บทที่ 172 : ตระหนักรู้!
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาสะสมผลึกน้ำค้างสวรรค์มามากกว่า 30 รอบ และทุกครั้ง มันก็จะมีผลึกน้ำค้างสวรรค์มากถึง 7,000 ถึง 8,000 ชิ้น และอย่างน้อยสุด 3,000 ถึง 4,000 ชิ้น ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงควรจะมีทั้งหมด 150,000 ถึง 160,000 ชิ้น
นอกจากนี้ มันก็ยังมีเศษเล็กเศษน้อยจากตระกูลขุนนาง มันน่าจะมีผลึกน้ำค้างสวรรค์ประมาณหนึ่งพันชิ้นในแต่ละครั้ง ซึ่งรวมกันแล้วก็น่าจะมีมากกว่า 30,000 ชิ้น
เขาประเมินว่าสำนักเซียนเหล่านี้น่าจะได้รับผลึกน้ำค้างสวรรค์มาแล้วมากกว่า 200,000 ชิ้น
แน่นอนว่าสำนักเซียนเหล่านี้อาจจะบริโภคผลึกน้ำค้างสวรรค์บางส่วนไปแล้วด้วยเช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้ว ด้วยทัศนคติของพวกเขาที่ต้องการจะปล้นผลึกน้ำค้างสวรรค์ทั้งหมดที่รวบรวมมาโดยตระกูลขุนนาง พวกเขาจึงน่าจะต้องการผลึกน้ำค้างสวรรค์อย่างแน่นอน
“ 200,000 ชิ้น… ตราบเท่าที่พวกเขายังเหลืออีกสัก 30% ไว้เบื้องหลัง ฉันก็จะสามารถสร้างมังกรเพลิงที่มีจิตวิญญาณขึ้นมาอีกได้” ซุยเฮ็งคิดกับตัวเองและมองไปที่รถม้าสีทอง
สิ่งที่เรียกว่าอาวุธเซียนนี้เป็นเพียงสิ่งประดิษฐ์ที่เทียบเท่ากับขอบเขตการก่อเกิดรากฐานขั้นต้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มันมีผลมหัศจรรย์ในการรวบรวมโชคของประเทศและศรัทธาของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดและควบแน่นเป็นผลึกน้ำค้างสวรรค์
“ จากรถม้าสีทองนี้ ฉันก็สามารถบอกได้ว่าโลกสูญสวรรค์นั้นไม่ธรรมดาเลย พวกเขาจะต้องมีความลับอะไรบางอย่างแน่ และบางที มันก็อาจจะมียอดฝีมือซ่อนอยู่…”
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ซุยเฮ็งก็สะดุ้งและตระหนักขึ้นได้ “ ไม่ได้การ ฉันไม่สามารถไปที่โลกสูญสวรรค์เพื่อกวาดล้างเหล่าสำนักเซียนและคว้าเอาผลึกน้ำค้างสวรรค์ของพวกเขามาได้แล้ว!”
“ ฉันสะเพร่าเกินไป เพราะฉันได้รู้ว่าพระพุทธเจ้าที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกสูญสวรรค์นั้นเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนขอบเขตก่อเกิดรากฐานขั้นสูงสุดเท่านั้น เห้อ เส้นทางแห่งการฝึกตนช่างยากเย็นเสียจริงๆ!”
“ ไม่ต้องพูดถึงว่ามียอดฝีมือซ่อนอยู่ในโลกเบื้องบนเลย แค่การใช้โชคของประเทศและแมลงปีศาจมลายนภาก็อยู่เหนือการคาดเดาของฉันไปไกลแล้ว”
“ โดยพื้นฐานแล้ว นี่ก็คือโลกเซียนที่เต็มไปด้วยราชาเซียนและสัตว์อสูรดุร้าย ฉันแค่โชคดีที่ได้หลุดมาอยู่ในสถานที่ระดับค่อนข้างต่ำ”
“ มันยังมีสิ่งแปลกปลอมอีกมากมายในโลกเบื้องบนสำหรับฉัน ฉันกำลังล่องลอยอยู่ในความเย่อหยิ่งของฉันแล้วจริงๆ ไม่ได้การ ฉันไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ โชคดีที่ฉันตื่นรู้ได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นฉันก็คงจะหลงทางไปแล้ว”
“ แม้ว่าฉันจะต้องไปที่โลกสูญสวรรค์จริงๆ ในอนาคต แค่ฉันก็ไม่สามารถไปแสดงท่าทีสูงเลยทันทีได้ แล้วนับประสาอะไรกับปล้นคนอื่นฉันต้องใช้เส้นทางการฝึกตนเป็นแกนหลัก”
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่เขาก็ยังคงมีความกลัวอยู่ในใจ
หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเขาเพิ่งตระหนักขึ้นได้เมื่อกี้ เขาก็คงจะหลงทางอยู่ภายใต้การล่อลวงของผลึกน้ำค้างสวรรค์แล้ว
นั่นเป็นเส้นทางที่สามารถผลักเขาไปสู่ก้นบึ้งอันไร้จุดจบได้!
“ โชคดีที่ฉันรู้ทันจิตมารของฉัน” ซุยเฮ็งโบกแขนเสื้อของเขาและนำผลึกน้ำค้างสวรรค์ออกมาก่อนจะค่อยๆ สงบลง
“ ขอบเขตรวมวิญญาณมันเป็นยังไงกันนะ ฉันคิดว่ามันคงจะไม่ใช่แค่การสะสมพลังปราณธรรมดาๆ”
เมื่อการฝึกตนของเขาลึกซึ้งยิ่งขึ้น เขาก็รู้สึกมากขึ้นว่าการสะสมพลังปราณและการฝึกฝนจิตวิญญาณของเขานั้นสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเขาได้ แต่กระนั้นมันก็ไม่สามารถก้าวกระโดดในเชิงคุณภาพได้
ขั้นตอนการเข้าถึงขอบเขตรวมวิญญาณจากขอบเขตแก่นแท้ทองคำนั้นเป็นข้อพิสูจน์แล้ว
เส้นทางของการฝึกตนไม่ใช่กระบวนการสะสมและเติบโตไปได้ง่ายๆ นอกจากนี้มันยังเกี่ยวข้องกับวิธีการลึกลับบางอย่าง
“ ถ้าฉันจำไม่ผิด การฝึกตนขอบเขตรวมวิญญาณขั้นต้นมันก็เกี่ยวข้องกับวิธีการฝึกตนที่ค่อนข้างลึกซึ้ง” ซุยเฮ็งครุ่นคิด
“ ถ้าฉันต้องทำความเข้าใจเต๋าด้วยตัวฉันเอง ฉันก็เกรงว่าฉันอาจจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ภายในหนึ่งพันหรือหมื่นปี โชคดีที่มีเคล็ดวิชาเซียนขั้นต้น หลังจากที่ฉันไปถึงขอบเขตรวมวิญญาณแล้ว ฉันก็แค่ต้องศึกษามัน”
ตอนนี้เขาอยู่ไม่ไกลจากขอบเขตรวมวิญญาณแล้ว
แสงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดได้บรรลุสมบูรณ์ไปแล้วห้าแสง สองอารมณ์ที่ยังขาดหายไปคือแสงสีขาวที่เป็นสัญลักษณ์ของความรักและแสงสีแดงที่เป็นสัญลักษณ์ของความสุข
อันแรกสูงหกฟุตหนึ่งนิ้ว ส่วนอันหลังสูงหกฟุตเก้านิ้ว มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่เขาจะบรรลุความสมบูรณ์แบบในทุกสี
หลังจากนั้น เขาก็จำเป็นจะต้องเข้าสู่ความสันโดษเป็นเวลา 49 วันเพื่อสร้างตัวอ่อนวิญญาณ
“ ฉันสงสัยจังว่าเซียนและพระอรหันต์ในหลางหยาจะสามารถให้แสงแห่งอารมณ์ทั้งเจ็ดแก่ฉันก่อนที่พวกเขาจะตายได้ไหม” มุมปากของซุยเฮ็งโค้งขึ้นเล็กน้อยขณะที่เขามองไปยังหยานโจว
สามฟุตเหนือหัวของหวังตงหยาง มันมีวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เจ็ดอารมณ์ของเขากำลังลอยอยู่บนนั้น
ด้วยเหตุนี้เอง แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่ในสำนักงานเมืองฉางเฟิง แต่เขาก็ยังสามารถมองเห็นฉากในมณฑลหลางหยาได้
แม้ว่าซุยเฮ็งจะกลัวโลกเบื้องบนเพราะมีสิ่งแปลกปลอมมากเกินไป แต่สิ่งนี้ก็ไม่อาจจะปิดกั้นเขาจากการเข่นฆ่าเซียนและพระอรหันต์จากโลกเบื้องล่าง
ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ได้ทำความเข้าใจโลกเบื้องล่างจนรู้แจ้งแล้ว หลังจากพูดคุยกับพยัคฆ์ขาวและหวังตงหยาง พวกที่เรียกตนว่าเซียนและพระอรหันต์จากโลกเบื้องล่างก็ไม่ใช่ตัวตนลึกลับในสายตาเขาอีกต่อไป
และโดยธรรมชาติแล้ว พวกมันก็จะต้องถูกทำลาย
แม้ว่าเขาจะระมัดระวัง แต่มันก็ไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะต้องหลบซ่อนเมื่อปัญหาได้เกิดขึ้นแล้ว
เขาไม่ได้กังวลว่าผู้ฝึกตนขอบเขตรวมวิญญาณจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่
ท้ายที่สุดแล้ว หากพวกเขาลงมาได้ดั่งใจต้องการจริงๆ
สำนักเซียนอรุณก็คงจะล่มสลายไปตั้งแต่เมื่อร้อยปีก่อนแล้ว
….
มณฑลหลางหยาในวันนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนมาก
ไม่ว่าจะเป็นบนหอคอยประตูเมืองหรือบ้านเรือนตามท้องถนนในเมือง โคมแดงจะถูกแขวนเอาไว้ คำมงคลมากมายถูกเขียนแปะด้วยผงทองคำ มันดูรื่นเริงมาก
สิ่งนี้ทำให้ชาวเมืองรู้สึกเหมือนกับเป็นช่วงเวลาปีใหม่
แน่นอนว่าสิ่งที่แตกต่างที่สุดคือเมฆมงคลที่ลอยไปมาบนท้องฟ้าเป็นครั้งคราว
เหล่าสามัญชนอดไม่ได้ที่จะคุกเข่าลงกับพื้นและบูชาท้องฟ้า
สำหรับคนธรรมดา บุคคลที่สามารถขี่เมฆและบินได้นั้นก็คือเซียน!
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved