ตอนที่ 389

บทที่ 389 : พี่ใหญ่ซุยผู้ติดดิน

ในฐานะแกนหลักของทีม มันก็จะไม่มีความแตกต่างใดๆ ในระดับการสื่อสารของพวกเขา เขายังคงสามารถสร้างความสัมพันธ์ในการสื่อสารได้ตามปกติและมันก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อการฝึกตนของเขา

“ เพื่อนร่วมทีม?” ฟางหยูลั่วสังเกตเห็นคำสำคัญนี้ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็พูดว่า “ พวกเราต้องทำภารกิจตามที่จ้าวสังสารวัฏกล่าวไว้พร้อมกันงั้นหรอ?”

อีกสามคนก็มองไปที่ซุยเฮ็ง

“ ถูกต้อง” ซุยเฮ็งพยักหน้าและพูดอย่างจริงจังว่า “ เหมือนที่จ้าวสังสารวัฏกล่าวไว้ มันมีโอกาสและโชคลาภมากมายที่นี่”

“ ไม่ว่าเจ้าจะต้องการอะไร ตราบใดที่เจ้ามีคะแนนบุญเพียงพอ เจ้าก็จะสามารถแลกมันได้ และที่มาของคะแนนบุญก็คือการทำภารกิจที่ลูกบอลแสงขนาดใหญ่นี้มอบหมายให้สำเร็จ”

“ ภารกิจเหล่านี้อาจมาจากต่างโลก มันมีอันตรายทุกประเภทและเราก็จะได้พบกับยอดฝีมือที่คาดไม่ถึงทุกประเภท ด้วยเหตุนี้เอง อัตราการเสียชีวิตจึงสูงมาก”

“ ในภารกิจที่แล้ว พวกเราก็มีกัน 6 คน แต่สุดท้ายก็มีเหลือแค่ข้าคนเดียวที่รอดชีวิตมาได้”

เขาแต่งเรื่องราวขึ้นมาอย่างจริงจัง แต่ฟางหยูลั่ว, เจิงโหยวเหนียน, ซูจิงและซ่งฉีก็เชื่อมันและเริ่มกังวลตาม

“ ถ้าเราตายในขณะที่ทำภารกิจอยู่ล่ะ” เจิงโหยวเหนียนอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ เราจะถูกไล่ออกจากโลกนี้หรือว่าเราจะ…”

“ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ความตายก็คือความตาย” ซุยเฮ็งส่ายหัวเบาๆ และพูดว่า “ พวกเรามีเพียงชีวิตเดียว จงถนอมมันเอาไว้ให้ดี ข้าหวังว่าหลังจากภารกิจต่อไปของเราจบลง พวกเราทั้งห้าคนก็จะยังคงอยู่กันครบพร้อมหน้าพร้อมตากัน”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา คนทั้งสี่ที่อยู่รอบๆ ก็เงียบลง พวกเขาสามารถได้ยินความเศร้าโศกและความสิ้นหวังในคำพูดของซุยเฮ็งได้

ถูกต้องแล้ว โลกสังสารวัฏได้ชี้แจงไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว

ที่นี่ไม่เพียงแต่จะมีโอกาสไม่รู้จบ แต่มันยังมีอันตรายไม่รู้จบอีกด้วย!

ชีวิตของพวกเขาอาจตกอยู่ในอันตรายได้ทุกเมื่อ!

“ ขอบคุณที่บอกเราเรื่องนี้ พี่ใหญ่ซุย” ฟางหยูลั่วป้องมือเธอและโค้งคำนับ เธอเป็นคนที่สุภาพมาก

“ ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้” ซุยเฮ็งโบกมือเบาๆ และยิ้ม “ ในอนาคต เราทุกคนก็จะเป็นมิตรสหายกันแล้ว เมื่อถึงเวลาต้องช่วยเหลือกัน หากพวกเจ้าช่วยเหลือข้าด้วยความเต็มใจ มันก็จะนับเป็นการขอบคุณที่ดีที่สุดแล้ว”

“ พี่ใหญ่ซุยนี่มีออร่าของวีรบุรุษจริงๆ” เจิงโหยวเหนียนกล่าวยกย่อง

“ ใช่แล้ว มันหายากมากที่จะได้เห็นคนที่มีความคิดเช่นนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย” ซูจิงเองก็ยิ้ม

“…” ซ่งฉีรู้สึกหดหู่ใจ เขาเปิดปากและลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ พี่ใหญ่ซุย ข้าเป็นแค่คนพิการ ข้าคงจะเป็นภาระใช่ไหม”

ขาซ้ายของเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ หากเขาพบกับอันตรายใดๆ เขาก็คงจะสามารถทำได้เพียงนั่งรอความตายเท่านั้น

ฟางหยูลั่ว, เจิงโหยวเหนียนและซูจิงต่างก็มองไปที่ขาของซ่งฉีเมื่อเห็นว่ากระดูกขาของเขาดูบิดเบี้ยวผิดธรรมชาติ ผิวหนังและกล้ามเนื้อบริเวณนั้นเหี่ยวเฉาเล็กน้อย และพวกเขาก็ส่ายหัวกันเบาๆ

“ เฮ้อ ถ้าเพียงข้าได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตประตูลึกล้ำล่ะก็” ฟางหยูลั่วถอนหายใจเบาๆ “ พลังของขอบเขตประตูลึกล้ำนั้นน่าจะเพียงพอที่จะสามารถรักษาเขาได้”

ซ่งฉีก้มหน้าลง เขาไม่รู้จะพูดอะไร

“ อันที่จริง การรักษาขาของเจ้านั้นก็ง่ายมาก” ทันใดนั้นเอง ซุยเฮ็งก็พูดขึ้นและมองไปที่ลูกบอลแสงขนาดใหญ่กลางอากาศ “ มันมีหน้าต่างแสดงรายการสิ่งของที่เราสามารถแลกเปลี่ยนได้อยู่ มันมียาที่เรียกว่า 'ยาหลอมกระดูก' ”

ทันทีที่เขาพูดจบ ม่านแสงขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นจากอากาศใต้ลูกบอลแสงขนาดใหญ่ มันมีคำเขียนอยู่บนนั้น

มันเป็นข้อมูลเกี่ยวกับคำอธิบายของยาหลอมกระดูกและราคา

คะแนนบุญ 20 คะแนน

ฉากนี้ทำให้ฟางหยูลั่วและคนอื่นๆ ตกตะลึง พวกเขาสามารถทำให้จ้าวสังสารวัฏแสดงข้อมูลที่พวกเขาต้องการแลกเปลี่ยนได้โดยตรง

แถมมันยังสามารถแสดงราคาได้ด้วย!

หลังจากที่ซ่งฉีเห็นคำอธิบายของยาหลอมกระดูก ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นอีกครั้งในทันที อย่างไรก็ตาม หลังจากเห็นว่าราคาของมันคือ 20 คะแนนบุญ เขาก็กลับมารู้สึกสลดใจอีกครั้ง

ก่อนภารกิจจะเสร็จสิ้นและเขาจะได้รับคะแนนบุญมา เขาก็คงจะตายไปก่อนแล้ว

ถ้าเขาต้องการจะได้รับคะแนนบุญ เขาก็มีแต่จะต้องทำภารกิจให้สำเร็จ

แต่ก่อนที่เขาจะได้รับยาหลอมกระดูกเพื่อรักษาขาของเขา เขาจะไปทำภารกิจได้อย่างไร?

และถ้าเขาไม่ไปทำภารกิจ เขาก็จะไม่มีคะแนนสะสมเพื่อซื้อยา… นี่เป็นปัญหาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“ อันที่จริง ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ของเจ้าก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย” จู่ๆ ซุยเฮ็งก็พูดกับซ่งฉีว่า “ เมื่อกี้ข้าแค่แสดงให้ดูเฉยๆ ว่ามันมีของที่สามารถแลกเปลี่ยนได้ด้วย”

“ มา ให้ข้าช่วยเจ้าเอง”

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงสะบัดนิ้วและกระแสพลังงานสีทองก็พุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเขา มันไหฃเข้าสู่แขนขาของซ่งฉีในทันที

มันเริ่มเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ไขกระดูก และสร้างกระดูกขึ้นมาใหม่

“ นี่... นี่มัน?!”

เมื่อฟางหยูลั่วและคนอื่นๆ เห็นพลังงานสีทองนี้ พวกเขาก็มองไปที่ซุยเฮ็งด้วยความตกใจอย่างมาก “ ขอบเขตเซียนเทียน มันคือขอบเขตเซียนเทียนจริงๆ ด้วย!”

เจิงโหยวเนียนและซูจิงถึงกับร้องอุทาน “ ปราณเซียนเทียน นี่คือปราณเซียนเทียน!”

“ พี่ใหญ่ซุย ท่านเป็นเทพปฐพีอย่างงั้นหรอเนี่ย!”

ในความเห็นของพวกเขา ผู้ฝึกตนที่ขอบเขตเซียนเทียนนั้นก็ยิ่งใหญ่มากแล้ว เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่พวกเขาต้องการจะไล่ตาม

“ เทพปฐพี?” ซุยเฮ็งหัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยินสิ่งนี้และส่ายหัว “ อย่าเรียกข้าแบบนั้น ไม่ว่าโลกเดิมของพวกเจ้าจะเป็นอย่างไร แต่พวกเจ้าจะเข้าใจในไม่ช้าเองว่าในจักรวาลนี้ ขอบเขตเซียนเทียนนั้นก็ไม่มีอะไรเลย”

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงถามซ่งฉีว่า “ เป็นยังไงบ้าง?”

ในขณะนี้ ซ่งฉีก็ยืนอยู่บนพื้นแล้ว เขามองดูขาตัวเองอย่างตื่นเต้นและคำนับซุยเฮ็ง “ ขอบพระคุณพี่ใหญ่ซุย ขอบพระคุณ!”

“ ไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าก็ได้” ซุยเฮ็งส่ายหัวเบาๆ และยิ้ม “ การช่วยเจ้าก็คือการช่วยตัวข้าเองด้วย ท้ายที่สุดแล้ว ภารกิจนั้นก็อันตรายมาก การมีเพิ่มมาอีกหนึ่งคนนั้นหมายถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น”

“ พี่ใหญ่ซุยเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนเทียนที่ติดดินที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมาเลย” เจิงโหยวเหนียนกล่าวชมเชยอย่างจริงใจก่อนที่จะถามว่า “ แล้วเราควรทำอย่างไรต่อไป? ข้าจะทำตามที่ท่านบอก”

ฟางหยูลั่วและซูจิงเองก็พยักหน้าและมองไปที่ซุยเฮ็ง

พวกเขากำลังรอคำตอบของเขา

“ ทำสองอย่างก่อนก็ได้” ซุยเฮ็งมองไปที่พวกเขาสี่คนแล้วยิ้ม “ เราจะกำหนดเป้าหมายให้ได้ก่อนแล้วมาดูรายละเอียดของภารกิจนี้กันว่าเป็นอย่างไร”

“ หรือไม่เราก็จะเปิดรายการแลกบุญก่อนแล้วดูว่าอยากได้อะไร”

“ สิ่งนี้จะสามารถเพิ่มแรงจูงใจได้ไม่มากก็น้อย”