ตอนที่ 295 หัวหน้าเผ่าหอกทมิฬ

"ราคาน ข้าจะมอบหน้าที่ตรงนี้ให้กับเจ้า ข้าจะเข้าไปพักก่อน"

ท่ามกลางฝูงชน มากอร์น พูดอย่างหมดความอดทนกับหัวหน้าเผ่า หอกทมิฬ ที่อยู่ข้างๆเขา

"ให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง ฝ่าบาท"

ราคาน ดาร์กสเปียร์ ตอบกลับด้วยความเคารพ ไม่มีความหยิ่งยโสของตัวตนระดับ 11 แม้แต่น้อย

การตอบสนองของเขาทำให้ มากอร์น จ้องมองด้วยความไม่พอใจทันที

"ข้าเคยบอกไปแล้วนิ เรียกข้าด้วยชื่อของข้า อย่างเรียกข้าแบบนั้น"

"ขออภัยฝ่าบาท ข้าไม่ฝืนพระประสงค์ของเทพเจ้าแห่งสงครามได้ ท่านคือราชาเพียงหนึ่งเดียวของพวกเราเหล่าคนแคระ"

ในฐานะที่เป็นหัวหน้าเผ่า ดาร์กสเปียร์ ราคานได้รับพรแห่งพลังจากเทพเจ้าแห่งสงคราม

อาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นคนแคระนับถือเทพเจ้าแห่งสงครามมากที่สุด

เนื่องจากมากอร๋น ประสบความเสร็จในการสร้างค้อนเทพเจ้าแห่งสงคราม เขาจึงเป็นผู้ถูกเลือกจากเทพเจ้าแห่งสงคราม เป็นธรรมดาที่เขาต้องการให้ผู้คนจดจำเขาในฐานะราชาแห่งเหล่าคนแคระ

"เจ้านี้มัน.. ดื้อจริงๆ"

มากอร์นกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้

"ชั่งมันเถอะ จะเรียกแบบไหนก็เรียก"

หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังกลับและจากไป หายเข้าไปในประตูของวิหาร หลังจากได้เห็นราชาคนแคระเหล่าผู้คนก็พากันแสดงดีหน้าตื่นเต้นออกมา

ด้วยการที่มีคนแคระระดับ 11 ขว้างกั้นพวกเขาเอาไว้ พวกเขาจึงไม่กล้าทำอะไร ทำได้เพียงเฝ้ามอง มากอร์น จากไปอย่างช่วยไม่ได้

"ท่านบรรพชน พวกเราควรทำอย่างไรกันดี

ด้านนอกฝูงชน หลู เจิ้งซิง ถามบรรพชนตระกูลหลูที่อยู่ข้างๆเขาด้วยเสียงที่แผ่วเบา

"เมื่อสังเกตดูแล้ว ราชาคนแคระยังลังเลที่คบหากับผู้คน แต่ไม่เป็นไร พวกเรายังความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนของเขาอยู่ นี้เป็นโอกาสสำหรับตระกูลหลูของเรา!"

ในเวลานี้ บรรพชนตระกูลหลูเคยได้ยิน หลู เจิ้งซิง พูดถึง หลิน ยู กับ มากอร์น ดวงตาของชายชราก็เปล่งประกายออกมา

"ท่านบรรพชนหมายความว่าอย่างไรขอรับ มันเกี่ยวกับนายน้อยหลินงั้นเหรอ" หลู เจิ้งซิงอดไม่ได้ที่จะถามออกมา

"ใช่แล้ว " บรรพชนพยักหน้าอย่างเงียบๆ ดวงตาของเขากลายเป็นลึกล้ำ "แม้ว่าพวกเราจะรู้ไม่ว่าพวกเขานั้นสนิทกันขนาดไหน แต่เราจะพลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้ เราต้องพึ่งพานายน้อยหลินเพื่อขึ้นเรือลำใหญ่ลำนี้"

"เมื่อเจ้ากลับไปในคราวนี้ เจ้าต้องมองหาโอกาสสร้างความสัมพันธ์กับนายน้อยหลินคนนั้นให้มากขึ้น ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอื่น หากมีอะไรเกิดขึ้นข้าจะจัดการให้"

"ทราบแล้วขอรับ"

หลู เจิ้งซิง มีความสุขอย่างมาก

แม้ว่าเขาจะอายุน้อยที่สุดเป็นอันดับสามของตระกูลหลู

แต่ตอนนี้ตัวเขาได้รับการสนับสนุนจากบรรพชนของเขา ทันใดนั้น มันก็ทำให้เขาเกิดความมั่นใจมากขึ้น

ในเวลาเดียวกัน เขาก็แอบคิดภายในใจว่าจะต้องรักษาความสัมพันธ์อันดีกับหลิน ยู

นี้คือเรื่องราวทั้งหมด

หลังจากช่วงเวลาพบปะจบลง

ฝูงชนที่อยู่ด้านนอกวิหารคนแคระก้ค่อยแยกย้ายกันออกไป

ผู้มีอำนาจจำนวนมาที่ได้มาข่าวก็เดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ พวกเขาทั้งหมดถูกปิดกั้นออกไป

มีเพียงไม่กี่เผ่าพันธ์หรือบางอาณาจักรที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเหล่าคนแคระเท่านั้น ที่จะสามารถเข้าไปยังวิหารคนแคระได้ ซึ่งทำให้เป็นที่อิจฉาของเหล่าผู้คน

"ข้าได้ยินมาว่าราชาคนแคระในทุกราชวงศ์มีความสามารถในการสรรค์สร้างอุปกรณ์ระดับ 11 ข้าไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า"

"ไม่ผิดแน่ ข้าเพิ่มเห็นราชันระดับ 11 เดินทางเข้าไปเมื้อกี้ คิดว่าเขาคงมาเพื่ออุปกรณ์"

"เรื่องจริงงั้นเหรอ? ราชันระดับ 11 !!"

"ข้าไม่รู้ว่าใครที่จะโชคดีถึงขนาดทำให้ราชาคนแคระสร้างอุปกรณ์ให้ด้วยตัวเอง"

"คาดว่าการที่อาณาจักรคนแครเพื่อกับมาสงบ ข้าเกรงว่าคงต้องใช้เวลาซักระยะ นั้นเจ้าเห็นหรือไม่ คนเหล่านั้นถูกปฏิเสธออกมาแล้ว"

"ดูนั้น มีคนกำลังเดินเข้าไปอีกแล้ว"

ทันใดนั้น ด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำก็ได้ขัดจังหวะการสนทนาของเหล่าฝูงชนอีกครั้ง

เขาเห็นชายหนุ่มที่แต่งตัวเรียบๆ คนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ด้านนอกวิหารคนแคระ เดินตรงเข้าไปยังหน้าประตูที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนา

"สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?"

"เขาไม่รู้หรือว่าคนแคระไม่ต้อนรับผู้มาเยือน"

"คงจะเป็นคนโง่อีกคนที่อยากเสี่ยงโชคดู"

"ข้าเดิมพันด้วยคริสตัลเวทย์มนต์ 100 ชิ้น พนันได้เลยว่าเจ้านั้นต้องถูกซัดออกมาก่อนที่จะถึงประตู"

"ถ้าอย่างนั้น ข้าพนันว่าเขาจะถูกซัดปลิวทันทีที่เขาในถึงระยะ 5 เมตร"

"เขาเป็นคนตัวเล็กๆ ข้าพนันว่า 10 เมตร"

ทุกคนต่างสนทนากันด้วยความสนุกสนาน มองไปยังร่างที่เข้าใกล้วิหารคนแคระมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังสงสัยว่าเขาจะถูกนักรบคนแคระขับไล่ไปอย่างไร

บางคนถึงกับนึกสนุกพนันเล่นกัน อย่างสนุกสนาน

ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน

เขาคือ หลิน ยู ที่เพิ่งได้รับข่าวหลังจากเข้ามายังเกาะลอยฟ้า

เดิมทีเขาต้องการหาซื้อสมบัติบนเกาะลอยฟ้า แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินข่าวว่าราชาคนแคระแห่งอาณาจักรคนแคระมาเยือนแดนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเขาจึงรีบมุ่งหน้ามายังที่นี้ทันที

แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ

ทันทีที่เขาเข้าใกล้วิหารคนแคระนั้น ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกด้วยความประหลาดใจจากด้านหลังของเขา

"หลิน ยู ทำไมเจ้าถึงได้มาอยู่ที่นี้กัน?"

หลิน ยู หยุดลงชั่วคราวก่อนจะหันหลังกลับมา

เมื่อเขาเห็นเรเซอร์ เดินเข้ามาพร้อมกับกลุ่มคนแคระ เขาก็อดไม่ได้ที่จะดีใจ

"เลเซอร์? ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี้กัน"

คนแคระคนนี้เคยมายังดินแดนของเขาเพื่อตามหามากอร์น ก่อนหน้านี้

เขาไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอที่นี้

"นี้เห็นวิหารคนแคระของพวกเรา แน่นอนว่าข้าต้องอยู่ที่นี้" เลเซอร์ นำทีมเดินเข้าไปหา หลิน ยู

"เหมือนกับว่าฝ่าบาทกำลังส่งคนไปบอกเจ้าว่า เขาอยู่ที่นี้ เจ้าจะเข้าไปข้างในกับข้าหรือไม่?"

"ราชาที่เจ้าว่า .. หรือว่าจะเป็นมากอร์นงั้นเหรอ?" หลิน ยู ถามด้วยความสงสัย

"ตอนนี้เขาได้กลายเป็นราชาคนแคระของพวกเราแล้ว" เลเซอร์ พูดออกมาด้วยความเคารพ

"...."

เขาเดาถูก

แม้ว่า หลิน ยู จะคาดหวังเอาไว้ว่าผลลัพธ์จะออกมาในลักษณะนี้นานแล้ว แต่ก็เขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

คนแคระตัวเล็กๆคนหนึ่งที่อาศัยที่ภายในอาณาเขตของเขา คนแคระที่ต่อรองกับเขาเพื่อซื้ออาหารเพียงไม่กี่อย่างจะกลายเป็นราชาแห่งอาณาจักรคนแคระจริงหรือ?

เมื่อนึกถึงภาพตอนที่เขาได้พบกับมากอร์น เขานึกไม่ออกเลยจริงๆว่าชายคนนี้เวลาสวมมงกฏแล้วหน้าตาจะเป็นอย่างไร

ด้านหน้าวิหาร

"มาเถอะ เข้าไปกับข้า ฝ่าบาทกำลังตามหาเจ้าอยู่เช่นกัน" เลเซอร์ กล่าวคต่อ

"อืม ข้าแค่อยากเข้าไปเจอเขาเฉยๆ"

หลิน ยู ไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขาเดินตรงไปยังวิหารคนแคระพร้อมกับเลเซอร์ และหายเข้าไปในประตูหลังจากนั้นไม่นาน

เมื่อเขาเลือนหายไป เหล่าผู้คนที่เฝ้ามองอยู่ห่างๆ ก็เริ่มตอบสนองราวกับพวกเขาเห็นผี

"ข้าคิดผิด เขาเข้าไปได้อย่างงั้นเหรอ?"

"คนแคระเหล่านั้นดูเป็นมิตรกับเขามาก เขาเป็นใครกัน?"

"ในตอนนี้ แม้แต่มหาอำนาจระดับ 10 ก็ยังถูกปิดกั้นให้อยู่ภาพนอกเท่านั้น"

"ตัวตนของเขาต้องยิ่งใหญ่มหาอำนาจระดับ 10 เหล่านั้นแน่นอน"

เกิดการถกเถียงกันอย่างมากมายในฝูงชน พวกเขาทั้งหมดมองไปยังทิศทางที่ หลิน ยู หายตัวไป ในตอนนี้พวกเขาทั้งหมดลืมเกี่ยวกับการเดิมไปในทันที

อีกด้านหนึ่ง

หลังจากผ่านประตูเข้าไป หลิน ยู ก็รีบตาม เลเซอร์ เข้าไปยังวิหารขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนป้อมปราการ และสอบถามเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอาณาจักรคนแคระในช่วงเวลานี้

โดยไม่คาดคิด กระบวนการทั้งหมดในการกลับไปยังอาณาจักรคนแคระของ มากอร์นจะ ราบรื่น

หัวหน้าเผ่าคนแคระทุกเผ่าเลือกที่จะยอมจำนวนทันทีเมื่อเห็นค้อนเทพเจ้าสงครามในมือของ มากอร์น ไม่มีใครกล้าที่จะต่อต้าน

จากนั้นมากอร๋นก็ขึ้นไปบนแท่น เพื่อรับมรดกของเทพเจ้าแห่งสงคราม พลังกำลังของเขาเพิ่มสูงขึ้นจนเกือบถึงระดับ 10 และเขาก็ได้กลายเป็นราชาคนแคระ

น่าอิจฉาเป็นบ้า

สิ่งนี้ทำให้ หลิน ยู อดที่จะอิจฉาไม่ได้ เมื่อไหร่เขาจะได้มรดกจากเทพเจ้าแห่งธรรมชาติบ้าง!?

เขาไม่ได้ต้องการอะไรมากมายนั้น แค่เพิ่มระดับให้เขา 3-4 ระดับก็พอ!!

มันคงไม่มากเกินไปสำหรับท่านๆทั้งหลาย!?

ต้องขอบคุณเขาที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างนักเพื่อรวบรวมทรัพยากร

และมองดูคนอื่นก้าวตรงขึ้นไปยังจุดสูงสุดของชีวิต

"เอาละ ฝ่าบาทอยู่ข้างใน เข้าไปกับข้า"

หลิน ยู เงยหน้าขึ้นมองพบว่าตัวเองอยู่นอกจากโถงขนาดใหญ่ที่มีทหารคุ้นกันอย่างแน่นหนา

"หลิน ยู !"

เพียงแวบตาเดียว มากอร์น ที่อยู่ภายในห้องโถงก็ได้พบกลับ หลิน ยู เขาละจากที่นั่งของเขา

"มากอร์น ทำไมเจ้าถึงได้แต่งตัวแบบนี้กัน"

หลิน ยู ตาม เซเลอร์ เข้าในไปห้องโถง มองไปยัง มากอร์น ที่สวมชุดเกราะสีทองพร้อมกับมงกฏที่ดูล้ำค่า

โดยไม่คาดคิด

ในเวลานี้ คนแคระชราที่อยู่ข้างๆ มากอร์น ก็ได้หายตัวไป มาปรากฏตัวตรงหน้าเขา ขว้างทางเอาไว้

"ราคาร อย่าหยาบคาย เขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของข้า!"

มากอร์นรีบหยุดและวิ่งไปทันที

"ฝ่าบาท โปรดยกโทษให้ข้าน้อยด้วย ข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นเพื่อนของท่าน"

ราคาร ก้าวออกมาขณะที่เขาพูด พร้อมสละที่นั่งของเขาให้

หลิน ยู ตกตะลึงอย่างมาก

ในตอนนั้น เขารู้สึกได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวจากคนแคระชราคนนี้ เขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าจักรพรรดิเซิ่งเหยา ตอนที่ยังไม่ได้เป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่

"ข้าน้อยทำความเคารพฝ่าบาท ข้ามาแล้วท่านพ่อ"

ในเวลา เลเซอร์ ได้ทำความเคาระราชาคนแคระและพ่อของเขา

"ท่านพ่อ?"

หลิน ยู ชะงักไปครู่หนึ่ง มองไปยังเลเซอร์ด้วยความตกใจ

"เจ้าน่าจะยังไม่รู้ เลเซอร์ นั้นเป็นลูกชายของ ราคาน หัวหน้าเผ่าหอกทมิฬ" มากอร์น เข้ามาอธิบายด้วยรอยยิ้ม

หลิน ยู ตกตะลึงไปในทันที เมื่อได้ยินคำพูดของเขา

ไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมเลเซอร์ที่ยังอายุน้อยอยู่ถึงได้แข็งแกร่งแบบนี้ เป็นเพราะเขาเป็นลูกชายของหัวหน้าเผ่านี้เอง

อีกทั้งคนแคระชราที่น่าสะพรึงกลัวคนนี้ ยังเป็นหัวหน้าเผ่าหอกทมิฬ

คนแคระเผ่าหอกทมิฬระดับ 11 !!

ด้วยพรที่ได้รับมาจากเทพเจ้าแห่งสงครามทำให้เขาสามารถใช้ความแข็งแกร่งของระดับ 12 ได้ในเวลาสั้นๆ

เขาเป็นตัวตนที่ทรงพลังในหมู่คนแคระ

ขณะที่ตกตะลึงอยู่นั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูด "มากอร์น ไม่ใช่ว่าข้าว่าเจ้านะ แต่ตำแหน่งราชานี้มันไม่เหมาะกับเจ้าเอาซะเลย"

ชั่งเสียดายด้วยตัวตนระดับ 11

หากมันเป็นเขา เขาคงเอาราชาไปให้คนๆนั้น แล้ว ไม่มีมั่วมาอ้อยอิ่งอยู่อย่างนี้

สุดท้ายแล้ว มากอร์น ไม่ได้ต้องการที่จะเป็นราชาจริงๆ

"ฝ่าบาท ข้าคิดว่ามนุษย์คนนี้พูดถูก"

เมื่อได้ยินคำพูดของ หลิน ยู ราคาน พยักหน้าอย่างเต็มด้วยทันที เขามองมาที่ หลิน ยู ด้วยสายที่เมตตา

"เป็นราชาแล้วมันดีอย่างไรกัน? ข้าก็ไม่ได้อยากเป็นซักหน่อย" มากอร์นเป่าปากและพูดว่า "อย่างไรก็ตาม ข้าสัญญากับพวกเขาเอาไว้มันจะเป็นราชาชั่วระยะเวลาหนึ่ง และจะจากไปเมื่อเหตุการณ์สงบลง"

"ทำแบบนั้นไม่ได้ขอรับ! ฝ่าบาท หากท่านจากไป อาณาจักรคนแคระก็กลับมาโกลาหลอีกครั้งอย่างแน่นอน" เลเซอร์ กล่าวออกมาอย่างร้อนรน

แน่นอนว่าพวกเขาไม่ต้องการเห็นมัน

แต่จะให้ราชาคนแคระอาศัยอยู่ในดินแดนของมนุษย์ได้อย่างไรกัน?

ไม่ต้องพูดถึงการโดนดูถูก ถ้าหากเข้าตกอยู่ในอันตรายละ?

ถ้าหากราชาคนแคระยังปกป้องไม่ได้ พวกเขาก็ไม่สมควรได้รับการปกป้องจากเทพเจ้าแห่งสงคราม

"หากเป็นเช่นนั้น พวกเรามาสร้างแท่นเทเลพอร์ตระยะไกลระหว่างอาณาจักรคนแคระกับเผ่าของค้อนสงครามเถอะ เจ้าจะได้ไม่ต้องเดินทางไปมาให้ลำบาก" จู่ๆ ราคานก็พูดขึ้น

เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ

สร้างแท่นเทเลพอร์ตระยะไกลระหว่างอาณาจักรคนแคระกับเมืองหวงซางั้นเหรอ?

ระยะทางมันกินพื้นที่เกือบครั้งหนึ่งของโลกดึกดำบรรพ์เลยทีเดียว แถมแท่นเทเลพอร์ตระยะไกลนั้นยังต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาลอีกด้วย

คนแคระนี้จะร่ำรวยเกินไปแล้ว