“นี่มัน…”
เมื่อเฟิงลั่วเห็นวรยุทธ์นี้ เขาก็อึ้งไป
เขาย่อมคุ้นเคยกับวรยุทธ์นี้ดี เขารู้จักมันอยู่แล้ว
โจวโจวไม่เสียเวลาอีก เขาบอกอีกฝ่ายถึงการสร้างโรงฝึกและสอนวรยุทธ์เทพเมฆาม่วงให้กับลูกน้องในดินแดน
“ข้ารู้ว่าเจ้ารู้เคล็ดวิชาเทพเมฆาม่วงอยู่แล้ว แต่มันก็มีชาวเมืองในดินแดนของพวกเราอยู่เป็นจำนวนมาก เจ้าคงจะไม่สามารถสอนพวกเขาได้เพียงลำพัง ดังนั้นข้าจึงมอบวรยุทธ์นี้ให้กับเจ้าเพราะข้าอยากให้เจ้าเลือกคนอื่นที่เหมาะสมเพื่อสอนพวกเขา จากนั้นพวกเราก็จะสอนลูกน้องในดินแดนด้วยวรยุทธ์นี้ด้วยกัน”
โจวโจวมั่นใจมากว่าลูกน้องของเขาย่อมยินดีที่จะเรียนรู้วรยุทธ์นี้
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ที่อาศัยอยู่ในทวีปจื้อเกาย่อมรู้ว่าโลกนี้เต็มไปด้วยสงคราม
พวกเขาอาจไม่มีความคิดอื่นใด แต่แม้แต่เด็กก็ยังต้องการแข็งแกร่งขึ้นและปกป้องตัวเองได้!
นอกจากนี้ วรยุทธ์ระดับมหากาพย์ขั้นสูงยังเพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้ฝึกยุทธ์และคนทั่วไปจำนวนนับไม่ถ้วนในทวีปจื้อเกาไล่ตามอย่างบ้าคลั่ง
ด้วยการมีโอกาสครั้งใหญ่ที่จะแข็งแกร่งขึ้นอยู่ตรงหน้าของพวกเขา ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้โง่ พวกเขาก็ย่อมจะมาเรียนรู้มันเพื่อให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น
แม้แต่ผู้ที่ไม่มีโอกาสเรียนรู้ก็อาจสร้างโอกาสในการเรียนรู้ได้
สำหรับเซียวซวน เขาไม่ต้องกังวลหากไม่ได้รับการปกป้องจากลั่วเฟิง ในสองวันที่ผ่านมา เซียวซวนได้ร่วมต่อสู้ในสมรภูมิสุดท้ายกับพวกเขาแล้ว แม้ว่าเขาจะแทบไม่เคยโจมตีเลย แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ได้เพิ่มขึ้นเป็นระดับเงินขาวขั้นสูงแล้วและใกล้จะถึงระดับทองคำเหลืองแล้วด้วย
โจวโจวจึงได้เตรียมที่จะให้เซียวซวนไปเรียนรู้วรยุทธ์จากเฟิงลั่ว จักรพรรดิผู้พิชิตสิบทิศ เมื่อเขาเลื่อนระดับขึ้นเป็นระดับทองคำเหลืองแล้ว
ด้วยการมีผู้กล้าอย่างเฟิงลั่วที่เรียกได้ว่าเป็นตำรายุทธ์เคลื่อนที่เป็นอาจารย์ของเซียวซวน อนาคตของเซียวซวนย่อมสดใสเป็นแน่
ส่วนลั่วเฟิงนั้นแก่แล้ว เขาสามารถเป็นปรมาจารย์ยุทธ์อยู่ภายในดินแดนได้ และโจวโจวย่อมดูแลเขาเป็นอย่างดี
“ผู้อาวุโสเจิ้ง เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ในดินแดนมีสิทธิ์ที่จะใช้แกนหมอกระดับบรอนซ์เขียวเพียง 1 ชิ้นเพื่อเรียนรู้เคล็ดวิชาเทพเมฆาม่วงได้ คิดซะว่ามันเป็นบทเรียนศิลปะการต่อสู้ภาคบังคับสำหรับลูกหลานในดินแดนก็แล้วกัน ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาทั้งหมดจะตกเป็นของเจ้าหน้าที่ของเรา”
โจวโจวคิดบางสิ่งขึ้นมาในทันใดและพูดกับเจิ้งหยวนฉี
แกนหมอกระดับบรอนซ์เขียว 1 ชิ้น!
แม้แต่ชาวเมืองที่ยากจนที่สุดก็คงจะสามารถเข้าเรียนได้
โจวโจวสามารถทำอะไรฟุ่มเฟือยได้ในตอนนี้เพราะเขามีเงินอยู่ในกระเป๋าแล้ว
“ท่านลอร์ดช่างเมตตายิ่งนัก” เจิ้งหยวนฉีและลั่วเฟิงพูดออกมาด้วยความเคารพ
พวกเขาเคารพและชื่นชมท่านลอร์ดของพวกเขายิ่งขึ้นไปอีก!
ในฐานะวรยุทธ์ระดับมหากาพย์ขั้นสูง เคล็ดวิชาเทพเมฆาม่วงสามารถใช้เป็นคู่มือหลักที่สำคัญโดยนิกายศิลปะการต่อสู้ขนาดใหญ่ในโลกภายนอกได้เลย
ลูกศิษย์ธรรมดาอาจต้องผ่านการทดสอบมากมายและจ่ายราคามหาศาลเพื่อเรียนรู้แม้ว่าพวกเขาจะต้องการก็ตาม
หากเป็นในโลกศิลปะการต่อสู้ ฝ่ายระดับสูงบางแห่งก็อาจจะจับมันไว้ให้มั่นและไม่เปิดเผยให้ผู้อื่นทราบโดยง่าย เพื่อให้คนที่อยู่ในระดับต่ำกว่าไม่มีกำลังที่จะต่อต้านพวกเขา อย่างไรก็ตาม ลอร์ดของพวกเขากลับแจกจ่ายวรยุทธ์ในระดับนี้ออกไปโดยไม่ลังเล นอกจากนี้เขายังให้ลูกน้องได้เรียนรู้มันแบบแทบจะไม่มีค่าใช้จ่าย พวกเขาสองคนยิ่งชื่นชมลอร์ดของพวกเขาไปอีกเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
ท่านลอร์ดปฏิบัติต่อพวกเขาเป็นอย่างดีจริงๆ!
โจวโจวยิ้มและไม่ได้พูดอะไรออกมา จากนั้นเขาก็คุยกับคนทั้งคู่อยู่สักพักก่อนที่จะบอกให้พวกเขากลับไปทำงาน
เมื่อเห็นเช่นนี้ อาลีย่าก็ไปเชิญหลี่ย่าและหยูเฉียวเข้ามา
“นั่งก่อนสิ ฝ่าบาทเป็นยังไงบ้าง?”
โจวโจวถามด้วยความเป็นกังวล
“ท่านพ่อสบายดี ท่านได้บอกให้ข้ามาที่นี่เพื่อขอบคุณเจ้าด้วยก่อนที่ข้าจะมา”
หลี่ย่ายิ้มอย่างอ่อนโยน
เมื่อเธอกลับไปที่เมืองหลวงและเห็นพ่อของเธอ เธอก็จะไม่มีวันลืมเลยว่าพ่อของเธอซึ่งใจดีและจริงจังเสมอมาจะเปิดเผยสีหน้าแห่งความสุขเช่นนั้นออกมา
พ่อของเธอไม่มีสีหน้ากังวลใดๆ แม้ว่าอาณาจักรของเขาจะกำลังถูกยึดครอง เขามีความสุขมากที่ได้เห็นลูกสาวของเขาฟื้นกลับคืนมา
หลี่ย่าเองก็ย่อมดีใจมากเช่นกัน ในเวลาเดียวกัน เธอก็ยิ่งซึ้งใจต่อโจวโจวที่มอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเธอมากยิ่งขึ้นไปอีก
“เจ้าคือสหายของข้า ข้าคงจะชุบชีวิตของเจ้าอยู่แล้วแม้ว่าพ่อของเจ้าจะไม่ขอก็ตาม”
โจวโจวยิ้ม
หลี่ย่าเม้มปากและมองไปที่โจวโจวด้วยความอ่อนโยนและความรู้สึกอะไรบางอย่าง
หยูเฉียวที่อยู่ข้างๆ เธอก็มองไปที่โจวโจวด้วยความชื่นชมด้วย
“อาณาจักรออโรร่าและอาณาจักรทาฮันเป็นยังไงบ้างตอนนี้?”
โจวโจวถามออกมาหลังจากคุยกับทั้งสองคน
“หลังจากเจ้าสังหารปีศาจศรวิญญาณเหมันต์ กองทัพมอนสเตอร์ที่เหลือของอาณาจักรทาฮันก็ดูเหมือนจะสูญเสียกระดูกสันหลังไป พวกมันไม่มีกระจิตกระใจที่จะโจมตีอาณาจักรออโรร่าของพวกเราต่อเลย นอกจากนี้ กองทัพโลหิตพยาบาทของอาณาจักรไททันก็กำลังบุกอาณาจักรทาฮันด้วย กองทัพอาณาจักรทาฮันที่นำโดยราชามารสี่กรไม่อาจหยุดยั้งพวกมันได้เลย”
“ราชาแห่งอาณาจักรทาฮันจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องสั่งถอนกำลังกองทัพในอาณาจักรออโรร่ากลับไปสนับสนุนราชามารสี่กร ในตอนนี้ราชาแห่งอาณาจักรทาฮันได้สั่งการให้ราชามารสี่กรนำกองทัพมอนสเตอร์ทั้งหมดเข้าต่อสู้กับกองทัพโลหิตพยาบาทของอาณาจักรไททันแล้ว”
“ผลลัพธ์ไม่น่าจะปรากฏในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างไรก็ตาม ถ้าอาณาจักรทาฮันสามารถยันไว้ได้ พวกมันก็น่าจะสามารถบังคับให้กองทัพโลหิตพยาบาทถอยกลับไปได้ในที่สุด เมื่อถึงเวลานั้น ทั้งสองอาณาจักรก็ไม่น่าจะสามารถโจมตีอาณาจักรออโรร่าของพวกเราได้ ตอนนี้อาณาจักรออโรร่าของพวกเราได้รอดพ้นไปจากวิกฤตชั่วคราวแล้ว”
หลี่ย่ากล่าว
โจวโจวพยักหน้า
ความพยายามของเขาในระหว่างนี้ไม่ได้สูญเปล่าเลย
เดิมทีเขาวางแผนที่จะพาทหารไปใช้ยุยงแปรพักตร์อีกถ้าอาณาจักรทาฮันยังไม่ถอนทัพกลับไป
แต่จากที่ดูแล้วมันก็คงไม่จำเป็น
“โจวโจว ท่านพ่อบอกให้ข้ามาบอกบางสิ่งกับเจ้าก่อนที่ข้าจะมา”
หลี่ย่ากล่าว
“อะไรเหรอ?”
โจวโจวถาม
“ท่านบอกว่าถ้าเจ้ามีเวลาก็ให้มาที่อาณาจักรออโรร่าเพื่อหารือเรื่องการเปลี่ยนราชาหน่อย เจ้าคือราชาองค์ต่อไปของอาณาจักรออโรร่าแล้ว! ถ้าเจ้าไม่ชอบชื่ออาณาจักรออโรร่า เจ้าก็สามารถเปลี่ยนมันได้หลังจากเจ้ากลายเป็นราชาแล้ว”
หลี่ย่ากล่าว
โจวโจวเงียบไปสักพักก่อนที่จะพยักหน้า
เขาสามารถสร้างอาณาจักรได้อย่างสมบูรณ์หลังจากรวบรวมจำนวนดินแดนกับตราอาณาจักรที่มีอยู่ในมือ
อย่างไรก็ตาม หากอาณาจักรสำเร็จรูปถูกส่งตรงมาหาเขา เขาก็คงจะไม่ปฏิเสธแม้ว่าอาณาจักรนี้จะถูกทำลายล้างด้วยสงครามไปแล้ว และเหลือรากฐานไม่ถึง 10%
เขาจะไม่ซ่อนความทะเยอทะยานของเขา ดังนั้นเขาย่อมไม่เสแสร้งออกไป
“เจ้าไม่พอใจรึเปล่า?”
โจวโจวมองไปที่หลี่ย่าและถามออกมา
“เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องที่เจ้าได้รับอาณาจักรออโรร่ามาจากท่านพ่อของข้างั้นเหรอ?”
“อืม”
“ไม่หรอก ในทางตรงกันข้าม ข้ารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นด้วยซ้ำเมื่อปราศจากข้อจำกัดของสถานะของข้าในฐานะส่วนหนึ่งของราชวงศ์”
สายตาของหลี่ย่าล่องลอยออกไปราวกับว่าเธอกำลังคิดอะไรหลายอย่าง
“ข้าไม่ใช่เด็กแล้ว ข้ามีพี่น้องทางสายเลือดหลายคน แต่พวกเขาก็พุ่งเข้าไปในสมรภูมิและไม่เคยได้กลับมาอีกเลย ในท้ายที่สุด ข้าก็ต้องรับภาระหน้าที่ที่พี่น้องของข้าแบกรับไว้และเริ่มทำงานเพื่ออาณาจักรแห่งนี้”
“ข้ายอมรับว่าข้ารักผู้คนในอาณาจักรนี้และทุกสิ่งเกี่ยวกับอาณาจักรนี้ ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อพวกเขา แต่พอข้าทำงานเสร็จกลางดึกแล้วกลับไปนอน ข้าก็จะต้องถามตัวเองว่าข้าดูเหนื่อยเกินไปไหม…”
“บางครั้งข้าก็อยากใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง แต่ฟ้าดินก็ไม่เคยมอบโอกาสนี้ให้กับข้าเลย จนกระทั่งข้าตาย จากนั้นข้าก็ได้ทราบว่าท่านพ่อตัดสินใจมอบอาณาจักรออโรร่าให้กับเจ้า ข้าจึงคิดบางสิ่งขึ้นมาได้ ข้าคิดว่าในที่สุดข้าก็จะสามารถใช้ชีวิตเพื่อตัวเองได้สักที”
หลี่ย่ามองไปที่โจวโจวด้วยดวงตาที่ลุกโชน
โจวโจวมองไปที่เธออยู่แวบหนึ่งก่อนที่เขาจะเบนสายตาไปข้างๆ โดยไม่กล้ามองตรงไปยังไฟในดวงตาของเธอ