หลังจากตื่นเต้นเสร็จแล้ว โจวโจวก็มองไปยังชิ้นส่วนคริสตัลพรสวรรค์แห่งลอร์ดที่เหลืออยู่ของเขา
หลังจากใช้ชิ้นส่วนคริสตัลพรสวรรค์แห่งลอร์ดไปเมื่อครู่แล้ว เขาก็เหลือชิ้นส่วนคริสตัลพรสวรรค์แห่งลอร์ดระดับเหล็กดำ 752 อัน ระดับบรอนซ์เขียว 769 อัน ระดับเงินขาว 133 อัน ระดับทองคำเหลือง 11 อัน ระดับแพลตตินั่มขาว 9 อัน ระดับเหนือสามัญ 18 อัน ระดับมหากาพย์ 9 อัน ระดับตำนาน 2 อัน และระดับเทวะ 6 อัน!
โจวโจวมองดูชิ้นส่วนคริสตัลพรสวรรค์แห่งลอร์ดเหล่านี้และพยักหน้าเล็กน้อย
อันที่จริงถ้าดูจากชิ้นส่วนคริสตัลพรสวรรค์แห่งลอร์ดที่มีอยู่ของเขา เขาก็สามารถเลื่อนระดับพรสวรรค์แห่งลอร์ดบางอันได้
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขาต้องรีบอัพเกรดพรสวรรค์แห่งลอร์ดอันอื่น
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใช้ชิ้นส่วนคริสตัลพรสวรรค์แห่งลอร์ดเหล่านี้ เพราะมันยังมีประโยชน์อีกมาก
เมื่อเขาพบกับพรสวรรค์แห่งลอร์ดชั้นยอดในอนาคต อย่างเช่นพรสวรรค์แห่งลอร์ดที่เกี่ยวข้องกับพรแห่งเทพเจ้าทั้งสิบ เขาก็จะสามารถอัพเกรดมันได้โดยใช้ชิ้นส่วนคริสตัลพรสวรรค์แห่งลอร์ดเหล่านี้ที่เขาสะสมเอาไว้ได้ทันที
นอกจากนี้เขายังมีพรสวรรค์แห่งลอร์ดมากกว่า 20 อันแล้ว
มันคงจะไม่สามารถเพิ่มระดับให้พวกมันทั้งหมดได้ด้วยชิ้นส่วนคริสตัลพรสวรรค์แห่งลอร์ดที่เขามี
ส่วนพรสวรรค์แห่งลอร์ดระดับต่ำ เอฟเฟกต์ของมันก็ไม่ได้มีผลอะไรกับเขามากนัก
ยกตัวอย่างเช่นพรสวรรค์แห่งลอร์ดระดับบรอนซ์เขียวอย่างโรงแปรธาตุโนมที่มีบทบาทที่เป็นประโยชน์มากเมื่อเขามาที่ทวีปจื้อเกาเป็นครั้งแรก
แต่ด้วยการเพิ่มจำนวนขึ้นของหมอและการมีอยู่ของที่พักพิงของเทพีแห่งชีวิตในดินแดนของเขา พรสวรรค์แห่งลอร์ดอันนี้จึงค่อยๆ หมดความสำคัญไปในด้านของการผลิตยาฟื้นพลังให้กับเขา
ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องเพิ่มระดับพรสวรรค์แห่งลอร์ดระดับต่ำเช่นนี้
สิ่งที่เขาต้องการคือพรสวรรค์แห่งลอร์ดระดับเหนือสามัญ ระดับมหากาพย์ ระดับตำนาน และกระทั่งระดับเทวะ!
พรสวรรค์แห่งลอร์ดระดับสูงเหล่านี้ถ้าไม่ได้รับมาจากศัตรูเพราะโชคก็จะต้องสะสมชิ้นส่วนคริสตัลพรสวรรค์แห่งลอร์ดจำนวนมากเพื่อเพิ่มระดับของพรสวรรค์แห่งลอร์ดที่เขามีอยู่แล้วเท่านั้น
ดังนั้นเขาจึงจะไม่ใช้ชิ้นส่วนคริสตัลพรสวรรค์แห่งลอร์ดเหล่านี้ไปง่ายๆ
หลังจากนั้นเขาก็เปิดหน้าต่างอาณาจักรของเขาขึ้นมา
[ชื่ออาณาจักร: อาณาจักรตะวันสาดแสง]
[ระดับอาณาจักร: อาณาจักรขั้นต้น]
[ธงของอาณาจักร: ยังไม่ได้กำหนด]
[กองทัพหลวง: กองทัพตะวันสาดแสง (ระดับทองคำเหลือง), กองทัพมอนสเตอร์ (ระดับเงินขาว), กองทัพเทพมังกร (ระดับเงินขาว)]
[เงื่อนไขการเลื่อนระดับเป็นอาณาจักรขั้นกลาง: เลื่อนระดับดินแดนเป็นระดับเหนือสามัญขั้นต้น, แกนหมอกระดับเหนือสามัญ 10,000 ชิ้น, พิชิตอาณาจักรสีชาดขั้นต้นภายใต้เจ้าแห่งลอร์ดสีชาด 3 แห่ง (1/3), พิชิตอาณาจักรขั้นต้นที่ไม่ได้อยู่ภายใต้เจ้าแห่งลอร์ดสีชาด 2 แห่ง (0/2), ดินแดนภูมิภาค 500 แห่ง, ผู้กล้าประจำเผ่าพันธุ์ 10 คน, ตราอาณาจักรระดับมหากาพย์ขั้นต้น 1 อัน]
สายตาของโจวโจวมองไปยังเงื่อนไขการเลื่อนระดับอาณาจักรและเขาก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
เขายังอยู่ห่างไกลจากเงื่อนไขแรกของการเลื่อนระดับอาณาจักรมาก เพราะดินแดนของเขาในตอนนี้อยู่ที่ระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูงเท่านั้น
เขาจำเป็นต้องเลื่อนระดับดินแดนของเขาอีกสี่ครั้งจึงจะทำให้ดินแดนของเขาอยู่ในระดับเหนือสามัญขั้นต้น
“ดูเหมือนว่าตามปกติอาณาจักรขั้นต้นจะสามารถก่อตั้งได้จากฝ่ายของลอร์ดระดับเหนือสามัญเท่านั้น ฉันเป็นแค่ฝ่ายที่มีดินแดนระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูงเท่านั้นแต่กลับก่อตั้งอาณาจักรได้แล้ว ถ้าเป็นเกม ฉันก็คงจะข้ามขั้นไปไกลเลย”
โจวโจวพึมพำ จากนั้นเขาก็ส่ายหัวด้วยรอยยิ้มขมๆ
แค่เงื่อนไขนี้เพียงอย่างเดียวก็คงจะทำให้เขาใช้เวลาอีกนานกว่าจะเลื่อนระดับอาณาจักรตะวันสาดแสงไปเป็นอาณาจักรขั้นกลางได้
ไม่ต้องพูดถึงเงื่อนไขอื่นๆ อีก เช่น
1. พิชิตอาณาจักรสีชาดขั้นต้นภายใต้เจ้าแห่งลอร์ดสีชาด 3 แห่ง
2. พิชิตอาณาจักรขั้นต้น 2 แห่งที่ไม่ได้อยู่ภายใต้เจ้าแห่งลอร์ดสีชาด
ในตอนนี้อาณาจักรสีชาดเพียงแห่งเดียวที่โจวโจวรู้จักก็คืออาณาจักรทาฮันที่ถูกพิชิตไปแล้ว
ไม่ว่ามันจะเป็นอาณาจักรออโรร่า อาณาจักรรัตติกาลเห่าหอน อาณาจักรไททัน หรืออาณาจักรจิตวิญญาณอัคคีที่เพิ่งถูกค้นพบ พวกเขาก็ล้วนแล้วแต่เป็นอาณาจักรที่ไม่ใช่อาณาจักรสีชาด
เขาเคยได้ยินมาว่าดินแดนของลอร์ดในพันธมิตรดาราบางคนนั้นอยู่ติดกับดินแดนของลอร์ดจากอาณาจักรสีชาด
อย่างไรก็ตาม โจวโจวก็ไม่ได้คิดที่จะข้ามไปไกลขนาดนั้นเพื่อไปพิชิตอาณาจักรสีชาดที่ไม่ได้อยู่ใกล้กับดินแดนของเขา
ประการแรก มันลำบากเกินไป
ประการที่สอง ระยะทางมันไกลเกินไป แม้ว่าจะมีค่ายกลข้ามมิติ แต่มันก็คงเป็นเรื่องยากในการบริหารจัดการหลังจากพิชิตมันได้
ถ้าเขามีพลังงานและเวลา เขาคงเลือกขยายอาณาเขตออกไปเรื่อยๆ เพื่อค้นหาอาณาจักรสีชาดที่อยู่รอบๆ ดินแดนของเขาแทนดีกว่า
เมื่อคิดได้เช่นนี้ โจวโจวก็ส่งคนไปเรียกอู๋ตู่เข้ามา จากนั้นเขาก็บอกให้อีกฝ่ายสำรวจดินแดนที่ไม่รู้จักรอบๆ อาณาจักรต่อไปในอนาคต
“นับจากพรุ่งนี้เป็นต้นไปให้เจ้าย้ายทหาร 100,000 คนจากกองทัพอื่นมายังกองทัพวาดสวรรค์ของเจ้า นอกจากนี้ เจ้าจะได้รับภูติทมิฬ 3 ลำ ราตรีประดับดาว 2 ลำ และเมคาโนสไตรเดอร์ 50,000 อันเพื่อใช้เป็นยานขนส่งของกองทัพวาดสวรรค์ ข้าอยากให้เจ้าเพิ่มความแข็งแกร่งของกองทัพให้มากๆ และเพิ่มขีดความสามารถในการสำรวจดินแดนรอบๆ!”
โจวโจวพูดด้วยโทนเสียงทุ้มต่ำ
เนื่องจากดินแดนตะวันสาดแสงได้เลื่อนระดับขึ้นเป็นฝ่ายของลอร์ดระดับอาณาจักรขั้นต้นแล้ว ความแข็งแกร่งของกองทัพวาดสวรรค์ ซึ่งนับได้ว่าเป็นทหารแนวหน้าก็ต้องเพิ่มขึ้นตามไปด้วย มิฉะนั้นมันจะทำให้ความเร็วในการเติบโตของเขาช้าลงอย่างมาก!
“ขอรับฝ่าบาท!” อู๋ตู่กล่าวด้วยความตื่นเต้น
เขารู้สึกว่าฝ่าบาทให้คุณค่ากับเขาและกองทัพวาดสวรรค์เป็นอย่างมากเลย
“ยังไม่หมด” โจวโจวหยิบเอาหลักฐานกองทัพออกมา จากนั้นก็เลือกใช้มัน
[โปรดตั้งชื่อของกองทัพระดับอาณาจักรของท่าน:]
“กองทัพวาดสวรรค์!” โจวโจวพูดด้วยโทนเสียงต่ำ
[ชื่อกองทัพ ‘กองทัพวาดสวรรค์’ ถูกยืนยัน]
[โปรดยืนยันผู้บัญชาการ รองผู้บัญชาการ หัวหน้าฝ่ายขนส่ง…]
เมื่อโจวโจวเห็นเช่นนี้ เขาก็ใส่ชื่อของอู๋ตู่เข้าไปในตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพ
ส่วนที่เหลือเขาก็ปล่อยให้อู๋ตู่ ลูกน้องที่ภักดีจนตายของเขา เป็นผู้ทำหน้าที่ใส่ลงไป
เขาเห็นร่างของอู๋ตู่สั่นก่อนที่อีกฝ่ายจะเงยหน้าขึ้นและมองมาที่เขาด้วยความตื่นตะลึง
“ฝ่าบาท…” เขาพูดอะไรไม่ออก
“ไม่ต้องถามหรอกว่าทำไม มันเป็นเรื่องปกติที่เจ้าจะได้รับมอบกองทัพเนื่องจากผลงานของกองทัพวาดสวรรค์ อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งของผู้บัญชาการกองทัพก็เป็นอำนาจที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบ อย่าทำให้ข้าผิดหวังละกัน”
โจวโจวกล่าว
“ขอรับฝ่าบาท ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังเด็ดขาด!”
ความตื่นเต้นบนใบหน้าของอู๋ตู่ค่อยๆ จางหายไป และสีหน้าของเขาก็จริงจังขึ้นมา
เขาพูดอย่างจริงจัง
โจวโจวพยักหน้าและโบกมือของเขาให้อีกฝ่ายกลับไป
เมื่อเห็นเช่นนี้ อู๋ตู่ก็จากไปด้วยความเคารพ
หลังจากที่เขาจากไป โจวโจวที่ไม่มีอะไรจะทำอีกก็กลับไปที่ห้องของเขาเพื่อพักผ่อน
ในขณะที่เขาเข้ามาในห้อง ร่างอันงดงามร่างหนึ่งก็กระโจนเข้าสู่อ้อมแขนของเขา
มันคือหลี่ย่านั่นเอง!
พวกเขากอดกันอยู่สักพัก
“มาพักกันเถอะ”
โจวโจวยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
หลี่ย่าไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอซุกหัวของเธอไว้ในอ้อมแขนของโจวโจวอย่างเขินๆ
โจวโจวยิ้มออกมาเมื่อเขาเห็นเช่นนี้ จากนั้นเขาก็อุ้มหลี่ย่าขึ้นมาและเดินเข้าไปในห้อง
ในเวลานั้นเอง ดวงดาวอันพร่างพราวบนท้องฟ้าเบื้องบนก็หน้าขึ้นสีด้วยความเขินอายเช่นกัน