ตอนที่ 66

บทที่ 66: ขัดขวางต้องตาย!

เมื่อฮุ่ยฉีเดินออกมาจากสำนักงานเทศมณฑล เขาก็เห็นผู้คนจำนวนมากมารอคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูสำนักงาน

เมื่อทุกคนเห็นเขาเดินออกมา พวกเขาก็ตื่นเต้นและอ้าปากเพื่อเอ่ยถามเขาในทันที

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าฮุ่ยฉีนั้นกำลังสวมชุดเกราะและเห็นได้ชัดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงหดหัวลงและยังคงคุกเข่าต่อไป

ท้ายที่สุดแล้ว เจ้าหน้าที่ทหารก็ไม่ใช่บุคคลที่ควรจะไปล้อเล่นด้วย

นอกจากนี้ มันก็ยังเป็นเพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของผู้คนในมณฑล ดังนั้นเจ้าหน้าที่ทหารจึงไม่มีสิทธิ์จะมาตัดสินอะไรได้

ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงไม่มีประโยชน์ที่จะถามเขา

ในตอนนี้ เฉินตงก็ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของฮุ่ยฉี

นับตั้งแต่ซุยเฮ็งมาถึง เฉินตงก็ทำงานยุ่งมาโดยตลอด และในที่สุด เขาก็เพิ่งจะมีเวลาว่างได้พัก ด้วยเหตุนี้เอง ในทุกๆ วันเขาจึงฝึกวรยุทธ์ นั่งดื่มชาชมนกชมไม้และใช้ชีวิตเยี่ยงอย่างเซียน

เขาตัดสินใจที่จะติดตามซุยเฮ็งมานานแล้ว และเขาก็วางแผนที่จะรับตำแหน่งที่ปรึกษาในสำนักงานเทศมณฑลหลังจากโอนอำนาจ

และหลังจากได้ตำแหน่งมา เขาก็จะได้พักผ่อนสักที

เพราะท้ายที่สุดแล้ว หลังจากทำงานหนักมาหลายปี โลกก็ยังคงโกลาหลวุ่นวาย และเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

แต่ถึงกระนั้น ในเดือนนี้ พวกพ่อค้าก็ได้ทำตัวถล้ำลึกจนเกินไป และเฉินตงก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปแทรกแซงเช่นส่งกองทหารไปเฝ้าอาหารและเกลือเพื่อมิให้มีผู้ใดฉกฉวยไป

ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อได้รับคำสั่งเคลื่อนทัพจากฮุ่ยฉี เขาจึงทำเพียงแค่มองอย่างสบายๆ และพยักหน้าตอบรับ

เขาไม่ได้ถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม คราวนี้มันก็แตกต่างออกไป

เมื่อเฉินตงเห็นเนื้อหาของคำสั่ง ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง เขาเงยหน้าขึ้นมองฮุ่ยฉีด้วยความตกใจและลูบริมฝีปากของเขา “ ท่านต้องการจะโจมตีทุกคนในรายการเลยหรอ?”

“ ถูกต้อง” ฮุ่ยฉีพยักหน้าและพูดต่อว่า “ ภายใต้คำสั่งของท่านผู้ว่าการ พ่อค้าทุกคนในรายชื่อก็จะต้องถูกนำตัวไปสอบสวน และหากใครกล้าขัดขืน มันผู้นั้นก็จะต้องถูกฆ่าตายในทันที!”

“ ข้าเข้าใจแล้ว! ข้าเองก็ไม่ชอบไอ้ชาติหมาพวกนั้นมานานแล้วเหมือนกัน!” เฉินตงทุบโต๊ะและลุกขึ้นยืน ดวงตาของเขาเป็นประกายในขณะที่เขายิ้ม “ ไปกันเถอะ ข้าจะพาท่านไปที่กองทหารเอง”

“ ขอบคุณท่านแม่ทัพ” ฮุ่ยฉีกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ ไม่เลย ข้าต่างหากที่ควรจะเป็นฝ่ายขอบคุณ” เฉินตงหัวเราะเบาๆ และความชื่นชมของเขาที่มีต่อซุยเฮ็งก็เพิ่มขึ้น

จริงๆ แล้วเขาก็มีความคิดแบบเดียวกันกับหลิวหลี่เต๋า เขาไม่คิดว่าซุยเฮ็งจะสามารถจัดการกับความวุ่นวายในมณฑลลู่ได้ และอย่างมากที่สุด เขาก็คงจะทำได้เพียงอาศัยทักษะวรยุทธ์เพื่อป้องกันตัวเอง

ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่ได้ไปที่มณฑลจูเหอเป็นการส่วนตัว และไม่เคยได้คุยกับซุยเฮ็งเป็นการส่วนตัว ด้วยเหตุนี้เอง ความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับซุยเฮ็งจึงมาจากการอ่านรายงานและข่าวลือเท่านั้น

และโดยธรรมชาติแล้ว เขาจึงไม่ได้มีความมั่นใจในตัวอีกฝ่ายมากนัก

อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องตกตะลึงและประทับใจอย่างมากกับการกระทำในช่วงเดือนที่ผ่านมาของซุยเฮ็ง

และสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ—

ในที่สุดซุยเฮ็งก็เริ่มที่จะใช้บทโหด!

น่าประทับใจ!

เขาน่าประทับใจมากจริงๆ!

….

ฮุ่ยฉีและเฉินตงนำทหาร 200 นายพุ่งตรงไปหาเหล่าพ่อค้าในรายชื่อ

ระหว่างทาง ประชาชนจำนวนนับไม่ถ้วนก็รวมตัวกันพูดคุย

“ มีทหารมากมายเลย แถมผู้นำพวกเขายังเป็นแม่ทัพด้วย นี่หรือว่าพวกเขากำลังจะไปก่อสงครามกันอย่างงั้นหรอ?”

“ กลุ่มโจรหยานทั้งหมดได้ถูกทำลายลงไปโดยทัณฑ์สวรรค์แล้วไม่ใช่หรอ? พวกเขาจะไปสู้กับใครได้อีก? หรือว่ามันจะมีสัตว์อสูรปรากฎตัวขึ้น?”

“ ฮ่าฮ่า ตามความเห็นข้านะ มันจะต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นแน่นอนอย่างไรก็ตาม คู่ต่อสู้ของพวกเขาก็ไม่น่าจะใช่สัตว์อสูรแต่เป็นผู้แสวงหาผลประโยชน์บนความทุกข์ยากของผู้อื่นต่างหาก!”

“ ในกรณีนี้ หรือว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปหาพ่อค้าพวกนั้น?”

“ แบบนั้นก็เยี่ยมไปเลย พวกสารเลวนั่นสมควรตายแล้ว!”

“ แต่ข้าได้ยินมาว่าพ่อค้าเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนมาจากสำนักและตระกูลใหญ่บางแห่ง และแม้แต่ผู้ว่าการคนเดิมของเราก็ยังไม่สามารถรุกรานพวกเขาได้เลย!”

“ เอาเถอะ พวกเราตามไปดูกันก่อนดีกว่า!”

แน่นอน ผู้ชมไม่ใช่แค่คนธรรมดาเท่านั้น แต่มันยังมีทั้งคนรับใช้ของพวกพ่อค้าด้วย

เมื่อเห็นทหารจำนวนมากเดินทัพไปข้างหน้าพร้อมกับเจตนาฆ่า พวกเขาก็ตัวสั่นด้วยความกลัวและรีบวิ่งกลับบ้านเพื่อไปรายงาน

จุดแรกที่ฮุ่ยฉีและเฉินตงเลือกที่จะไปก็คือพ่อค้าธัญพืชรายใหญ่ที่สุดในมณฑลลู่ ซึ่งมันก็คื่อบ้านของหลี่จง

หลี่จงเดิมเป็นคนรับใช้ของผู้อาวุโสซุนเหลียนเซิงแห่งสำนักไท่ชง แต่ต่อมา เขาก็ได้ถูกส่งมาที่มณฑลลู่เพื่อจัดการเรื่องธุรกิจอาหาร

และเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้วตั้งแต่นั้นมา พวกเขาได้สะสมทรัพย์สมบัติจำนวนมากและมีข้ารับใช้มากกว่า 1,000 คน นอกจากนี้ ที่ดินที่พวกเขาครอบครองนั้นก็มีจำนวนมากกว่า 10,000 หมู่!

แม้แต่ตระกูลหวงแห่งจูเหอก็ยังต้องหน้าซีดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขา

“ นายท่านมีข่าวร้าย! เราแย่แล้ว!” คนรับใช้ของตระกูลหลี่วิ่งกลับมา ขณะหอบหายใจหนัก

“ เจ้าจะตะโกนหาอะไร!” หลี่จงตะคอกกลับไปในทันที

จากนั้นเขาก็ยกร่างอ้วนของเขาและเดินออกไป ร่างของเขาถูกประคองโดยเด็กสาวแสนสวยสองคน และขณะที่เขาเดิน เขาก็ถูแขนของเขากับร่างกายที่บอบบางของเด็กสาว

“ เกิดอะไรขึ้น?!” หลี่จงขมวดคิ้วขณะที่เขามองไปที่คนรับใช้และหัวเราะเยาะ “ เจ้ามารบกวนความสุขของข้า ดังนั้นถ้าเจ้ามาเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง ข้าก็จะทุบสมองเจ้าทิ้งซะ!”

“ นายท่าน เฉินตงและคนของผู้ว่าการซุยกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้!” คนรับใช้พูดอย่างกระวนกระวาย “ เราควรจะเชิญนายน้อยซุนมาด้วยดีไหม?”

“ ไร้สาระ!” หลี่จงเตะคนรับใช้ไปและดุว่า “ ทำไมข้าถึงจะต้องกลัวเฉินตงด้วย? เจ้าคิดว่ามันจะกล้าฆ่าข้าหรอ?”

เขาได้รับการสนับสนุนจากสำนักไท่ชง และในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจหรือกับเจ้าหน้าที่ เขาก็ได้ผ่านน้ำผ่านฝนมาจนชุ่มแล้ว

เขาไม่คิดว่าผู้บังคับบัญชาทหารอย่างเฉินตงจะกล้าทำอะไรเขาได้

ท้ายที่สุดแล้ว หากอีกฝ่ายฆ่าเขา มันก็เท่ากับเป็นการรุกรานสำนักไท่ชง

และในทางกลับกัน มันก็จะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของคนทั้งมณฑล และจะทำให้ชีวิตของผู้คนทุกหนทุกแห่งต้องตกอยู่ในความยากลำบาก

นี่ไม่ใช่ราคาที่ผู้บังคับบัญชาทหารจะสามารถจ่ายได้

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

ในขณะนี้ พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่เป็นระเบียบของทหาร ฮุ่ยฉีกับเฉินตงก็ได้นำทหาร 200 นายมาจนถึงหน้าทางเข้าตระกูลหลี่แล้ว!

“ ใครคือหลี่จง?” ฮุ่ยฉีก้าวไปข้างหน้าและตะโกนถามเสียงดัง

“ เจ้าเบี้ยตัวน้อยนี่มาจากไหนกัน? หลบไป!” หลี่จงสาปแช่งด้วยความโกรธ “ เจ้าไม่มีสิทธิ์พูดที่นี่ ไปเรียกเฉินตงมาคุยกับข้า!”

เขาไม่รู้จักฮุ่ยฉีและไม่ได้สนใจอีกฝ่ายมากนัก

“ เจ้าเป็นใคร?” ฮุ่ยฉีถามพลางวางมือบนด้ามกระบี่ของเขา

“ ข้า…” หลี่จงกำลังจะพูด แต่แล้วก็มีคนรับใช้เดินเข้ามากระซิบข้างหูเขา จากนั้นดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นในทันที “ เจ้าคือคนของผู้ว่าการมณฑลคนใหม่เองสินะ เจ้ามาที่นี่เพราะหวังจะแย่งชิงธุรกิจธัญพืชและเกลือไปจากข้าอย่างงั้นสินะ?”

“ ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าคือหลี่จงใช่ไหม?” ดวงตาของฮุ่ยฉีหดแคบลง

“ เจ้าโง่ ถ้าเจ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร เจ้าก็ลองไปถามผู้ว่าการมณฑลของเจ้าดูสิ!” หลี่จงชี้ไปที่จมูกของฮุ่ยฉีและดุ

“ ดูเหมือนว่าเจ้าคือหลี่จงสินะ!” ทันใดนั้นฮุ่ยฉีก็พยักหน้า

จากนั้นเขาก็ชักกระบี่เหล็กออกมาและสะบั้นหัวหมูอ้วนของหลี่จงจนหลุดออกจากบ่า!

พรึ่บ!

เลือดสดพุ่งออกมาและร่างอ้วนของหลี่จงก็กลายเป็นศพหัวขาดในทันที

ราวกับว่ามีคนกดปุ่มหยุดเวลาชั่วคราว ในขณะนี้ ผู้คนในคฤหาสน์ตระกูลหลี่ทั้งหมดก็หยุดนิ่งขณะที่พวกเขามองดูฉากนี้ด้วยความสยดสยอง

ฮุ่ยฉีถือหัวหมูอ้วนไว้ในมือของเขาและมองไปรอบๆ ขณะที่กระบี่ของเขายังคงส่องแสงสีแดงสดอยู่ เขาตะโกนอย่างโหดเหี้ยมว่า “ ท่านผู้ว่าการได้ออกคำสั่งแล้ว หลี่จงทำให้ราคาข้าวสูงขึ้นจนเกินจริงเนื่องจากความโลภส่วนตัวของเขา สิ่งนี้สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อการดำรงชีวิตของผู้คนและมีความผิดในอาชญากรรมร้ายแรง!”

“ คฤหาสน์หลังนี้จะถูกยึด และใครก็ตามที่กล้าขัดขวางเราจะต้องถูกฆ่าตายในทันที!”

ในเวลาเดียวกัน ณ มุมหนึ่งของคฤหาสน์

ลูกชายของหลี่จงก็ตกใจมากจนหน้าซีดราวกับไก่ต้ม ร่างกายของเขาสั่นจนทำอะไรไม่ถูก เขารีบพูดกับคนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ เขาว่า “ เร็วเข้า รีบไปเชิญผู้อาวุโสซุนผานซื่อมาเร็ว!”