ตอนที่ 341

บทที่ 341: อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ

การปรากฏตัวของปรากฏการณ์ที่ฉับพลันนี้ทำให้สวรรค์นักบุญปีศาจทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบ

ไม่ว่าจะเป็นปีศาจแรกเกิดหรือจ้าวปีศาจผู้ปกครองอาณาจักร พวกเขาทั้งหมดล้วนกำลังมองไปที่บนท้องฟ้าด้วยความตกใจและแทบจะไม่เชื่อสายตาของพวกเขา

สวรรค์กำลังร่ำไห้เป็นโลหิต และจ้าวปีศาจก็สิ้นใจแล้ว!

ครั้งสุดท้ายที่ปรากฏการณ์ดังกล่าวปรากฏขึ้นคือเมื่อใดกัน? 100,000 ปีที่แล้ว 200,000 ปีที่แล้ว หรือเมื่อ 300,000 ปีที่แล้ว? บางทีมันอาจจะนานมาแล้วจนจำไม่ได้?

นี่คือจ้าวปีศาจ!

หลังจากฝึกตนจนมาถึงขอบเขตที่ใกล้เคียงกับกฎที่แท้จริงแล้ว จ้าวปีศาจก็นับได้ว่าเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเปรียบได้กับจ้าวเต๋าของเผ่าพันธุ์มนุษย์

แต่กระนั้นจู่ๆ เขาก็กลับตายลงดื้อๆ เสียอย่างงั้น?

เรื่องแบบนี้มันจะไปเกิดขึ้นได้อย่างไร!

มันไร้สาระเกินไป!

สำหรับสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ในสวรรค์นักบุญปีศาจ จ้าวปีศาจก็มีความหมายเดียวกับคำว่าอมตะ

ถึงอย่างนั้น ปรากฏการณ์แห่งความตายนี้ก็ยังฝังรากลึกอยู่ในจิตวิญญาณของปีศาจทั้งหมด แม้แต่ปีศาจแรกเกิดก็ยังรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร

ตราบใดที่ปรากฏการณ์แห่งความตายนี้ปรากฏขึ้น จ้าวปีศาจก็จะต้องตายอย่างแน่นอน

มันไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนั้น

ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากการตกใจครั้งแรก สวรรค์นักบุญปีศาจทั้งหมดจึงตกอยู่ในความหวาดกลัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันเสียระเบียบและผันกลายเป็นความโกลาหลวุ่นวาย

โดยเฉพาะจ้าวปีศาจทั้งแปด

ก่อนหน้านี้พวกเขาเองก็เคยได้สบตากับสายตาคู่นั้น

ในเวลานั้น พวกเขาก็มีความรู้สึกราวกับว่าหากพวกเขามองมันไปมากกว่านี้ พวกเขาก็อาจจะตายคาที่ได้เลยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกนั้นก็เป็นเพียงความรู้สึกเท่านั้น ภายใต้ความตื่นตระหนกและหวาดกลัวอย่างสุดขีด ประสาทสัมผัสบางอย่างก็อาจขยายใหญ่ขึ้นได้

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มันก็ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจ้าวปีศาจจะถูก “จ้อง” จนสามารถตายได้จริงๆ!

นอกจากนี้ ผู้ที่เสียชีวิตลงก็ยังเป็นจ้าวปีศาจฟีนิกซ์ขาว ผู้มีชื่อเสียงในด้านความสามารถลึกลับและอันตราย สิ่งนี้ทำให้พวกเขาหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น

ความแข็งแกร่งโดยรวมของจ้าวปีศาจฟีนิกซ์ขาวนั้นสามารถจัดอยู่ในสามอันดับแรกของบรรดาจ้าวปีศาจทั้งเก้าได้ และความสามารถในการเอาชีวิตรอดของเขานั้นก็อยู่ในอันดับต้นๆ ถึงอย่างนั้น ตอนนี้เขาก็ได้ถูก “จ้อง” จนถึงแก่ความตายแล้วจริงๆ

สิ่งที่น่าขันยิ่งกว่าก็คือการจ้องมองนี้มาจากอีกโลกหนึ่ง มันมองลอดมาจากรูแสงทองเจาะโลกที่เปิดขึ้นโดยจ้าวปีศาจฟีนิกซ์ขาว ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากมันข้ามมาไกลถึงขนาดนี้ มันจึงควรจะต้องอ่อนแอลงแน่ๆ

แต่ถึงกระนั้น มันก็กลับยังมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวมากถึงขนาดนี้

มันไม่น่าเชื่อเลย!

การดำรงอยู่แบบไหนกันที่จะมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้? นี่เป็นขอบเขตแบบไหนกัน?

ขอบเขตที่แปดหรือขอบเขตที่เก้าของโลกเซียน?!

การดำรงอยู่ดังกล่าวปรากฏขึ้นนอกสวรรค์ได้อย่างไร?

นับตั้งแต่การหายตัวไปของอาณาจักรสวรรค์ แม้แต่การมีอยู่ของผู้ฝึกตนขอบเขตที่แปดก็ยังนับกลายเป็นตำนาน!

เมื่อเผชิญกับวิกฤติครั้งใหญ่นี้ จ้าวปีศาจทั้งแปดก็เริ่มพูดคุยกันเพื่อหาหนทางรับมือในทันที

“ เราต้องทำให้ทัศนคติของสวรรค์นักบุญปีศาจของเราชัดเจนและตัดความสัมพันธ์ระหว่างนกแก่ตัวนั้นกับเรา มิฉะนั้นแล้ว เราก็จะ... ไม่สิ สวรรค์นักบุญปีศาจทั้งหมดก็จะจบสิ้นกันหมดแน่!”

“ ถูกต้อง เราต้องแสดงทัศนคติของเราออกมาให้ชัดเจน ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของนกแก่ตัวนั้นที่กระทำการโดยประมาท มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเรา ท่านเซียนผู้สูงส่งโปรดอย่าตำหนิพวกเราเลย”

“ พวกเจ้าคิดง่ายกันเกินไป จากมุมมองของเรา นกแก่ตัวนั้นก็ได้ทำร้ายคนที่ไม่ควรเข้า แต่ในสายตาของผู้ยิ่งใหญ่นั้น เขาก็อาจจะคิดว่าสวรรค์นักบุญปีศาจของเราอาจกำลังดูหมิ่นเหยียดหยามเขา”

“ งั้นเราควรจะทำอย่างไรดี? เราควรทำอย่างไรเพื่อปัดเป่าความโกรธของผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ดี? ให้ตายเถอะ ถ้าเจ้านกแก่ไป่เฟิงนั่นต้องการจะตาย เขาก็ไม่เห็นจะต้องลากเราทั้งหมดไปตายด้วยเลย!”

“ ใจเย็นก่อน เราต้องใจเย็นเข้าไว้ เจ้าของสายตาคู่นั้นมีความเป็นไปได้สูงที่จะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของขอบเขตที่เก้า ฉะนั้นแล้วเราจึงต้องจัดการเรื่องนี้ให้ดีไม่งั้นเราก็จะเสร็จกันจริงๆ แน่”

“ แล้วเราจะจัดการกับอะไรได้บ้าง? เราจะจัดการกับมันได้อย่างไร? ในความคิดของฉัน เราก็ควรดึงวิญญาณปีศาจของเราออกมาโดยตรงเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ จากนั้นเราก็ควรไปคุกเข่าลงให้กับการดำรงอยู่ที่ยิ่งใหญ่นี้และยอมรับว่าเขาเป็นเจ้านายของเรา นี่เป็นเพียงทางออกเดียว”

“ แต่นี่มันไม่ใช่การทำลายอิสรภาพที่บรรพบุรุษของเผ่าปีศาจต่อสู้แทบตายเพื่อให้ได้มาอย่างยากลำบากหรอ? ถึงอย่างนั้นก็เถอะ วิกฤตในครั้งนี้ก็รุนแรงเกินไปจริงๆ มันดูเหมือนว่านี่จะเป็นเพียงทางเดียว”

“ นั่นเป็นเรื่องจริง ท้ายที่สุดแล้ว พวกเราก็คือจ้าวปีศาจ แต่กระนั้นแม้แต่เราก็ยังไม่สามารถจะปกป้องตัวเองได้ แล้วนับประสาอะไรกับสวรรค์ทั้งหมดล่ะ? ถ้าเราสามารถจบเรื่องนี้ได้ด้วยการคุกเข่ายอมจำนนจริง งั้นมันก็คุ้มแล้วล่ะ!”

ในขณะนี้ ความคิดของจ้าวปีศาจทั้งแปดก็ได้รวมกันเป็นหนึ่งอย่างน่าประหลาดใจ พวกเขาได้บรรลุฉันทามติเป็นครั้งประวัติการณ์

พวกเขาจะคุกเข่าและยอมรับว่าผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นเป็นเจ้านายของพวกเขาเพื่อเอาชีวิตรอด!

นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่พวกเขาคิดไว้!

การเผชิญหน้ากับการดำรงอยู่สูงสุดซึ่งอาจเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตที่เก้า นี่อาจเป็นวิธีเดียวที่เป็นไปได้จริงๆ

เมื่อขอบเขตของอีกฝ่ายสูงเกินไป แผนการ กลอุบาย หรือความคิดใดๆ ก็ล้วนไม่มีความหมาย

โลกสูญสวรรค์ เมืองต้าโจว

ในขณะนี้ ซุยเฮ็งก็กำลังตกตะลึงอย่างมากเช่นกัน อาจกล่าวได้ว่าเขารู้สึกประหลาดใจจนแทบจะพูดไม่ออก เขาพึมพำกับตัวเองว่า “ ผู้ชายคนนี้บอบบางขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ? แค่มองแวบเดียวเขาก็ตัวแตกยังกับเป็นตุ๊กตาดินเผาเลย...”

จริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้ต้องการจะฆ่าจ้าวปีศาจฟีนิกซ์ขาว

ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ยังไม่ได้มีความคิดที่จะเข้าสู่สวรรค์ใดๆ ก่อนที่จะไปถึงขอบเขตก่อเกิดวิญญาณ ยิ่งไปกว่านั้น การฆ่าจ้าวปีศาจเช่นนี้ก็ยังไม่ได้ให้ผลประโยชน์อะไรมากมายกับเขา

แผนเดิมของซุยเฮ็งคือการปลดปล่อยแรงดันวิญญาณออกมาเพื่อสร้างแรงกดดันต่อจ้าวปีศาจ จากนั้นเขาก็จะใช้ประโยชน์จากการเปิดประตูของแสงทองเจาะโลกเพื่อรับเอาข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับสวรรค์นักบุญปีศาจมา

และนั่นก็คือทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม มันก็บังเอิญมีอุบัติเหตุเล็กน้อยเกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการจริง

จากคำอธิบายของปี่หงก่อนหน้านี้ ซุยเฮ็งก็ได้ปฏิบัติต่อจ้าวปีศาจในฐานะผู้ฝึกตนขอบเขตรวมวิญญาณขั้นกลาง

ด้วยเหตุนี้เอง แรงดันวิญญาณที่เขาปล่อยออกมาจึงเป็นแรงกดดันสำหรับผู้ฝึกตนขอบเขตรวมวิญญาณขั้นกลาง

ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากวิญญาณของผู้ฝึกตนขอบเขตรวมวิญญาณนั้นไม่สามารถทำลายลงได้ ดังนั้นแรงกดดันที่เขาปล่อยออกมาจึงแข็งแกร่งขึ้นกว่าปกติอีกเล็กน้อย

และโดยไม่คาดคิด แม้ว่าจ้าวปีศาจจะมีลักษณะของผู้ฝึกตนขอบเขตรวมวิญญาณขั้นกลางและอ่อนแอกว่าผู้ฝึกตนขอบเขตรวมวิญญาณขั้นกลางเพียงเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย

ไม่ต้องพูดถึงการครอบครองดวงวิญญาณที่ทำลายไม่ได้เลย แม้แต่จิตวิญญาณของเขาเฉยๆ ก็ยังไม่แข็งแกร่งพอ

ทันทีที่มันสัมผัสเข้ากับแรงดันวิญญาณของซุยเฮ็ง ดวงวิญญาณของจ้าวปีศาจฟีนิกซ์ขาวก็ไม่สามารถทนได้แม้แต่วินาทีเดียว

มันระเบิดออกเป็นชิ้นๆ นับไม่ถ้วนโดยตรง!

จากนั้นพลังของร่างปีศาจก็เกิดคลุ้มคลั่งในขณะที่ดวงวิญญาณของเขาถูกทำลายและระเบิดออก

และจ้าวปีศาจแห่งยุคก็ได้ตายตกลงไปเช่นนั้น

ในขณะนี้ ปี่หงซึ่งอยู่ข้างๆ ซุยเฮ็งก็ตกตะลึงอีกครั้ง เขายังคงรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นจ้าวปีศาจฟีนิกซ์ขาวเปิดการเชื่อมต่อระหว่างโลกอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ในชั่วพริบตา หัวใจของเขาก็ตกลงสู่ก้นบึ้งแห่งความมืดมิดในทันที

ในฐานะสมาชิกภายใต้จ้าวปีศาจฟีนิกซ์ขาว ปี่หงก็รับรู้ถึงสถานการณ์ของจ้าวปีศาจฟีนิกซ์ขาวดี

ในเวลาเดียวกับที่จ้าวปีศาจฟีนิกซ์ขาวระเบิด เขาก็รู้สึกปวดหัวและรู้สึกเศร้าอย่างอธิบายไม่ได้

“ จ้าวปีศาจ… ตายแล้วหรอ!” ปี่หงพูดด้วยความงุนงง เขาแทบจะไม่เชื่อข้อเท็จจริงนี้

นั่นคือจ้าวปีศาจ!

จู่ๆ เขาจะตายได้อย่างไร?!

ในขณะนี้ เซียงเจินซึ่งยังคงปลอบโยนตัวเองอยู่นั้นก็ได้ยินคำพูดของปี่หง เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ดวงตาของเขาจะกลอกขึ้นไปและเขาก็หมดสติไปเพราะความกลัว

เขารู้ว่าจ้าวปีศาจนั้นหมายความว่าอย่างไร และการตายของจ้าวปีศาจนั้นหมายถึงอะไร

“ เป็นไปได้ยังไง เป็นไปได้ยังไง!” ปี่หงเอาแต่ส่ายหัวและพึมพำกับตัวเอง

ในขณะนี้ เขาก็ตกอยู่ในความสงสัยในตนเองอย่างลึกซึ้ง

ในความเข้าใจของปี่หง จ้าวปีศาจก็เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นยอดในโลกนับไม่ถ้วน

แบบนี้แล้วชายปริศนาที่จู่ๆ ก็โผล่มาจะฆ่าจ้าวปีศาจได้อย่างไร?

เป็นไปได้ยังไง!

เขาไม่สามารถเข้าใจได้เลย

“ ที่จริงนี่ก็เป็นแค่อุบัติเหตุ” ซุยเฮ็งส่ายหัวเบาๆ และถอนสายตาออกจากสวรรค์นักบุญปีศาจ

เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะสำรวจอะไรเพิ่มเติม

ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่ามันจะไม่มีสัตว์ประหลาดเฒ่าซ่อนตัวอยู่ในสวรรค์นักบุญปีศาจ

ไม่ว่าจะในกรณีใด หลังจากการเผชิญหน้าครั้งนี้ผ่านไป เขาก็ได้เข้าใจพิกัดของสวรรค์นักบุญปีศาจแล้ว หลังจากที่เขาไปถึงขอบเขตก่อเกิดวิญญาณแล้ว เขาก็จะสามารถเข้าไปตรวจสอบสถานการณ์ภายในนั้นได้โดยตรง

เขาไม่จำเป็นต้องรีบร้อน

ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

แต่ในขณะนี้ แสงที่แตกต่างกันแปดดวงก็ได้รวมตัวกันอยู่ในแสงทองเจาะโลกบนท้องฟ้า มันมีมังกร กิเลน ต้นไม้ ดอกไม้...

“ ดวงวิญญาณ?” ซุยเฮ็งมองเห็นแก่นแท้ของแสงเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและขมวดคิ้ว “ หรือว่าพวกเขาวางแผนที่จะมาล้างแค้นให้กับจ้าวปีศาจตนนั้น? พวกเขาต้องการจะรวมพลังกันและต่อสู้จนตัวตายหรอ?”

หากเป็นเช่นนั้น สวรรค์นักบุญปีศาจก็คงจะมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากจริงๆ เขาควรจะเด็ดขาดให้มากกว่านี้

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ซุยเฮ็งกำลังลังเลอยู่ว่าจะทำลายดวงวิญญาณเหล่านี้ดีหรือไม่ จู่ๆ แสงและเงาก็เปล่งข้อมูลที่แสดงถึงการยอมจำนน

“ คารวะท่านเซียนผู้สูงส่ง เราขอยอมรับท่านเป็นเจ้านายของเราและขอนำสวรรค์นักบุญปีศาจทั้งหมดเข้ามายอมจำนนต่อท่าน!!!”