ตอนที่ 392

บทที่ 392 การแทรกซึมที่สมบูรณ์แบบคืออะไร? (2)

ทันใดนั้นซุยเฮ็งก็พูดขึ้น ในเวลาเดียวกัน เขาก็ก้าวไปข้างหน้าและเผชิญหน้ากับลูกธนูที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ อย่าเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ มิฉะนั้นพวกเจ้าก็จะถูกฆ่าก่อนที่ภารกิจจะสิ้นสุดลงแน่”

เคล้ง!

เสียงเหล็กกระทบกันดังก้องไปทั่วท้องฟ้าราวกับนกกระเรียนที่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

ทุกคนเห็นแสงสีขาววาบในฝ่ามือของซุยเฮ็งและลูกธนูที่พุ่งเข้ามาก็ถูกตัดขาดและตกลงห่างจากพวกเขาไป 30 ถึง 40 ฟุต

“ ช่างเป็นเคล็ดวิชากระบี่ที่ทรงพลังจริงๆ!” ฟางหยูลั่วอุทาน “ นี่คือความแข็งแกร่งของขอบเขต1เซียนเทียนอย่างงั้นหรอ?”

“ มันเหมือนกับการโบกกระบี่เซียนเลย!” ซูจิงอดไม่ได้ที่จะชื่นชม

“ พี่ใหญ่ซุยน่าทึ่งมาก!” เจิงโหยวเหนียนรู้สึกประทับใจมากและกล่าวขอบคุณซุยเฮ็งในเวลาเดียวกัน “ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้า!”

“ ขอบคุณผู้มีพระคุณ” ซ่งฉีเองก็โค้งคำนับและขอบคุณเขาเช่นกัน

“ ไม่จำเป็นต้องพูดแบบนี้ก็ได้” ซุยเฮ็งส่ายหัวและพูดว่า “ ไปซ่อนตัวในป่าก่อน วนรอบประตูเมืองไปทางด้านหน้าแล้วเข้าเมืองจากอีกทางหนึ่ง”

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยในทันที

หลังจากเข้าไปในป่า มันก็ไม่มีลูกธนูอีกต่อไป

เจิงโหยวเหนียนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและถามด้วยความสงสัยว่า “ ทำไมจู่ๆ นักธนูพวกนั้นถึงเริ่มยิงมาที่ตรงนี้? เรายังไม่ได้ทำอะไรเลยจริงไหม?”

“ มันคงจะน่าสงสัยมากที่จู่ๆ เราก็มาปรากฏตัวขึ้น” ซุยเฮ็งส่ายหัวเบาๆ และยิ้ม “ ลูกบอลแสงขนาดใหญ่นั่นมีหน้าที่แค่ส่งเรามาทำภารกิจ มันไม่ได้เลือกจุดที่ปลอดภัยแต่แรกไว้ให้กับเรา”

“งั้นหรอ?” ดวงตาของเจิงโหยวเหนียนเบิกกว้างด้วยความสับสน เขาขมวดคิ้วและพูดว่า “ แต่เราอยู่ไกลมากเลยนะ พวกเขาไม่กลัวบ้างเลยหรอที่จะฆ่าผิดคน?”

“ แล้วถ้าเราถูกฆ่าแล้วยังไงล่ะ?” จู่ๆ ซ่งฉีก็พูดขัดขึ้น “ สิ่งที่ไร้ค่าที่สุดคือชีวิตมนุษย์ ต่อให้พวกเขาจะฆ่าคนผิด แต่มันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่ดี”

นับตั้งแต่การล่มสลายของอาณาจักรซ่ง เขาก็ได้ออกร่อนเร่พเนจรไปทั่วอยู่เป็นเวลานาน ในช่วงเวลานี้ เขาก็ได้เห็นโศกนาฏกรรมมามากจนเกินจะนับ และเขาก็ได้เข้าใจความหมายของคำว่าไร้ค่าเป็นอย่างดี

ในโลกโดยเฉพาะยุคนี้ ชีวิตมนุษย์ก็เป็นสิ่งที่ไร้ค่าที่สุด

พวกมันไม่มีค่าแม้แต่ตำลึงเดียว

“…” เจิงโหยวเหนียนเงียบลงในทันที

เขาได้เห็นความหมายในคำพูดผ่านอารมณ์ของซ่งฉีแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรอีก

“ เอาล่ะ ไปกันเถอะ” ซุยเฮ็งยกมือขึ้นและนำทั้งสี่คนเข้าไปในป่าลึก

ในขณะนี้ ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นและเขาก็มีความสุขมาก

จากมุมมองของสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขา เขาก็สามารถเห็นได้ว่าร่างกายของฟางหยูลั่ว, ซ่งฉี, เจิงโหยวเหนียนและซูจิงนั้นกำลังเปล่งแสงสีทองที่ละเอียดอ่อนมากออกมา

นี่คือรูปแบบตัวอ่อนของสายสื่อสาร

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หลังจากเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น เขาก็ได้สร้างสายสื่อสารกับพวกเขาทั้งสี่ได้สำเร็จแล้ว

แท้จริงแล้ว การประสบกับวิกฤตความเป็นความตายร่วมกันนั้นก็เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการสร้างความสัมพันธ์ทางการสื่อสาร

“ นี่ถือได้ว่าเป็นขั้นทดลอง ถ้าผลที่ได้นั้นดีจริง ฉันก็สามารถขยายจำนวนได้เต็มที่” ซุยเฮ็งคิดกับตัวเอง “ เมื่อถึงเวลานั้น ความเร็วในการฝึกตนของฉันก็จะเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างมาก!”

เขามีจัตุรัสหยกขาวที่คล้ายกันมากกว่าหนึ่งแห่ง

เขามีจัตุรัสหยกขาวจำนวนนับไม่ถ้วน!

ในไม่ช้า ซุยเฮ็งก็พาทุกคนมาถึงส่วนลึกของป่า

มันมีต้นไม้และพืชพรรณมากมายที่นี่ หลังจากผ่านไปสี่ถึงห้าก้าว วิสัยทัศน์ของพวกเขาก็ได้ถูกปิดกั้นโดยสิ้นเชิง เมื่อเดินเข้าไปข้างใน เบาะแสของเขาก็ถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิด และมันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกค้นพบจากภายนอก

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ได้ยินเสียงกีบเท้าด้านนอกและพื้นสั่นสะเทือน เห็นได้ชัดว่าทหารม้ากำลังไล่ตามพวกเขาอยู่

ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนดังขึ้นมาจากข้างนอก

“ พวกหัวขโมยทั้งหมดจงฟัง ข้าจะให้เวลาเจ้า 15 นาทีในการออกมา ไม่อย่างนั้นข้าก็จะสั่งให้จุดไฟเผาป่าและย่างพวกเจ้ามันทั้งเป็น!!”

เสียงนี้เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและเจตนาฆ่า มันฟังดูเสียดแทงแก้วหูมาก

หลังจากเสียงนี้ดังขึ้น เสียงอีกระลอกหนึ่งก็ดังขึ้นตาม

“ ออกไปจากที่นี่!”

“ ออกไปจากที่นี่!”

“ ออกไปจากที่นี่!”

ราวกับว่าคนหลายร้อยคนกำลังตะโกนด้วยความโกรธ

“ พี่ใหญ่ซุย ข้าเกรงว่าที่นี่จะมีทหารม้าไม่ต่ำกว่า 300 นาย” การแสดงออกของซ่งฉีกลายเป็นเคร่งขรึมอย่างยิ่ง เขาพูดเสียงเบาว่า “ ป่านี้ไม่ใหญ่นัก ข้าเกรงว่าเราจะถูกปิดตายอยู่ภายในได้”

“ พี่ใหญ่ซุย ตอนนี้เราควรจะทำอย่างไรดี” ฟางหยูลั่วมองไปที่ซุยเฮ็งและเห็นเขาถือกระบี่ยาวและมองไปข้างนอกราวกับว่าเขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

เจิงโหยวเหนียนและซูจิงมองไปที่ซุยเฮ็ง เดิมทีพวกเขาก็ต้องการจะถาม แต่หลังจากเห็นการแสดงออกของซุยเฮ็ง พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไร

ในขณะนี้ เสียงสาปแช่งข้างนอกก็ยังคงดำเนินต่อไป มันมีแม้กระทั่งบางคนที่ส่งเสียงโหวกเหวกเพื่อยุให้เริ่มจุดไฟ

ซุยเฮ็งยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่ขยับ

หลังจากนั้นไม่นาน จู่ๆ เขาก็หันมามองทุกคนและถามด้วยรอยยิ้มว่า “ พวกเจ้ารู้ไหมว่าการแทรกซึมที่สมบูรณ์แบบที่สุดนั้นทำอย่างไร?”

อะไรนะ?

ฟางหยูลั่ว, ซ่งฉี, เจิงโหยวเหนียนและซูจิงตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมซุยเฮ็งถึงถามคำถามดังกล่าวในเวลานี้

อย่างไรก็ตาม ซุยเฮ็งก็ไม่ให้โอกาสพวกเขาได้ทันตอบ เขากลับตอบคำถามของตัวเองแทน “ ตราบใดที่ข้าฆ่าทุกคนที่หยุดข้า แน่นอนว่ามันก็จะไม่มีใครค้นพบการแทรกซึมของข้า นี่แหละถึงจะเป็นการแทรกซึมที่สมบูรณ์แบบ”

จากนั้นเขาก็เริ่มเดินออกจากป่าพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ “ ออกไปจากป่ากันเถอะ ข้าจะพาพวกเจ้าไปพบตัวเจ้าทูตนั่นเอง ขอบคุณมือใหม่ทั้งหลาย ความยากของภารกิจนี้จึงไม่สูงนัก เมื่อพวกเจ้าแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต มันก็จะไม่ง่ายอย่างในวันนี้แน่”

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงก้าวออกไปข้างหน้า

“ พี่ใหญ่ซุย มันมีทหารม้าหลายร้อยนายอยู่ข้างนอกนั่นนะ!” เจิงโหยวเหนียนพูดด้วยความตกใจ “ ไม่ว่าการฝึกตนของเราจะสูงสักเพียงใด แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เราจะต่อสู้กับกองทัพใหญ่ได้แบบประจันหน้า!”

“ ไม่เลย ตราบใดที่เราแข็งแกร่งพอ พวกเราก็จะสามารถเอาชนะกองทัพได้อย่างง่ายดาย” ฟางหยูลั่วส่ายหัวเบาๆ และเดินตามหลังซุยเฮ็งไป เธอยิ้มและพูดว่า “ พี่ใหญ่ซุย ข้าจะไปกับท่านด้วย!”

“ พี่ใหญ่ซุย ข้าไปด้วย!” ซ่งฉีเองก็วิ่งตามมา

เจิงโหยวเหนียนและซูจิงมองหน้ากันก่อนจะทำตาม

ในไม่ช้า ซุยเฮ็งก็เดินออกมาจากป่าพร้อมกับพวกเขาทั้งสี่คน

ทันทีที่เขาก้าวออกมา เขาก็เห็นทหารม้ากลุ่มหนึ่งยืนถือคบเพลิงและถือคันธนูกับลูกธนู

นอกจากนี้ พวกเขาก็ยังสวมชุดเกราะเต็มตัว!

ใบหน้าของเจิงโหยวเหนียนและซูจิงซีดลงในทันที

พวกเขาจะต่อสู้กับอีกฝ่ายได้อย่างไร!

“ พวกเจ้าถอยกลับไป” จู่ๆ ซุยเฮ็งก็พูดขึ้น เขาชักกระบี่ออกจากฝักและค่อยๆ ก้าวออกไปข้างหน้า