารพ “ ว่ากันว่าตระกูลที่โด่งดังทั้งเจ็ดนั้นได้รับความเสียหายอย่างหนักเพื่อสนับสนุนการลุกฮือขึ้นของบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งราชวงศ์จิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลหวังแห่งหลางหยา พวกเขาเกือบจะถูกกำจัดออกไป”

“ ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ยังก่อให้เกิดหายนะของโลกยุทธ์ขึ้นเมื่อ 300 ปีก่อน และนั่นก็คือตอนที่ราชาสวรรค์หงหวู่ได้สังหารผู้ฝึกตนขอบเขตเทพทั้งหมดบนโลก!”

“ ใครนะ?” ซุยเฮ็งเลิกคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้