บทที่ 24 เริ่มต้นฝึกฝนพื้นฐาน
“ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการชกมวยแบบใดก็ตาม การเริ่มฝึกฝนมวยนั้นโดยตรงเลยไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะตอนนี้ที่เจ้าไม่รู้อะไรเลยนอกจากการยิงธนู”
“ดังนั้นเจ้าต้องเริ่มต้นด้วยทักษะพื้นฐานเสียก่อน และข้าจะสอนมวยให้เจ้าหลังจากเจ้าเชี่ยวชาญทักษะพื้นฐานต่างๆแล้วเท่านั้น ข้าบอกก่อนว่ามันน่าเบื่อมาก น่าเบื่อยิ่งกว่าการฝึกยิงธนูเสียด้วยซ้ำ แต่เจ้าต้องอดทน เพราะการเรียนรู้อะไรบางอย่างบางทีอาจใช้เวลาอย่างน้อยสองสามปีและอย่างมากที่สุดตลอดชีวิต เจ้าได้เตรียมใจสำหรับเรื่องนี้ไว้แล้วหรือยัง?”
ชายพิการถามขึ้น
เฉินฟานสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดโดยไม่ลังเลว่า "ใช่"
“เอาล่ะ ข้าหวังว่าเมื่อถึงเวลา เจ้าจะอดทนได้จริงๆ”
เขาพูดออกมาอย่างสงบ แต่เขาคิดในใจว่าด้วยความอุตสาหะและพรสวรรค์ของเด็กคนนี้ บางทีเด็กคนนี้อาจจะสามารถทำได้จริงๆก็ได้
“ลุงจาง...”
จ่าวเฟิงที่อยู่ด้านข้างเรียกความกล้าออกมาแล้วพูดว่า "ข้าก็อยากเรียนมวยจากท่านเหมือนกัน"
"ข้าก็อยากเรียนเหมือนกัน"
“ลุงจาง ข้าก็ด้วย...”
เด็กหนุ่มหลายคนต่างก็แย่งชิงกันเพื่อพูดออกมา
ใครจะไม่อยากมีความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นและมีชีวิตที่ดีขึ้นล่ะ?
ชายพิการไม่แปลกใจและเขาก็พูดออกมาเบา ๆ "การสอนคนหนึ่งก็คือการสอนและการสอนหลายคนก็เป็นการสอนเช่นกัน ข้าแค่กลัวว่าพวกเจ้าจะไม่สามารถอดทนได้ก็เท่านั้น"
จู่ๆ หลายคนก็ตื่นเต้นและสาบานต่อพระเจ้าว่าพวกเขาจะอดทนฝึกฝนให้ได้
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว จ่าวเฟิงสงบเงียบกว่ามาก แต่มีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ลุกโชนอยู่ในดวงตาของเขา
"ได้ๆ"
ชายพิการโบกมือ “ในเมื่อทุกคนต้องการเรียนรู้ งั้นก็มาเริ่มเรียนกันเลย”
"กูดอง"
แม้แต่เฉินฟานยังกลืนน้ำลาย นี่เขาต้องการให้เริ่มฝึกเลยงั้นเหรอ?
“ไม่ว่าเจ้าจะต้องการฝึกศิลปะการต่อสู้แบบไหน เจ้าก็ต้องเริ่มต้นด้วยท่าทางพื้นฐานที่สุด เพราะถ้าเจ้าไม่มีรากฐานที่มั่นคง ขาของเจ้าก็จะอ่อนแอและไร้เรี่ยวแรง จากนั้นมันจะทำให้ท่าทางของเจ้าจะผิดรูปเมื่อเจ้าชกออกไป แต่ถ้าเจ้ามีรากฐานที่มั่นคงเจ้าจะได้ผลลัพธ์เป็นสองเท่าโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว"
ทุกคนพยักหน้าเหมือนไก่จิกข้าว ดวงตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ก่อนอื่นเจ้าต้องฝึกท่าหวู่จี้(ยืนเสา)เป็นรากฐานเสียก่อนซึ่งเรียกว่าหวู่จี้ฉวง หลังจากประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยในหวู่จี้ฉวงแล้ว เจ้าก็ต้องฝึกท่าไท่จี้พื้นฐาน หลังจากฝึกท่าไท่จี้พื้นฐานได้ จากนั้นเจ้าก็สามารถฝึกไท่จี้ฉวนอย่างเป็นทางการได้
หลังจากพวกเจ้าจนข้าพอใจแล้ว เจ้าก็ต้องฝึกฝนสามท่าร่างเป็นลำดับต่อไป เพราะมันเป็นพื้นฐานของกระบวนท่านทั้งหมด ดังคำพูดที่ว่าท่าสามกายาแยกจากกันไม่ได้ และหลังจากเรียนรู้ท่าสามท่านี้ได้แล้ว เจ้าก็สามารถเรียนรู้สิงอี้เฉวียนได้(สิงอี้เฉวียนเป็นหนึ่งในศิลปะการต่อสู้ป้อกันตัวของบู๊ตึ๊ง) ไม่เพียงแต่สิงอี้เฉวียน แต่ยังมีเทคนิคอื่นๆด้วย เช่น หวู่ชินซี(มวยท่าสัตว์) ปากัวจ่าง(ฝ่ามือแปดทิศ) และอื่นอีกมากมาย ถ้าเจ้ามีรากฐานที่ดีแล้วก็สามารถเรียนรู้ได้ทั้งหมด "
ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นยินดีมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น
พวกเขาต้องฝึกท่ายืนเสาก่อน หลังจากฝึกท่ายืนเสาแล้ว พวกเขาก็ต้องฝึกท่าไท่จี้ ก่อนจึงจะสามารถเรียนไท่จี้ฉวนได้งั้นหรือ?
และหลังจากเรียนรู้ไท่จี้ฉวน พวกเขาก็ต้องฝึกสามท่าร่างพื้นฐานอีกอีกงั้นหรือ?
นี้จะต้องใช้เวลานานแค่ไหน?
“ทำไม มันยากงั้นเหรอ?”
ชายพิการตะคอกอย่างเย็นชา “นี่คือความแข็งแกร่งภายในซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากเจ้าฝึกชกมวยโดยไม่มีการฝึกไท่จี้ฉวน มันก็จะเหมือนการสร้างตึกที่ไม่มีเสาเข็ม ไม่มีทางที่จะสร้างสูงได้หรือถ้าสร้างสูงมันก็จะพังทลายลงมาอย่างแน่นอน ดังนั้นท่าร่างพื้นฐานต่างๆสำคัญอย่างมาก เริ่มต้นด้วยท่าพื้นฐานขา เอาล่ะข้าจะเริ่มสอนแล้ว! มันสายเกินไปที่จะเสียใจตอนนี้”
ขณะที่เขาพูด เขาก็เหลือบมองเด็กหนุ่มเหล่านี้ "ถ้าต้องการเรียนให้ก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว"
เฉินฟานก้าวไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม
จ่าวเฟิงตามหลังอย่างใกล้ชิด
หวังปิงปิงและคนอื่นๆ มองหน้ากันและเดินตามไป
"ฮ่าๆ"
ชายพิการยิ้มอย่างมีความหมาย “ไม่มีใครยืนอยู่กับที่เลย ดี ดีมาก! งั้นเรามาฝึกท่ายืนเสากันก่อนสักหนึ่งชั่วโมง เอาละข้าจะสอนท่าทางพื้นฐานให้เจ้าก่อน”
ท่ายืนเสา ผู้ฝึกฝนต้องยืนตัวตรง มือห้อยตามธรรมชาติ หัวตั้งตรง ดวงตาไร้โฟกัส หายใจตามธรรมชาติ และจินตนาการว่าตัวเจ้ากำลังหลอมรวมเข้ากับธรรมชาติ
เฉินฟานใช้โอกาสนี้เพื่อดูแผงคุณสมบัติ และตามที่คาดไว้มีคำขนาดเล็กเพิ่มเติมในแถบทักษะ
【ท่ายืนเสา: ระดับ 0 (0%)】
เขามีความสุขอย่างมาก เขาสามารถเรียนรู้ทักษะอื่นได้แล้ว เขาสงสัยว่าคุณสมบัติอื่นใดที่จะถูกปลดล็อคหลังจากถึงทักษะนี้ถึงระดับ 1 แล้ว?
“ใจเย็นๆ ตอนนี้ไม่ต้องคิดอะไรมาก!”
ทันใดนั้น ชายพิการก็เดินผ่านเขาไปและมองดูเขา
เฉินฟานรู้สึกเขินอายเล็กน้อย ลุงจางคนนี้มีดวงตาที่เป็นพิษเหรอ?
แค่เขามีอะไรเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เขาก็ยังสังเกตเห็นเหรอ?
จากนั้นบรรยากาศก็เงียบสงบอย่างน่าประหลาดใจ บางครั้งก็มีคนเดินผ่านมามองดูเด็กหนุ่มหลายคนที่ยืนตัวตรงด้วยท่าทางงุนงง
เวลาผ่านไป และหลายคนก็เริ่มจะทนไม่ไหว..
"หวู่จี้นี้ไม่ใช่แค่ท่ายืนเสาเท่านั้นเหรอ?"
“แม่ง เจ็บขาและปวดหลังอย่างมาก แถมยังเหมือนมีอะไรคลานอยู่ใต้ผิวหนังอีกด้วย”
"อ้าก และข้าจะทนเป็นชั่วโมงได้อย่างไร?"
“เพิ่งผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีเองนะ ทนไม่ไหวแล้วเหรอ?”
ชายพิการเยาะเย้ย "ถ้าเจ้าทนไม่ไหวก็ให้ยอมแพ้ไปซะเจ้าพวกขยะ ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเป็นนักรบได้ เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับความจริง"
เมื่อเฉินฟานได้ยินสิ่งนี้มุมปากของเขาก็กระตุก ลุงจางไม่เพียงแต่มีดวงตาที่เป็นพิษเท่านั้น แต่ยังมีปากที่มีพิษอีกด้วย
แต่จริงๆ แล้วตอนนี้เขายังรู้สึกปกติดี อาจเป็นเพราะรูปร่างของเขาสูงกว่าคนทั่วไป และเขายังคงรู้สึกผ่อนคลายอยู่เล็กน้อย
หลังจากนั้นอีกสิบนาที ในที่สุดก็มีคนทนไม่ไหวอีกต่อไป และรู้สึกละอายใจอย่างมาก
"งั้นก็ไปพักเถอะ"
ชายพิการโบกมือและมองดูคนอื่นๆ “มีหนึ่งคนที่ทนไม่ไหวแล้ว ถ้ามีใครรู้สึกว่าทนไม่ไหวอีกก็ให้ออกมาพักได้ แต่เจ้าอาจจะเป็นคนอ่อนแอคนต่อไปนะ”
ไม่มีใครเห็นด้วยที่จะถอยออกไป
แต่อีกไม่กี่นาทีต่อจากนั้น พวกเขาก็ถอยออกไปทีละคน และบางคนก็เลือกที่จะยอมแพ้
เวลาผ่านไปอีกสิบนาที หวังปิงก็ทำไม่ได้อีกต่อไป และเขาก็ถอยออกไปด้วยความใบหน้าแดง
เหลือเพียงเฉินฟานและจ่าวเฟิงเท่านั้น
จ่าวเฟิงกัดฟันทนต่อไป ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาจะต้องอดทน!
เขาแพ้เฉินฟานในการยิงธนูไปแล้วครั้งหนึ่ง คราวนี้เขาไม่สามารถแพ้ได้อีก!
เขา จ่าวเฟิง ไม่ได้อ่อนแอกว่าคนอื่น ๆ !
“การเพิ่มความเชี่ยวชาญช้าเกินไปหรือป่าว?”
เฉินฟานมองไปข้างหน้า แต่มุ่งความสนใจไปที่แผงคุณสมบัติ
ผ่านไปอย่างน้อยสี่สิบนาทีแล้ว และความเชี่ยวชาญของท่ายืนเสามีเพียงประมาณ 4% เท่านั้น
ถ้าเขาอยากเลื่อนขั้นให้เป็นระดับ 1 ต้องยืนให้ได้อย่างน้อย 1,000 นาที หรือประมาณ 16 ชั่วโมง!
ถ้ามองเผินๆ มันอาจะไม่ยากเท่า [การยิงธนูขั้นพื้นฐาน] เพียงแค่ยืนนิ่ง 16 ชั่วโมง แค่สองวันเขาก็ทำมันได้แล้ว แต่ในความเป็นจริงมันเหนื่อยและทรมานกว่ามาก อย่างน้อยๆการฝึกยิงธนูนั้นแม้ว่าเขาจะเจ็บแขนจนยกไม่ไหว แต่เขาก็ยังสามารถเพลิดเพลินกับบริการการนวดได้ แม้ว่าจะให้บริการโดยชายร่างใหญ่ที่บางครั้งจะเอาเท้ามายันหลังเขาเพื่อดึงแขนนวดให้
แต่ตอนนี้เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว มันทรมานมาก
เขาสงสัยจริงๆ หลังจากชั่วโมงนี้ผ่านไปแล้ว เขาจะยังสามารถทำมันครั้งที่สองได้หรือไม่? แล้วครั้งที่สามล่ะ? เขาเดาว่าครั้งที่สี่น่าจะเป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว!
ถ้าเป็นอย่างนี้เขาจะต้องใช้เวลาสี่หรือห้าวันในการเพิ่มระดับ [ท่ายืนเสา] เป็นระดับ 1? นี่เพิ่งเริ่มต้นการฝึกจริงๆใช่ไหม?
ลุงจางกล่าวว่า เขาจะสามารถเรียนรู้ [ไท่จี้พื้นฐาน] ได้ก็ต่อเมื่อเขาประสบความสำเร็จเล็กน้อยใน [ท่ายืนเสา] และเขาสามารถเรียนรู้ [ไท่จี้ฉวน]ได้หลังจากที่เขาฝึกฝน [ไท่จี้พื้นฐาน] แล้ว
ให้ตายเถอะ นี่ต้องฝึกกี่ปีกันล่ะเนี่ย? ? ?
นอกจากนี้ยังมีท่าท่างพื้นฐานอื่นๆอีก เช่น ท่าร่างพื้นฐาน ท่าเท้าพื้นฐาน และการวางขาขั้นพื้นฐาน และอื่นๆอีกมากมาย มันจะต้องใช้เวลากี่เดือกี่ปีกัน?
ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาจะได้ฝึกการต่อสู้จริงเมื่อไหร่
แต่เวลาไม่คอยท่าและเขาก็ไม่สามารถเสียเวลามากได้!
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เขามุ่งความสนใจไปที่แต้มค่าประสบการณ์ เขาได้สะสมแต้มค่าประสบการณ์ทั้งหมด 17 แต้มจากการล่าในตอนเช้า หากเขาใช้มันเพื่อเพิ่มความเชี่ยวชาญของทักษะระดับ 4 [การยิงธนูขั้นพื้นฐาน] ความเชี่ยวชาญของเขาจะเพิ่มขึ้นเพียง 17% เท่านั้น
แต่เนื่องจาก [ท่ายืนเสา] เป็นระดับ 0 เท่านั้น แต้มค่าประการณ์ 1 แต้มจะต้องเพิ่มความเชี่ยวชาญให้อย่างมากใช่ไหม?
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved