ตอนที่ 38

บทที่ 38: ดวงอาทิตย์บนฝ่ามือ

(พระ)ฮุ่ยฉีดำเนินการฆ่าอย่างสนุกสนานอีกครั้ง

มันมีเหตุผลว่าทำไมจอมยุทธ์ขอบเขตควบรวมปราณจึงถูกเรียกว่ารองปรมาจารย์

ด้วยพลังปราณ มันก็สามารถทำให้พลังงานภายในของเขาไหลเวียนได้อย่างดียิ่งขึ้น และเมื่อมันไหลเวียนดีขึ้น การใช้วรยุทธ์ก็จะคล่องตัวมากขึ้น และมันก็สามารถทำให้พวกเขาใช้ทักษะพิเศษบางอย่างได้

ตัวอย่างเช่นกระบี่เพลิง, ฝ่ามือเหมันต์, หมัดเหล็กไหลและอื่นๆ มันสามารถปรับอุณหภูมิสูงหรือต่ำเพื่อให้ก่อเป็นทักษะพิเศษเหล่านี้ได้

และในขณะนี้ ฮุ่ยฉีก็กำลังทำเช่นนั้น

เขาโบกกระบี่เหล็กในมือขวาและใช้เคล็ดวิชากระบี่ของเขาเพื่อเชือดคอทหารของตระกูลหวงทุกคนลงอย่างแม่นยำ ในขณะเดียวกัน หัวของพวกเขาก็ยังลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า

มือซ้ายของเขาเองก็ไม่ได้หยุดนิ่งเช่นกัน ในขณะที่เขากำลังหมุนเวียนพลังปราณของเขา ฝ่ามือของเขาก็เปลี่ยนกลายเป็นสีแดงราวกับว่ามีเปลวเพลิงกำลังลุกโชนอยู่ในนั้น มันเป็นฉากที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจของทหารของตระกูลหวงและทำให้หน้าอกของพวกเขาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อฝ่ามือกระแทกเข้าใส่พวกเขา!

นี่เป็นหนึ่งใน 81 สุดยอดเคล็ดวิชายุทธ์ของอารามดอกปทุม ฝ่ามือกมลพิโรธ

ในชั่วพริบตา ทหารของตระกูลหวงกว่าร้อยนายก็เสียชีวิตลงภายใต้คมกระบี่ของฮุ่ยฉี

เมื่อควันและหมอกจากการระเบิดสลายไป ผู้เฒ่าหวงก็รู้สึกตกใจมากที่พบว่าเขาได้ถูกล้อมรอบไว้ด้วยกองซากศพแล้ว

แม้แต่ทหารในชุดเกราะเหล็กก็ยังเอาชีวิตไม่รอด บางคนถูกตัดศีรษะหลุด ในขณะที่ศีรษะของบางคนก็ห้อยติดอยู่กับตัวโดยเหลือเพียงติ่งเนื้อที่ยึดติดเอาไว้

แม้ว่ามันจะเป็นเกราะเหล็ก แต่มันก็ไม่สามารถป้องกันทุกสิ่งได้ คอและใบหน้ายังคงเป็นจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

“ กล้าดียังไงกัน!” ผู้เฒ่าหวงรู้สึกหวาดกลัวและสับสน นี่เป็นฉากที่เขาไม่เคยจินตนาการถึงมาก่อน

“ ตายซะ!” ในเวลานี้ ฮุ่ยฉีก็หันไปหาหวงชิซาน กระบี่ในมือของเขาถูกตวัดและเตรียมพร้อมที่จะโจมตี”

“ อ้ากก! พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยลูกด้วย! นายท่านโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!” เมื่อผู้เฒ่าหวงเห็นกระบี่ที่พุ่งเข้ามา เขาก็ทรุดตัวลงและคุกเข่าลงกับพื้น เขาคุกเข่าลงเพื่อร้องขอความเมตตา

“ หยุดก่อน!” ลู่เจิงหมิงคว้าข้อมือของฮุ่ยฉีและหยุดกระบี่เอาไว้ เขาพูดด้วยเสียงต่ำ “ อย่าเพิ่งฆ่ามัน เรายังต้องพามันกลับไปและรอการลงโทษจากท่านผู้ว่าการมณฑลก่อน”

ฮุ่ยฉีหยุดนิ่งไปชั่วครู่แล้วจึงพยักหน้า “ เข้าใจแล้ว”

“ ขอบคุณท่านผู้เฒ่า! ขอบคุณท่านผู้เฒ่า!” ผู้เฒ่าหวงก้มหน้าและคิดว่าเขารอดแล้วจริงๆ

“ เฮ้ อย่าเพิ่งขอบคุณข้า ใครจะไปรู้? เจ้าอาจจะโดนโทษประหารในภายหลังก็ได้” ลู่เจิงหมิงหัวเราะเยาะ

ตระกูลหวงถูกบุกโจมตี!

ผู้ว่าการมณฑลที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งใหม่ได้ส่งคนเข้าไปถึงในที่พักของตระกูลหวงและปราบปรามตระกูลหวงทั้งหมดลงอย่างเด็ดขาด

กองทหารของตระกูลหวงเกือบทั้งหมดเสียชีวิต ส่วนที่เหลือก็ถูกคุมขังอยู่ในคุกใต้ดินเพื่อรอรับบทลงโทษ

แม้แต่ผู้เฒ่าหวงก็ยังถูกจับกุม!

ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งมณฑลจูเหออย่างรวดเร็วราวกับไฟป่า

มันทำให้เกิดความแตกตื่นอย่างมากในหมู่ฝูงชน

ปฏิกิริยาแรกของคนส่วนใหญ่คือไม่เชื่อ

นั่นคือตระกูลหวง! นั่นคือผู้เฒ่าหวง!

ในรอบร้อยปีที่ผ่านมา ใครบ้างที่กล้าแตะต้องตระกูลหวง?

แต่ตอนนี้ พวกเขาก็ได้ถูกปราบปรามลงแล้วจริงๆ!

มันเป็นไปได้อย่างไร!

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีคนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ มาถึงคฤหาสน์ของตระกูลหวงและเห็นกำแพงที่พังทลาย คราบเลือดที่ยังไม่แห้งและบ้านที่รกร้างว่างเปล่า พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อ

ในที่สุดภูเขาที่เคยกดทับผู้คนในมณฑลจูเหอมาเกือบร้อยปีก็ได้ถูกยกออกไปในที่สุด

หลายคนร่ำไห้ด้วยความดีใจ และบางคนก็ดีใจจนเป็นลมหมดสติไป

มณฑลจูเหอทั้งหมดตกอยู่ในความดีใจจนบ้าคลั่งเพราะการล่มสลายของตระกูลหวง

ประชาชนจำนวนนับไม่ถ้วนรีบเดินทางไปที่ทางเข้าสำนักงานเทศมณฑล ถนนทั้งสายถูกปิดกั้นในขณะที่ผู้คนกราบคุกเข่าลงกับพื้นและก้มหัวคำนับกัยอย่างบ้าคลั่ง

“ เทพสวรรค์! เขาคือเทพสวรรค์ตัวจริง!”

“ คุกเข่าและขอบคุณท่านเทพสวรรค์เร็ว! สวรรค์ได้ทรงเมตตาพวกเราแล้ว ด้วยการมาถึงของท่าน ท้องฟ้าก็จะแจ่มใส!”

สองวันต่อมา ณ สำนักงานเทศมณฑล

จ้าวกวงรายงานต่อซุยเฮ็งโดยอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างมีความสุข “ ท่านผู้ว่าการ นี่เป็นกลุ่มประชาชนระลอกที่สามแล้วที่มาคุกเข่าขอบคุณท่าน ในตอนนี้ หัวใจของชาวเมืองทุกคนก็ได้ล้วนตกมาอยู่ในมือท่านเรียบร้อยแล้ว การกวาดล้างตระกูลหวงออกไปถือได้ว่าเป็นการกระทำที่น่ายกย่องจริงๆ!”

“ เข้าใจแล้ว ปฏิบัติต่อคนเหล่านี้ให้ดีล่ะ” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและยิ้ม “ หากเจ้าว่าง เจ้าก็สามารถตอบรับพวกเขาแทนข้าได้เลย อีกฝ่าย แค่พวกเขารู้สึกขอบคุณในใจก็พอแล้ว มันไม่จำเป็นถึงขั้นต้องมากราบขอบคุณกันหรอก”

ตอนนี้เขาอารมณ์ดีมาก

ปริมาณความรักที่เขาได้รับมาจากการกวาดล้างตระกูลหวงนั้นยิ่งใหญ่เกินจะบรรยาย

สีแดงซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุขในแก่นแท้ทองคำได้เพิ่มขึ้นมาถึงห้าจุดแล้ว และมันก็ยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปเรื่อยๆ บางทีมันอาจจะเต็มได้ในไม่ช้า

ในขณะเดียวกัน สีขาวที่สื่อถึงความรักก็เติบโตจนถึงสี่จุดแล้ว

และสีดำซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความรังเกียจและสีเขียวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความกลัวก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นนั้นก็ไม่ได้ใหญ่เท่ากับสองอารมณ์ก่อนหน้านี้ พวกมันเพิ่มขึ้นมาเพียงหนึ่งจุดเท่านั้น

ถึงกระนั้น เนื่องจากสีเขียวนั้นมีสามจุดอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อมันเพิ่มจุดนี้เข้าไปอีก มันจึงกลายเป็นสี่จุดแล้วเช่นกัน

นอกเหนือจากความเศร้าและความโกรธแล้ว แสงของอารมณ์อีกห้าดวงก็ได้พัฒนาขึ้นอย่างมากแล้ว

สิ่งนี้ทำให้จิตวิญญาณในแก่นแท้ทองคำดูชัดเจนยิ่งขึ้น เขาสามารถสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน

นอกเหนือจากนี้ พวกเขาก็ยังยังได้ยึดของล้ำค่าจำนวนมากมาจากตระกูลหวง

เช่นเดียวกับที่ซุยเฮ็งได้คาดการณ์ไว้ สมบัติที่มีร่องรอยของอารยธรรมและเป็นของโบราณนั้นสามารถแปลงเป็นสกุลเงินของระบบได้

ตอนนี้เขาได้รับเงินมาทั้งหมด 89 คะแนน!

มันมากกว่าที่เขาได้รับตอนอยู่ในสุสานราชาลู่เสียด้วยซ้ำ!

“ ท่านผู้ว่าการ หวงชิซานและคนอื่นๆ ในตระกูลหวงได้ถูกคุมขังอยู่ในห้องขังแล้ว เราควรจะจัดการกับพวกเขาอย่างไรต่อไปดี?” ลู่เจิงหมิงเดินเข้ามาและถาม

“ เราจะยึดทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเขามาก่อน และในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เราจะจัดงานชุมนุมร้องทุกข์ของเหล่าประชาชนกันก่อนและค่อยจัดการเรื่องการพิจารณาคดีของตระกูลหวงขึ้นต่อหน้าสาธารณะ” ซุยเฮ็งเคาะโต๊ะเบาๆ “ เอาล่ะ เริ่มจากเฒ่าหวงกันก่อน”

“ ชุมนุมร้องทุกข์?”

ลู่เจิงหมิงและจ้าวกวงมองหน้ากัน พวกเขาไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่าอย่างไร

“ มันคือการจับตระกูลหวงขึ้นมาบนเวทีและนำผู้คนมารวมตัวกันเพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาได้พูดถึงสิ่งต่างๆ ที่พวกเขาถูกตระกูลหวงกระทำในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา” ซุยเฮ็งอธิบาย “ และผลการพิจารณาคดีก็จะขึ้นอยู่กับผลของการร้องเรียน”

“ นั่นเป็นความคิดที่ดีเลย! ด้วยวิธีนี้ เราก็จะสามารถปล่อยให้ผู้คนได้ระบายความแค้นและให้ทุกคนได้รับรู้ว่าตระกูลหวงนั้นน่ารังเกียจเพียงใด” ลู่เจิงหมิงปรบมือและกล่าวชื่นชม “ ท่านผู้ว่าการฉลาดจริงๆ!”

“ อย่างไรก็ตาม ตระกูลหวงก็ถูกทุกคนเกลียดชัง ดังนั้นหากเราจัดการชุมนุมร้องทุกข์ขึ้นอย่างเปิดเผย พลเมืองที่โกรธแค้นจะไม่พุ่งเข้ามาทุบตีเขาจนตายเอาหรอ?” จ้าวกวงนึกถึงสถานการณ์หนึ่ง

“ ถ้าพวกเขาตายก็ช่างมันไป” ซุยเฮ็งยิ้ม “ ยังไงซะคนพวกนั้นก็สมควรตายอยู่แล้ว”

“ พูดอีกก็ถูกอีก” จ้าวกวงพยักหน้า “ ท่านผู้ว่าการฉลาดจริงๆ!”

“ ยังไงก็ตาม ในระหว่างกระบวนการร้องทุกข์ พวกเจ้าก็จดเรื่องพวกนี้เอาไว้ให้ดี” ซุยเฮ็งเตือนเขา “ ท้ายที่สุดแล้ว ต่อไปเราก็จะต้องแจกจ่ายทรัพย์สินและที่ดินของตระกูลหวงทั้งหมดให้กับเหล่าประชาชน พวกเจ้าสามารถใช้ข้อร้องทุกข์เหล่านี้เป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับการพิจารณาเพื่อตัดสินใจว่าใครจะได้ที่ดินไปเท่าใด”

“ ท่านผู้ว่าการ ท่านจะมอบทรัพย์สินและที่ดินทั้งหมดของตระกูลหวงให้กับคนธรรมดาจริงๆ หรอ?” ลู่เจิงหมิงถามอย่างไม่แน่ใจ ข้างๆ เขา จ้าวกวงเองก็ต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่างเช่นกัน แต่กระนั้นเขาก็ยังดูลังเล

“ ถูกต้อง” ซุยเฮ็งพูดพร้อมกับพยักหน้า “ แจกจ่ายพวกมันทั้งหมดไปเลย ไม่ต้องเหลือทิ้งไว้”

ลู่เจิงหมิงและจ้าวกวงโค้งคำนับพร้อมๆ กัน พวกเขายิ่งเชื่อมั่นมากขึ้นไปอีกว่าซุยเฮ็งนั้นเป็นเซียนที่ต้องการจะสะสมบุญเพื่อขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์

“ เอาล่ะ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกเจ้าก็ไปได้แล้ว” ซุยเฮ็งโบกมือและยิ้ม “ อ๋อใช่ ไปเรียกฮุ่ยฉีมาด้วย ข้ามีเรื่องจะถามเขาสักหน่อย”

“ รับทราบแล้ว!” เมื่อพูดจบ ลู่เจิงหมิงและจ้าวกวงก็เดินออกไปจากห้อง

ไม่นาน ฮุ่ยฉีที่ได้ถอดเครื่องแบบของเขาออกมาแล้วก็ได้เดินเข้ามาในห้องทำงานของซุยเฮ็งและโค้งคำนับด้วยความเคารพ “ คารวะท่านผู้ว่าการ”

“ เจ้าได้คัดลอกเคล็ดวิชายุทธ์ทั้งหมดแล้วรึยัง?” ซุยเฮ็งถาม

“ ข้าคัดลอกเสร็จแล้ว” ฮุ่ยฉีหยิบหนังสือสามเล่มออกมาจากแขนเสื้อและมอบให้กับซุยเฮ็งด้วยความเคารพ “ อย่างไรก็ตาม ท่านผู้ว่าการ ข้าน้อยก็ยังไม่เชี่ยวชาญทั้ง 81 เคล็ดวิชาเลย”

“ ด้วยเหตุนี้เอง ข้าจึงคัดลอกมาได้เพียง 58 วิชาเท่านั้น และนอกจากนี้ มันก็ยังมีเคล็ดวิชาลับอีกสองอย่างที่ข้าได้ร่ำเรียนมา นั่นคือ 'เคล็ดวิชาเป็นตายไร้รูปแบบ' และ 'เคล็ดวิชามหาดอกปทุม' พวกมันล้วนแต่เป็นเคล็ดวิชาลับของอารามดอกปทุม”

“ เข้าใจแล้ว” ซุยเฮ็งพยักหน้าและหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน หลังจากอ่านมันได้สองสามครั้ง สายตาของเขาก็หยุดอยู่ที่ฝ่ามือกมลเพลิง เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

จากนั้นเขาก็ยกมือขวาขึ้นและกางมือออกมา

คลื่น!

ทันใดนั้นความว่างเปล่าก็เปล่งเสียงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง คลื่นความร้อนที่พลุ่งพล่านได้ปะทุขึ้นโดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ

ในเวลาเดียวกัน เปลวเพลิงที่สว่างเจิดจ้าก็ได้ลุกโชนขึ้นระหว่างนิ้วของซุยเฮ็ง สิ่งนี้ทำให้พื้นที่โดยรอบบิดเบี้ยวเพราะไอร้อน

ในขณะนี้ ฮุ่ยฉีก็รู้สึกราวกับว่าดวงอาทิตย์ได้ปรากฎขึ้นบนฝ่ามือของซุยเฮ็ง!