ไม่มีใครรู้ว่าหลิน ยู และคนอื่นๆคุยอะไรกัน
สิ่งที่พวกพวกเขารู้ก็คือพวกเขานั้นอยู่ในโถงรับรองชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น หลังจากนั้นก็เดินไปรอบๆดินแดนทันที ทัศนคติที่ชายชราคนนั้นมีต่อหลิน ยู กลับตาลปัตรทันทีเขาเคารพหลิน ยู อย่างมาก
นี้เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน
เหว่ย ดังที่ รออยู่ด้านนอกตกตะลึงราวกับเห็นผี
ผู้ฝึกตนระดับ 9 ที่สง่างามถูกปราบโดยนายท่าน?
แต่พวกเขาจะรู้ได้อย่างไร
ในเวลานี้ ตัวชายชรานั้นตกตะลึงยิ่งกว่าตัวเขาซะอีก ถึงกับช๊อกไปเลยทีเดียว
เพราะเมื่อกี้
ด้านในดินแดนของ หลิน ยู เขาได้เห็นปราชญ์แห่งพงไพรที่ห้อมล้อมด้วยพลังแห่งกฏ
ความเข้มข้นของพลังแห่งกฏนั้นมันเป็นที่สิ่งที่เขาต้องการ มันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าตัวตนระดับ 10 เลยด้วยซ้ำ
เพียงแค่อยู่ใกล้ปราชญ์แห่งพงไพรแค่แปปเดียว
เขารู้สึกว่าความเข้าใจของเข้าเกี่ยวกับพลังแห่งกฏเขามีความก้าวหน้าขึ้นมาเล็กน้อยทันที
น่าทึ่งเกินไปแล้ว
เขามั่นใจว่าตราบเท่าที่เขาฝึกฝนอยู่ในสนามที่แห่งนี้ เขาจะสามารถเข้าใจพลังแห่งกฏและก้าวสู่ระดับ 10 ได้ภายใน 10 ปีอย่างแน่นอน!
สิ่งนี้มันทำให้เขาต้องการที่จะอยู่ในเมืองหวงซา
ราคาของมันคือเขาต้องรับใช้เมืองหวงซา เป็นเวลา 10 ปีและมอบแก่นกลางชีวิตของเขาให้กับหลิน ยู
สำหรับผู้ฝึกตนที่ทรงพลังที่มาถวายตัวถึงหน้าประตูบ้าน หลิน ยู เป็นธรรมดาที่เขาย่อมไม่ปฏิเสธ
แม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงแค่ 10 ปี
แต่สำหรับเขามันเพียงพอแล้ว
หลังจากที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็พูดกับ เย่ว ต้าวน่าน ชาวชราที่อยู่ข้างๆเขา "ผู้อาวุโสเย่ว จากนี้ไปความปลอดภัยของเมืองหวงซา คงต้องฝากคุณด้วย เช่นเดียวกับผู้ฝึกตนที่อยู่ภายใต้เมืองหวงซา หากคุณมีเวลา โปรดชี้แนะพวกเขาด้วย"
"ไม่ต้องห่วง ข้าจะทำมันสุดความสามารถ"
เย่ว ต้าวน่าน กล่าวอย่างจริงจัง
หลังจากที่ได้พูดคุยในเวลาสั้นๆเพียงครึ่งวัน เขาก็สัมผัสได้ถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ที่อยู่ภายในตัวของ หลิน ยู มันถึงกับทำให้เขาตกตะลึง
แม้แต่ตอนที่เขาได้พบกับราชันระดับ 9 เขายังไม่มีความรู้สึกแบบนี้
เจ้าเมืองหวงซานี้
อนาคตต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!...
เหว่ย กัง และลูกน้องของเขาหลายคนที่อยู่ด้านข้างก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้ยินบนสนทนาของพวกเขา
การที่ผู้ฝึกตนระดับ 9 มาให้คำแนะนำในการฝึกฝนเป้นการส่วนตัวนั้น ไม่ใช่โอกาสที่จะหาได้ง่ายๆ อย่างน้อยมันก็ช่วยให้พวกเขาไม่ออกนอกลู่นอกทาง
นั้นคือเรื่องราวทั้งหมด
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ก็ได้มีผู้ฝึกตนระดับ 9 เพิ่มขึ้นในอาณาเขตของเขา
เพื่อความสะดวกในการฝึกฝนของ เย่ว ต้าวน่าน และไม่ให้ถูกรบกวน
หลิน ยู จึงได้บอกกับ เซียว ฉางกุ้ย ให้หาคนมาสร้างบ้านต้นไม้ที่เงียบสงบใกล้กับดินแดนของเขา
สิ่งนี้เขาคิดโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของเมืองหวงซาด้วย
"เอาละ เดี๋ยวฉันกลับก่อน ฉันมีอย่างอื่นยังต้องไปทำอีก ที่เหลือฉันจะบอกให้เป็นหน้าที่ของนายก็แล้วกัน"
หลังจากที่พูดจบ หลิน ยู ที่ทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านก็รีบกลับไปยังดินแดนพร้อมกับ หลิง ซี ทันที
ในเวลานี้ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ
ในตอนนี้เขาล้มเลิกแผนที่จะศึกษาสกิลของปราช์ญแห่งพงไพรต่อไป
เดินมายังใต้ต้นไม้โลกและนั่งลง กินอาหารที่เหล่าชาวเมืองส่งมาให้ ขณะที่เปิดหน้าต่างแชทเพื่อหาข้อมูล
"พี่น้องทั้งหลาย ใครมีวิธีเพิ่มพลังความศรัทธาอย่างรวดเร็วบ้าง ฉันจะร้องไห้แล้ว เมื่อไรฉันจะไปถึงระดับ 7 ซักที"
"ไม่ต้องร้องสหาย เมืองฉันมีคนเกือบ 10000 ตอนนี้ฉันได้พลังความศรัทธา 2 แต้มทุกวัน ไม่รู้ว่าจะอัพเกรดได้ตอนไหนเหมือนกัน"
"นายยังดีได้วันละ 2 แต้ม ฉันนี้ไม่ได้เลย! แค่ขึ้นภาษาีเป้น 20% ไม่เห็นจำเป็นต้องเกลียดฉันขนาดนั้นเลย"
"ไอ้โง่เอ้ย 20% เลยหรอ นายนี้มันใจร้ายชิบ ครั้งที่แล้วฉันเพิ่มเป็น 12% ฉันกลัวว่าคนจะหนีออกจากเมืองฉันเลยเปลี่ยนคืน"
"พูดได้คำเดียวว่าสมควรแล้ว!..."
โดยปกติแล้วจะมีราชันระดับต่ำพูดในหัวข้อที่ไร้สาระ
สำหรับราชันบางคน การสนทนาด้วยพลังเวทย์ 100 แต้มไม่ใช่จำนวนที่มากมายนัก ดังนั้นช่องแชทในตอนกลางคืนจึงเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
หลิน ยู มองดูพวกเขาพูดคุยกันด้วยความสนใจขณะกินข้าวไปด้วย มันค่อนข้างผ่อนคลายทีเดียว
เมื่อกลางคืนมาเยือนเข้าก็เก็บข้าวของกลับเข้าไปในพักผ่อนในบ้านต้นไม้
.....
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
อีก 2 วันผ่านไปในพริบตา
หลังจากปล่อยข่าวมาได้ 2 วันในที่สุดก็ถึงเข้าวันที่ 3 เมืองหวงซาก็เต็มไปด้วยเหล่าผู้ลี้ภัยที่ไหล่บ่าเข้ามา
เหล่าผู้ลี้ภัยจำนวนมากที่ออกม่จากเมืองโบราณมาถึงทีลัคนหลั่งไหลเข้ามาภายในเมืองอย่างต่อเนือง
จากนั้นภายใต้การจัดการของเซียว ฉางกุ้ย และกลุ่มเจ้าหน้าที่พวกเขาก็ได้มายังที่พักชั่วคราว
มันเกิดกว่าที่หลิน ยู คิดไว้ซะอีก
จำนวนผู้ลี้ภัยที่มาถึงระลอกแรกนี้มากกว่าที่เขาคิดเอาไว้หลายเท่า
ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน ก็มีผู้ลี้ภัยเข้ามาเกือบ 20000 คน และยังคงเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆในอัตราที่นับได้ด้วยตาเปล่า ทำให้เมืองหวงซามีชีวิตชีวาอย่างมาก
โชคดีที่ หลิน ยู นั้นได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ให้คนที่เพิ่มย้ายเข้ามาออกไปยังด้านนอกของเมืองใช้พื้นว่างที่อยู่ด้านบนและด้านล่างสร้างเป็นบ้านต้นไม้ขนาดใหญ่ออกมา
คนเหล่านี้อาศัยอยู่ง่าย
ถ้านี้เป็นราชันคนอื่น เขาเกรงว่าผู้ลี้ภัยเหล่านี้คงได้ล้นออกมาจากเมืองอย่างแน่นอน
"้เรียนนายท่าน ด้วยความเร็วขนาดนี้ เมืองหวงซาของเราจะพัฒนาไปเป็นเมืองระดับกลางที่มีประชากรในเมืองกว่า 100000 คนในไม่ช้า"
เซียว ฉางกุ้ยและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆมองไปยังผู้ลี้ภัยที่หลั่งไหลเข้ามาในเมืองอย่างต่อเนื่อง สีหน้าของพวกเขาตื่นเต้นอย่างมาก
ณ ตอนนั้น
ตอนที่ หลิน ยู ได้มาถึงครั้งแรก พวกเขานั้นเป็นเพียงคนแก่ ที่อ่อนแอ เจ็บป่วยไม่ก็พิการแค่ 500 คนในเมืองหวงซาล
แต่เวลาผ่านไปเพียง 4 เดือน พวกเขาก็มาถึงระดับเมืองชั้นกลางที่พวกเขาได้แต่ฝันถึง
"ใช่ ไม่คิดเลยว่ามันจะเร็วขนาดนี้" หลิน ยู ยิ้มและพยักหน้า
"แต่นี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ในอนาคต เมืองหวงซาจากกลายเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่มีประชากรหลายล้านคน ยังเร็วเกินไปที่พวกนายจะดีใจนะ!"
"หลายล้าน!!"
เจ้าหน้าที่คนอื่นรวมถึง เซียว ฉางกุ้ย พวกอ้าปากกว้างด้วยความตกตะลึง
ประชากร 100000 คนที่พวกเขาได้แต่ฝันถึง
ถ้าหากมันมันไปถึกหลักล้าน
นั้นก็หมายความพวกเขาต้องรับผิดชอบผู้คนนับล้านคนไม่ใช่หรือ?
เมื่อคิดถึงภาพนั้นพวกเขาก็ตื่นเต้นจนตัวสั่น ใบหน้าแดงก่ำด้วยความดีใจ
"เอาละ ดูซิพวกนายตื่นเต้นอะไรกัน พวกนายเป็นเสาหลักของเมืองหวงซานะ ท่าทางแบบนั้นมันคืออะไรกัน"
"นายท่านพูดถูกเป็นเพราะพวกเราสายคับแคบเกินไป"
เหล่าเจ้าหน้าที่ต่างลุกขึ้น
อย่างไรก้ตามสีหน้าของพวกเขายังคงตื่นเต้นอย่างมาก
"เอาละ รีบไปเตรียมการกันได้ วันนี้เป้นเพียงแค่ระลอกแรกเท่านั้น อีกไม่กี่วันจะมีคนมากอีก จัดการตามแผนอย่าให้ตกหล่น"
"ขอรับ! ข้าน้อยรับประกันว่ามันจะต้องออกมาเรียบร้อยอย่างแน่นอน!"
ด้วยการตอบสนองของเหล่าเจ้าหน้าที่ พวกเขาเดินไปตามกำแพงเมืองภายใต้การนำของ เซียว ฉางกุ้ยรีบออกไปจากเมืองทันที
ทีมรักษาการณ์ที่นำโดยเหว่ย กัง ได้เสริมกำลังลาดตระเวนทั้งภายในและภายนอกเมืองเพื่อรักษาความสงบ
การบวนการทั้งหมดผ่านไปอย่างราบรื่นไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ
หลิน ยู ยังพบผู้ฝึกตนจำนวนมากที่อยู่เหนือระดับ 7 ท่ามกลางฝูงชนพวกเขาเพิ่งมาถึงดูเหมือนพวกเขาทั้งหมดมาจากเมืองโบราณ
.....
นั้นคือเรื่องราวทั้งหมด
ไม่กี่วันต่อมา
หลิน ยู ใช้เวลามั้งรวบรวมผู้ลี้ภัย
จนกระทั่งบ่ายของวันที่ 3 จำนวนผู้ลี้ภัยที่เข้ามาจึงค่อยๆลดลง
ภายในเมืองหวงซา ประชากรแออัดอย่างมาก ผู้คนเต็มไปทุกหนแห่งบนท้องถนน แม้แต่ที่พักชั่วคราวก็เต็มไปด้วยผู้คน
หลิน ยู เปิดดูหน้าต่างการจัดการเมือง
ประชากรได้พู่งสูงถึง 80000 คนแล้ว
กล่าวอีกอย่างหนึ่งคือในช่วงเวลานี้ ได้มีผู้คนจำนวนประมาณ 60000 คนหลั่งไหลเข้ามายังเมืองหวงซาซึ่งมันเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าจากของเดิม
อยู่ไม่ไกลจากเมืองขนาดกลางที่มีประชากร 100000 คนแล้ว
โชคดีที่เหล่าเจ้าหน้าที่ของเมืองหวงซามีประสบการณ์ ในการควบคุมเหล่าผู้ลี้ภัย
ระหว่างทางนั้นได้มีปัญหาเล็กน้อย โดยรวมแล้วถือว่าดีเลย
ภายไปไม่นาน
ภายใต้การนำของเจ้าหน้าที่ เหล่าชาวเมืองได้ขยายเมืองหวงซาออกไป เตรียมสร้างเมืองขึ้นในป่าที่แตกต่างจากเมืองอื่นๆ
ด้วยเหตุนี้ หลิน ยู ยังได้จัดสรรเงินอีก 2 ล้านไว้ให้พวกเขาเป็นพิเศษสำหรับการพัฒนาเมือง เมื่อเหล่าทหารพืชว่าง พวกมันก็มาช่วยพวกเขาเคลื่อนย้ายสิ่งของเป็นครั้งคราว ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเรียบร้อย
จากนั้น หลิน ยู เข้าก็ไปสำรวจในป่า หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรผิดปกติ หลิน ยู ก็กลับไปยังดินแดนคนเดียว
"พี่น้องทั้งหลาย ข้าเพิ่งได้รับข่าวสำคัญ! จักรพรรดิเซิ่งเหยา ดูเหมือนกำลังจะก้าวขึ้นสู่ระดับ 12!"
ในขณะที่ข่าวที่น่าตกตะลึงปรากฏขึ้นบนช่องแชท
หลิน ยู หยุดการกระทำทันทีมองไปยังช่องแชทด้วยความประหลาดใจ
จักรพรรดิเซิ่งเหยา กำลังจะเลื่อนขั้นไปยังระดับ 12?
นี้มันคืออะไรกัน?
ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเขา
แม้แต่ราชันที่กำลังพูดคุยกันก็ตกตะลึงกับข่าวนี้ พวกเขาราวกับก้อนหินเขวี้ยงใส่หน้า
"บ้าน๊าา! นี้เรื่องจริงใช่ไหม!? ระดับ 12 นั้นไม่ใช่ระดับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่งั้นเหรอ!?"
"จักวรรดิเซิ่งเหยาของเรากำลังจะกลายเป้นโลกเซิ่งเหยาใช่ไหม!"
"ฉันก็เพิ่งได้ยินข่าวนี้มาเหมือนกัน ตอนแรกฉันคิดว่ามันเป้นเรื่องตลกขำๆ ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง"
"งั้นอาณาจักรของเราก็มีโอกาศกลายจักวรรดิในอนาคตใชไหม"
"ฮ่าฮ่า เยี่ยมมม ยอดเยี่ยมมม นี้เจ้าคิดว่าหากเปลี่ยนเป็นจักรวรรดิ แล้วจะได้รับทรัพยากรมากขึ้นอย่างนั้นเหรอ ใช่ไหม"
"นั่งกินเมล่อนรอเลย"
ราชันทุกคนกำลังแสดงความเห้นของเขาออกมา ในขณะเดียวกันก็กำลังรอคอยที่จะตอบเพื่อนของพวกเขา
สุดท้ายแล้วนี้เป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกเขา
ใครก็ไม่ต้องการให้อาณาจักรของตัวเองถูกปกครองโดยคนอื่น
ถ้าจะบอกว่าใครมีโอกาศมากที่สุด ก็น่าจะเป็นพวกราชันระดับ 9 กับกษัตริย์ใช่ไหม?
ไม่รู้ว่าจะมีใครบ้างที่จะได้ประโยชน์จากสิ่งนี้
เหล่าราชันเริ่มพูดคุยกับเกี่ยวกับหัวข้อนี้ทีละคน
หลิน ยู ประหลาดใจอย่างมากมองไปยังการสนทนาของพวกเขา
ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาไม่ได้รับข่าวสงครามระหว่าง 2 โลกตั้งแต่เข้ากลับมาจากสนามรบหมื่นโลก มันเป้นเพราะเหตุนี้นี่เอง
จักรพรรดิเซิ่งเหยากำลังจะก้าวสู่ระดับ 12
มันเป็นข่าวดีมากสำหรับทวึปดึกดำบรรพ์
สุดท้ายแล้ว การที่มีจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เพิ่มขึ้นอีก 1 คนนั้นหมายถึงโอกาศที่พวกเขาจะเอาชนะโลกหยวนซาได้ยิ่งมีมากขึ้น แม้กระทั่งการเพิ่มขึ้นของโชคชะตาของพวกเขา
หลังจากที่ครุ่นคิดข้อความแชทส่วนตัวก็เด้งขึ้นมา
"พรุ่งนี้ไปรบ เตรียมตัวให้พร้อมหล่ะ"
ข้อความนี้ถูกส่งมาโดยจี้หยุงซวง
แม้ว่าเป็นเพียงข้อความเพียงแค่ 8 คำแต่มันก็ทำให้หัวใจของหลิน ยู ถึงกับสั่นสะท้าน
หลังจากที่กลับมาจากสนามรบหมื่นโลก ในที่สุดมันก็มาถึง
หลังจากที่ตอบกลับไปว่าขอบคุณ เขาก็มายังใต้ต้นไม้โลกทันทีเปิดหน้าต่างอัญเชิญทหาร และเริ่มอัญเชิญหน้าเกล็ดเงินระดับ 7 ที่เพิ่งวิจัยเสร็จไม่กี่วันก่อนหน้านี้เพื่อกลายพันธุ์!
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved