ตอนที่ 281

บทที่ 281 แม้แต่คนที่ไม่มาก็หนีไม่ได้

ความวุ่นวายที่เกิดจากการมาถึงของเก๋าโชวซินนั้นยิ่งใหญ่มาก

ข้างหลังเขามีควันดำพวยพุ่งออกมาเป็นทางยาวหลายสิบลี้ มันเต็มไปด้วยผีดิบตัวสีเขียวและสีขาวที่ส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมา

กลิ่นเหม็นเน่านี้กระจายออกไปพร้อมกับออร่าแห่งความตาย มันทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างมีสีหน้าหวาดกลัวและคุกเข่าลงกับพื้นโดยไม่รู้ตัว

ยิ่งการฝึกตนสูงเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น

นี่เป็นเพราะพวกเขารู้ดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับปรากฏการณ์นี้ และพวกเขาก็ยังรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับควันดำและกลิ่นที่เหม็นรุนแรงนี้

เจ้าแห่งความตายได้อยู่ที่นี่แล้ว!

เจ้าแห่งความตายผู้หลับใหลอยู่ในขั้วโลกได้ตื่นขึ้นแล้วจริงๆ

แม้แต่เว่ยเฉิงก็ยังไม่คิดว่าเก๋าโชวซินจะมา

ทั้งสองคนหยุดอยู่บนท้องฟ้าและมองหน้ากัน

“ ข้าไม่คาดคิดว่าเจ้าจะมา”

“ แต่ข้าคิดไว้แล้วว่าเจ้าจะมา”

เก๋าโชวซินและเว่ยเฉิงเผชิญหน้ากันบนท้องฟ้า สีหน้าของพวกเขาดูเย็นชามาก พวกเขาไม่ชอบหน้ากันมานานหลายปี

ปราชญ์ทั้งสามล้วนเป็นศัตรูกัน ความจริงแล้วทั้งสามต่างก็เกลียดกันและอยากให้อีกฝ่ายตายในวันนี้เลย

“ เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” เว่ยเฉิงมองไปที่เก๋าโชวซินอย่างระแวดระวัง

ในความคิดของเขา อีกฝ่ายก็รับมือได้ยากมาก โดยเฉพาะกลุ่มผีดิบที่อยู่ข้างหลังเขาที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด

เมื่อหลายพันปีก่อน เก๋าโชวซินเพิ่งบรรลุเต๋า เขาได้ทำการต่อสู้ครั้งใหญ่กับปราชญ์ของตำหนักกาฬโรค

ในเวลานั้น เก๋าโชวซินก็ไม่แม้แต่จะแสดงใบหน้าของเขา เขาแค่ปล่อยให้ฝูงผีดิบคลานไปทั่วภูเขาหมื่นพิษที่ชายแดนใต้และกลืนกินทุกอย่างที่นั่น

ด้วยจำนวนฝูงผีดิบดังกล่าว แม้แต่ปราชญ์ก็ยังไม่สามารถฆ่าพวกมันได้หมด

ในท้ายที่สุด ปราชญ์ของตำหนักกาฬโรคก็ทำได้เพียงประนีประนอมและยอมรับความพ่ายแพ้

“ แน่นอน เป็นเพราะข้ารู้ว่าเจ้าจะมา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ข้ามา” เก๋าโชวซินยิ้มบนใบหน้าของเขา “ ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการจะทำอะไร นี่เองก็เป็นโอกาสที่ดีสำหรับข้า”

“ เจ้าต้องการจะช่วยตระกูลหลี่อย่างงั้นหรอ?” เจตนาฆ่าปรากฏขึ้นในดวงตาของเว่ยเฉิงในขณะที่เขาพูดด้วยเสียงต่ำ “ เจ้าต้องการจะผูกมิตรกับมันใช่ไหม!”

“ เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ?” รอยยิ้มของเก๋าโชวซินยังไม่จางหายไป ออร่าสีดำที่อยู่ข้างหลังเขายังคงแพร่กระจายออกไป ผีดิบจำนวนนับไม่ถ้วนปิดล้อมรอบเว่ยเฉิงเอาไว้

“ ให้ตายเถอะ…” เว่ยเฉิงกัดฟันข่มความโกรธไว้ในใจ” ปราชญ์เก๋า ข้าไม่เคยเป็นศัตรูกับเจ้า ทำไมเจ้าถึงต่อต้านข้า”

เขาไม่เคยคาดคิดว่าเก๋าโชวซินจะมาสร้างปัญหาในเวลานี้และต้องการช่วยปราชญ์คนใหม่แห่งตระกูลหลี่

เมื่อเห็นว่าปรากฏการณ์ปราชญ์กำลังจะเสร็จสิ้น เว่ยเฉิงก็ยิ่งกังวลใจมากขึ้น เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้คำมั่นสัญญา “ ปราชญ์เก๋า ตราบใดที่เจ้าไม่หยุดข้าในวันนี้ สำนักมรณาเก้าสวรรค์ของข้าก็จะเป็นพันธมิตรกับสำนักปรโลกอันศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป!”

“ มารวมพลังกันเพื่อจัดการกับตำหนักกาฬโรคและปราบปรามเจ้าพิษเฒ่าให้สิ้นลาย และในเวลานั้น ดาวชงหยางก็จะเป็นดินแดนสวรรค์ของเรา แบบนี้ไม่ดีหรอ?”

“ ฮ่าฮ่าฮ่า เว่ยเฉิงผู้หยิ่งยโสยินดีจะร่วมมือกับศพอย่างข้าจริงๆ หรอเนี่ย?” เก๋าโชวซินหัวเราะเสียงดังเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ ตอนที่ข้าบรรลุเต๋าในตอนนั้น เจ้าก็ไม่ได้พูดอย่างเปิดเผยหรอว่าข้าเป็น 'ซากศพที่กลายพันธุ์' และไม่สมควรจะถูกเรียกว่า 'ปราชญ์' ?”

“ เก๋าโชวซิน อย่าบังคับให้ข้าต้องลงมือ!” เว่ยเฉิงอดไม่ได้ที่จะตะโกนอย่างรุนแรง เขามองไปที่ปรากฏการณ์บนท้องฟ้าอีกครั้งและดูกังวลอย่างมาก

เมื่อปรากฏการณ์เสร็จสิ้น ปราชญ์คนใหม่ก็จะถือกำเนิดขึ้น และสถานการณ์บนดาวชงหยางก็จะได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ปราชญ์มีอิทธิพลอย่างมากต่อกฎและส่งผลต่อปรากฏการณ์ของโลก

ในตอนนี้ เว่ยเฉิงก็เป็นกังวลอย่างมาก เขาส่งผลกระทบต่อพลังปราณสวรรค์ปฐพีโดยรอบโดยธรรมชาติ สิ่งนั้ทำให้พลเมืองในเมืองรู้สึกหายใจไม่ออก

เมื่อรวมกับแรงกดดันจากกลุ่มผีดิบของเก๋าโชวซิน เกือบทุกคนในเมืองลู่หลิงก็เริ่มกลายเป็นบ้า

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ยินว่าปราชญ์สองคนบนท้องฟ้ากำลังพูดอะไรกัน แต่บรรยากาศบนโลกนั้นก็บีบคั้นซะจนพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาอาจจะกำลังเผชิญหน้ากับสงครามศักดิ์สิทธิ์

สงครามศักดิ์สิทธิ์!

มันหมายถึงความตาย!

หากปราชญ์ทั้งสองต่อสู้กัน เมืองลู่หลิงก็จะต้องกลายเป็นซากปรักหักพังอย่างแน่นอน มันไม่มีความเป็นไปได้อื่น

ทุกคนในเมืองจะต้องตาย!

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศในที่พักของตระกูลหลี่นั้นก็ยังดูแปลกไปเล็กน้อย

หลี่เฉิงและเป่ยฉิงซูเป็นเซียนอนันต์ทอง หลี่ฉวนเป็นเซียนทอง และศิษย์สองคนก็เป็นเทวา

พวกเขาได้มาถึงระดับการรับรู้ที่สูงแล้ว

เก๋าโชวซินและเว่ยเฉิงไม่ได้อยู่ไกลมากนัก ดังนั้นพวกเขาจึงได้ยินการสนทนาของทั้งสอง

อย่างไรก็ตาม เนื้อหานี้ก็ทำให้เกิดความสับสนเล็กน้อย

โดยเฉพาะหลี่เฉิงเอง

“ ข้า.. ข้ากลายเป็นปราชญ์ตั้งแต่เมื่อไหร่?” หลี่เฉิงชี้ไปที่ตัวเองด้วยความสับสนและพูดว่า “ ทำไมข้าถึงไม่เห็นรู้เลย?”

“ ปราชญ์เว่ยอาจคิดว่าคนที่บรรลุเต๋าเป็นเจ้ารึเปล่า?” หลี่ฉวนเข้าใจเล็กน้อยและพยักหน้า “ ในเวลานี้ เจ้าก็มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะบรรลุเต๋าในเมืองลู่หลิง”

เทวาทั้งสองทำอะไรไม่ถูก

สถานการณ์ในปัจจุบันเกินความสามารถของพวกเขาไปอย่างสมบูรณ์

“ บางทีมันอาจจะเป็นฮุ่ยฉี” ทันใดนั้นเป่ยฉิงซูก็ปรากฏตัวขึ้นและไม่ได้ซ่อนตัวอีกต่อไป เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยท่าทางแปลกๆ และพึมพำว่า “ ครั้งนี้ข้าพลาดโอกาสซะแล้ว”

การปรากฏตัวของเขาทำให้คนที่อยู่ข้างๆ เขาทุกคนตกตะลึงในทันที

หลี่ฉวนพูดอย่างระแวดระวัง “ เจ้า.. เจ้าเป็นใครกัน? เจ้าแอบเข้ามาในบ้านข้าตั้งแต่เมื่อไหร่!”

“ นั่นคือฉิงชู ท่านประมุขเซียนส่งเจ้ามาหรอ?” หลี่เฉิงค่อนข้างประหลาดใจ เขายิ้มและอธิบายให้หลี่ฉวนอยู่ข้างๆ ว่า “ ท่านพ่อ นี่คือศิษย์ของท่านประมุขเซียน เขาอายุเพียงประมาณ 200 ปี แต่เขาก็เป็นเซียนอนันต์ทองแล้ว”

“ เซียนอนันต์ทองอายุ 200 ปี?!” หลี่ฉวนตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขามองไปที่เป่ยฉิงซูด้วยความเหลือเชื่อ เขาไม่เคยได้ยินเรื่องไร้สาระเช่นนี้มาก่อน

“…” เทวาทั้งสองเงียบลงอีกครั้ง

สงครามศักดิ์สิทธิ์กำลังจะปะทุขึ้น และเซียนอนันต์ทองสองคนก็อยู่ที่นี่ พวกเขาควรจะทำอย่างไรดี?

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว เพียงแค่ชื่อของสำนักมรณาเก้าสวรรค์เพียงอย่างเดียวก็อาจไม่สามารถปราบปรามอีกฝ่ายได้อีกต่อไป!

“ ฉิงซู สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร?” หลี่เฉิงอดไม่ได้ที่จะถาม เป่ยฉิงซู “ ฮุ่ยฉีและท่านประมุขเซียนกำลังทำอะไรอยู่”

“ ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน…” เป่ยฉิงซูส่ายหัวแล้วมองขึ้นไปบนท้องฟ้า” แต่เราก็น่าจะได้รู้เร็วๆ นี้”

พรึ่บ!

ในขณะนี้ เช่นเดียวกับที่ปรากฏการณ์กำลังจะสิ้นสุดลง

ทันใดนั้น เสียงดังกึกก้องก็ดังมาจากบนท้องฟ้า ในเวลาเดียวกัน มันก็ดังเข้าหูของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนดาวชงหยาง

บางคนรู้สึกสดชื่นและตื่นขึ้นในทันที บางคนรู้สึกเวียนหัวราวกับว่าศีรษะของพวกเขาได้รับแรงกระแทกอย่างหนัก

นี่คือการเคลื่อนไหวของซุยเฮ็ง

เขาใช้เศษเสี้ยวพลังที่ไม่มีนัยสำคัญใดๆ เพื่อชะล้างวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนดาวชงหยางในทันที เขาป้องกันไม่ให้พวกเขาจมอยู่ในความกลัวและความตกใจของปรากฏการณ์

การชะล้างจิตวิญญาณนี้เป็นธรรมชาติมาก มันแทบไม่มีร่องรอยของความผันผวน

อย่างไรก็ตาม เก๋าโชวซินและเว่ยเฉิงซึ่งเป็นปราชญ์ ทั้งสองก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

นี่คือสิ่งที่ซุยเฮ็งจงใจให้พวกเขาสัมผัสได้

ทั้งสองคนหยุดโต้เถียงกันในทันทีและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพร้อมๆ กัน ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

ในเวลาเดียวกัน ในช่วงกลางของปรากฏการณ์ที่ยังไม่สิ้นสุด แสงสีทองที่พร่างพราวอย่างหาที่เปรียบมิได้ก็ได้สว่างขึ้น มันส่องสว่างทุกสิ่งบนโลก

แสงสีทองนี้เต็มไปด้วยออร่าศักดิ์สิทธิ์ เสียงคำรามของมังกรดังขึ้นอย่างคลุมเครือราวกับว่ามังกรศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์กำลังนอนสงบนิ่งอยู่ในแสงสีทอง

ทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่งเดินออกมาจากแสงสีทองอย่างช้าๆ

นี่คือบุรุษที่ดูเหมือนจะมีอายุยี่สิบกว่าๆ มังกรศักดิ์สิทธิ์สีทองเก้าตัวโอบรอบร่างของเขาไว้ เขายืนอยู่บนท้องฟ้าสูงและมองลงมาราวกับเทพเจ้ามังกรที่ปกครองทุกสิ่ง

เขาเป็นปราชญ์ แต่ออร่าและแรงกดดันบนร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งกว่าปราชญ์ใดๆ ราวกับว่าเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่สูงส่งกว่าใครๆ

มันคือฮุ่ยฉี!

ช่วงเวลาที่เก๋าโชวซินและเว่ยเฉิงเห็นฮุ่ยฉี พวกเขาก็มีความรู้สึกเดียวกันในใจ พวกเขาเป็นปราชญ์ของปลอมหรอ!

ออร่าของฮุ่ยฉีกดดันพวกเขามาก

นี่ดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งจะกลายเป็นปราชญ์เลย!

เขาแข็งแกร่งเกินไป!

ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นใครกัน?

ทำไมไม่ใช่หลี่เฉิง?

ยอดฝีมือคนนี้มาจากไหน? เขามาถึงดาวชงหยางตั้งแต่เมื่อไหร่ และทำไมเขาถึงบุกทะลวงในเมืองลู่หลิง?!

เว่ยเฉิงและเก๋าโชวซินรู้สึกสับสน

พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ เจ้าเป็นใคร? ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?!” เว่ยเฉิงจ้องมองไปที่ฮุ่ยฉีและถามด้วยเสียงต่ำ

แม้ว่าออร่าและแรงกดดันบนร่างกายของฮุ่ยฉีจะทรงพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่เขาก็ไม่คิดว่าเขาจะอ่อนแอกว่าอีกฝ่าย ความแข็งแกร่งของพลังไม่ได้ขึ้นอยู่กับออร่าและแรงกดดันเพียงอย่างเดียว

ตราบใดที่ไม่มีความแตกต่างของขอบเขต และตราบใดที่ทั้งสองฝ่ายเป็นปราชญ์ มันก็จะไม่มีการปราบปรามอย่างสมบูรณ์!

ฮุ่ยฉีมองลงไปที่พวกเขาทั้งสองคนและไม่ได้ตอบอะไร

สายตาของเขากวาดผ่านเก๋าโชวซินและฝูงผีดิบก่อนที่จะลงจอดหน้าเว่ยเฉิง เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “ ข้ามาที่นี่ตามคำสั่งของนายท่านเพื่อตรวจสอบการฝึกตนของข้ากับพวกเจ้าทั้งสองคน โปรดพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกข้าฆ่า”

ฮุ่ยฉีได้ประเมินทั้งสองแล้ว เขาสามารถฆ่าเว่ยเฉิงได้ แต่เขาก็สามารถจับเก๋าโชวซินได้เท่านั้น

แม้ว่าเก๋าโชวซินจะมาที่นี่เพื่อช่วย "หลี่เฉิง" แต่เขาก็ได้นำผีดิบมามากมาย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่คนดี ดังนั้นแล้วการจับเขาไว้ก่อนจึงจะดีกว่า

เว่ยเฉิงและเก๋าโชวซินเป็นปราชญ์ พวกเขาปกครองดาวชงหยางมานานนับพันปี พวกเขาจะทนต่อการยั่วยุจากคนนอกได้อย่างไร

“ กล้าดียังไง!”

“ ตายซะ!”

ท้องฟ้าสงบนิ่ง

ซุยเฮ็งมองลงไปและไม่ได้สนใจพวกเขา เขาหันไปมองเทพดวงดาวที่อยู่ตรงข้ามเขาแล้วยิ้ม “ ท่านผู้เฒ่าเอ๋ย บอกข้าเกี่ยวกับสำนักเซียนทั้งสามนี้มาที”

“ ข้ามิกล้า ข้ามิกล้า ท่านเซียนผู้สูงส่งโปรดอย่าเรียกข้าว่าท่านเลย ท่านสามารถเรียกข้าว่าเทพน้อยก็ได้” เทพดวงดาวชงหยางคำนับซ้ำแล้วซ้ำอีกและกล่าวว่า “ เป็นเกียรติของข้าแล้วที่สามารถพูดคุยกับท่านเซียนผู้สูงส่งได้ ท่านต้องการให้ข้าเริ่มต้นจากตรงไหนก่อนดี?”

ซุยเฮ็งมองไปทางทิศใต้และยิ้ม “ เริ่มจากตำหนักกาฬโรคก่อนเลย”

กุญแจประหลาดนั้นถูกพบในเครื่องมือปราชญ์ของตำหนักกาฬโรค