บทที่ 314: ตำนานโบราณ ประตูสู่สวรรค์
มหาลวงตาเป็นวิชาที่ใกล้เคียงกับการปรับแต่งของปลอมให้กลายเป็นจริง
มันเป็นกฎของธรรมชาติที่เวลาจะไม่สามารถย้อนกลับไปได้
ความสามารถแบบนั้นยังห่างไกลจากขอบเขตที่ซุยเฮ็งในปัจจุบันจะสามารถเข้าถึงได้
ฉากทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ปรากฏอยู่ในบันทึกอารยธรรมของดาวเทียนลู่
รากฐานของการดำรงอยู่ของพวกมันคือสิ่งที่ซุยเฮ็งสร้างขึ้น ดังนั้นหากเขาต้องการ มันก็จะสามารถดำรงอยู่ตลอดไปได้
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความเข้าใจของซุยเฮ็งนั้นมีจำกัด ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถสร้างบุคคลจริงๆ ขึ้นมาได้
แม้ว่าพวกเขาจะปรากฏตัวขึ้น แต่มันก็ไม่ใช่รูปแบบสิ่งมีชีวิตจริงๆ แล้วนับประสาอะไรกับบุคคลดั้งเดิม?
โดยพื้นฐานแล้ว สิ่งนี้ก็ยังด้อยกว่ามังกรเพลิงด้วยซ้ำ นั่นคือรูปแบบสิ่งมีชีวิตที่เป็นอิสระอย่างแท้จริง
ด้วยเหตุนี้เอง แม้ว่าดาวเทียนเหมินในปัจจุบันจะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อ 400 ปีก่อนแล้ว แต่มันก็ยังเต็มไปด้วยความอ้างว้างและหนาวเหน็บ มันไม่มีวี่แววของความมีชีวิตชีวาเลย
แต่ถึงอย่างนั้น เป่ยฉิงซูและเฉินถังที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ยังรู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังตกอยู่ในความฝัน
ในความเห็นของพวกเขา การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนดาวเทียนเหมินนั้นก็ไม่ต่างจากการย้อนเวลากลับไป มันวิเศษและน่าเหลือเชื่อจนเกินจะบรรยาย
เฉินถังทรุดตัวลงกับพื้น เขามองดูทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า เขารู้สึกว่าจิตใจของเขากำลังปั่นป่วนและความคิดของเขาก็ว่างเปล่า
วิธีการที่ซุยเฮ็งแสดงออกมานั้นเกินขอบเขตความเข้าใจของเขาไปโดยสิ้นเชิง
เป่ยฉิงซูเองก็ตกใจมากเช่นกัน แม้ว่าซุยเฮ็งจะมีอำนาจทุกอย่างในหัวใจของเขา แต่เขาก็ยังไม่สามารถระงับอารมณ์ของเขาได้เมื่อเขาเห็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อนี้ด้วยตาของเขาเอง
มันวิเศษเกินไป
“ ไปกันเถอะฉิงชู ตามข้าไปดูดาวเทียนเหมิน” ซุยเฮ็งกล่าวกับเป่ยฉิงซูที่อยู่ข้างๆ เขาและเดินไปข้างหน้า เขาไม่ได้มองไปที่เฉินถัง
“ รับทราบท่านอาจารย์!” เป่ยฉิงซูรีบตามไป
“…” เฉินถังสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเขาถูกเมิน
แต่คราวนี้เขาก็ไม่ได้รู้สึกอัปยศเลยแม้แต่น้อย เขากลับรู้สึกโชคดีแทนด้วยซ้ำ!
ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงรีบหมุนเวียนพลังในร่างกายของเขา เขาต้องการที่จะบินออกไปจากดาวเทียนเหมินและออกจากโลกใบนี้ไปโดยเร็วที่สุด เขาไม่ต้องการจะเผชิญหน้ากับการดำรงอยู่ที่เข้าใจยากนี้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาเคลื่อนไหว เขาก็รู้สึกราวกับว่าน้ำหนักของโลกทั้งใบได้กดลงมาบนร่างกายของเขา พลังที่มองไม่เห็นได้กดเขาลงกับพื้น มันทำให้เขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้
“ ข้าถูกระงับ? ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?!” เฉินถังรู้สึกหวาดกลัวและเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง “ มันจบแล้ว มันจบลงแล้ว!”
ในขณะนี้ เขาก็รู้ดีว่าเขาไม่สามารถหลบหนีได้อีกต่อไป
….
ซุยเฮ็งนำเป่ยฉิงซูไปยังจุดสูงสุดของดาวเทียนเหมิน
บนยอดเขานี้มีแท่นโลหะที่ดูเหมือนจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติตั้งอยู่ มันกว้างเพียงสามฟุตและสูงกว่าพื้นผิวเพียงเล็กน้อย ภายใต้แสงแดดที่ส่องมา มันก็เปล่งแสงสีทองออกมา
ถ้าใครยืนอยู่บนแท่นสีทองนี้และมองออกไปไกลๆ พวกเขาก็จะเห็นทะเลเมฆอันไร้ที่สิ้นสุด เมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบกับทะเลเมฆ แสงและเงาก็ริบหรี่ลงราวกับว่ามันเป็นความฝัน มันช่างงดงามจนหาที่เปรียบมิได้
สถานที่แห่งนี้ถูกเรียกว่า ยอดเขาแท่นทอง
ว่ากันว่าเมื่อนานมาแล้ว นี่เป็นวิธีเดียวที่จะขึ้นสู่สวรรค์หรือที่เรียกกันว่าแท่นทองขึ้นสู่สวรรค์ ผู้คนนับไม่ถ้วนขึ้นไปบนสวรรค์ด้วยยอดเขานี้
ต่อมาเมื่อประตูขึ้นสู่สวรรค์พังทลาย มันก็เหลือทิ้งไว้เพียงยอดเขาแท่นทองเท่านั้น
นี่เป็นบันทึกที่ซุยเฮ็งเคยเห็นมาก่อนในหนังสือประวัติศาสตร์โบราณ และตามคำอธิบายของมัน เขาก็ได้ทำให้ยอดเขาแท่นทองนี้เป็นจริง
เมื่อเทียบกับยอดเขาแท่นทองในอดีต ยอดเขาแท่นทองนี้ก็มีบางอย่างแตกต่างออกไป
พลังศักดิ์สิทธิ์ของมหาลวงตาสามารถปรับเปลี่ยนความจริงได้ในระดับหนึ่งผ่านกฎที่สร้างขึ้น มันเพียงแค่ทำให้ใกล้เคียงกับสถานการณ์จริงมากที่สุด
หากวันหนึ่งเขาสามารถมองทะลุผ่านแม่น้ำแห่งกาลเวลาและมองย้อนกลับไปในอดีตได้ เขาก็คงจะสามารถมองเห็นภาพในอดีตและทำซ้ำมันได้อย่างสมบูรณ์
ตอนนี้มันเพียงแค่ใกล้เคียงกับสถานการณ์จริงเท่านั้น
ซุยเฮ็งยืนอยู่บนจุดสูงสุดของยอดเขาแท่นทองและทำความเข้าใจกับอักษรรูนเต๋าของที่นี่อย่างระมัดระวัง เขาเงยหน้าขึ้นและขมวดคิ้ว เขาถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “ ตำนานนั้นจะเป็นความจริงได้ไหมนะ”
เป่ยฉิงซูยืนอยู่ที่ด้านข้าง เดิมทีเขากำลังชื่นชมแสงสีทองรอบๆ ยอดเขาแท่นทองเมื่อจู่ๆ เขาได้ยินซุยเฮ็งพูดเช่นนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจและถามด้วยความสงสัยว่า “ ท่านอาจารย์ ท่านเพิ่งพูดว่า… ตำนานหรอ?”
การดำรงอยู่ในระดับใดกันที่จะสามารถทำให้อาจารย์ของเขาขนานนามมันว่าตำนานได้?
นี่เป็นเพียงจินตนาการเท่านั้น!
“ ใช่แล้ว มันเกี่ยวกับตำนานของดาวเทียนเหมิน” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและยิ้ม “ ในหนังสือตำราโบราณที่จัดเตรียมโดยดาวเทียนลู่ มันก็มีบันทึกที่กล่าวว่าดาวเทียนเหมินเป็นไข่มุกที่ล่วงหล่นลงมาจากประตูแห่งสวรรค์เมื่อนานมาแล้ว”
“ ไข่มุกกลายเป็นดาวที่มีชีวิต?!” เป่ยฉิงซูรู้สึกตกใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาพูดด้วยความตกใจ “ ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ยังมาจากประตูแห่งสวรรค์ มันอาจเป็นหนึ่งในสวรรค์ใช่หรือเปล่าท่านอาจารญ์?”
“ มันไม่ใช่สวรรค์” ซุยเฮ็งส่ายหัวเบาๆ และพูดว่า “ อาณาจักรสวรรค์นี้เป็นเหมือนกับสถานที่ที่รวบรวมสวรรค์มากกว่า มันอาจจะเป็นองค์กรที่ปกครองสวรรค์ก็ได้”
หลังจากทะลวงเข้าสู่ขอบเขตรวมวิญญาณขั้นสูงสุดแล้ว เขาก็สามารถสัมผัสถึงการมีอยู่ของสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย
ตราบเท่าที่เขาพบการนำทางวิญญาณที่สอดคล้องกัน เขาก็จะสามารถเปิดเส้นทางสู่พื้นที่สวรรค์ได้อย่างง่ายดาย เช่นเดียวกับสระหมื่นพิษในตำหนักกาฬโรค
“ มันมีระดับที่สูงกว่าสวรรค์อยู่อีกจริงๆ หรอ?” เป่ยฉิงซูรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้นและกล่าวว่า “ ความกว้างใหญ่ของจักรวาลเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้จริงๆ”
“ ฮ่าฮ่า ที่นี่ใหญ่ขนาดไหนกัน? มันเป็นเพียงดาวเล็กๆ มันยังห่างไกลจากคำว่าขนาดใหญ่” ซุยเฮ็งส่ายหัวและยิ้ม “ ข้าได้บอกเจ้าไปแล้วว่าจักรวาลนั้นกว้างใหญ่เพียงใด”
“ จักรวาลนั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เมื่อการรับรู้ของเราสามารถครอบคลุมจักรวาลได้เท่านั้น เราจึงจะรู้ได้ว่าจักรวาลนั้นใหญ่แค่ไหน”
“ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำท่านอาจารย์” เป่ยฉิงซูโค้งคำนับด้วยความเคารพ
“ ฉิงซู นำราชาปราชญ์กลับไปที่ดาวชงหยางและพาเขาไปขังร่วมกับหมิงเจิน ข้าจะจัดการกับเขาหลังจากที่ข้ากลับไป” ซุยเฮ็งเปลี่ยนหัวข้อในทันที
“ เอ่อ?” เป่ยฉิงซูตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่เขาก็ยังคงกุมมือและโค้งคำนับ “ รับทราบท่านอาจารย์!”
เฉินถังถูกซุยเฮ็งปราบปรามลงอย่างสมบูรณ์แล้วและไม่สามารถขยับได้ เขาสามารถอยู่รอดได้แค่ในความเมตตาของผู้อื่นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เอง การนำชายคนนี้กลับไปด้วยนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
หลังจากเป่ยฉิงซูจากไป ซุยเฮ็งก็ขึ้นไปบนแท่นทองคำอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ เขาก็ไม่เพียงแต่จะตรวจสอบอักษรรูนเต๋าและพลังธรรมที่เกี่ยวพันกันเท่านั้น แต่เขายังปลดปล่อยพลังธรรมและสัมผัสกับแท่นทอง
ตามบันทึกในประวัติศาสตร์โบราณ มันก็มีเพียงการดำรงอยู่อันยิ่งใหญ่ที่เหนือกว่าขอบเขตที่หกของโลกเซียนเท่านั้นที่จะสามารถมองเห็นประตูแห่งสวรรค์บนแท่นทองขึ้นสู่สวรรค์และได้รับการนำทางไปยังอาณาจักรสวรรค์ได้
แม้ว่านี่จะเป็นเพียงแท่นทองที่ปรากฏขึ้นมาจากข้อมูลลวงตา แต่มันก็ใกล้เคียงกับสถานะที่แท้จริงมากแล้ว แม้แต่พลังธรรมก็ยังเป็นอันเดียวกัน
ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากที่ซุยเฮ็งสัมผัสได้ถึงพลังธรรมแล้ว แท่นทองจึงเปล่งแสงสมบัติเป็นประกายออกมาในทันที มันเต็มไปด้วยออร่าเซียน
ในเวลาเดียวกัน ดาวเทียนเหมินทั้งหมดก็ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบที่รุนแรงและสั่นสะเทือนเล็กน้อย
บนท้องฟ้าที่ซุยเฮ็งมองขึ้นไป ประตูลอยขนาดใหญ่ที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้ได้ปรากฏขึ้น
ประตูลอยขนาดใหญ่นี้สูงกว่า 10,000 ฟุต และทั้งบานก็เปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ออกมา มันเหมือนกับวัตถุศักดิ์สิทธิ์อันสูงส่งที่ลงมายังโลกมนุษย์จากความสูงอันไร้ที่สิ้นสุด
ประตูบานใหญ่ถูกล็อคและไม่มีท่าทีว่าจะเปิด
ซุยเฮ็งรู้สึกได้ถึงออร่าแปลกๆ ที่แผ่ออกมาจากประตูอย่างรวดเร็ว มันให้ความรู้สึกโบราณอย่างยิ่งราวกับว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่าที่มีมาแต่โบราณกาล
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากนั้นแล้ว เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงออร่าด้านลบขนาดใหญ่จากมันอีกด้วย มันเต็มไปด้วยความพังพินาศและความเสื่อมโทรม เขาสามารถมองเห็นคราบสีทองบนประตูบานใหญ่ที่ดูเหมือนเลือดได้อย่างเลือนราง
“ เลือด?” ซุยเฮ็งขมวดคิ้วเล็กน้อยและดวงตาของเขาก็กะพริบ เขายกมือขึ้นและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ก้าวไปข้างหน้า
อันที่จริง ด้วยขอบเขตการฝึกตนในปัจจุบันของเขา ตราบใดที่เขาก้าวไปข้างหน้าสักเล็กน้อย เขาก็จะสามารถเปิดประตูสวรรค์นี้ได้อย่างง่ายดายและจะสามารถดูได้ว่ามันมีอะไรอยู่เบื้องหลัง
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น
“ ข้าควรรอจนกว่าข้าจะไปถึงขอบเขตก่อเกิดวิญญาณแล้ว” ซุยเฮ็งส่ายหัวและคิดกับตัวเองว่า “ มันยังอันตรายเกินไปที่จะกระทำการผลีผลามเช่นนั้น”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved