ตอนที่ 238

บทที่ 238 : ความว่างเปล่ากลายเป็นจริง

ในตำหนักนักบุญสวรรค์

ยอดนักบุญสวรรค์หมอบตัวสั่นอยู่ที่มุมของตำหนัก

เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ซุยเฮ็งถึงเข้าสู่สถานะทะลวงขั้นหลังจากอ่านหนังสือไปบางเล่มและได้รับข้อมูลบางอย่าง

ยิ่งไปกว่านั้น แรงกดกันที่เขาแสดงออกมานั้นก็ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!

ยอดนักบุญสวรรค์รู้สึกราวกับว่าเขาเป็นเพียงเศษฝุ่นที่มีขนาดเล็กมาก

“ พลังนี้ เขาเป็นเพียงปราชญ์แน่หรอ?” ยอดนักบุญสวรรค์มองดูร่างของซุยเฮ็ง หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความกลัว

เขารู้สึกราวกับว่าคราวนี้เขากำลังฝันไป

ไม่ว่าจะเป็นบันทึกในตำหนักนักบุญสวรรค์หรือคำอธิบายของเทพศักดิ์สิทธิ์เทียนเหอ ขอบเขตปราชญ์ก็คือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนับไม่ถ้วนแล้ว

เป็นความจริงที่ปราชญ์นั้นอยู่ที่ขอบเขตที่หกของโลกเซียนเท่านั้น และมันก็ยังมีขอบเขตที่สูงไปกว่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในความรู้ของยอดนักบุญสวรรค์ ในช่วงหลายพันปีที่เขามีชีวิตอยู่มาและ 5,000 ปีแห่งชีวิตของบิดาของเขา มันก็ไม่เคยมีการดำรงอยู่ในระดับนั้นมาก่อน

ในท้ายที่สุด ตำนานก็เป็นเพียงตำนาน

แต่ตอนนี้มันก็แตกต่างออกไป

พลังที่ซุยเฮ็งแสดงออกมานั้นเกินความเข้าใจของเขาไปไกลแล้ว

นี่ไม่ใช่ขอบเขตปราชญ์แน่นอน

นี่อาจเป็นขอบเขตที่เจ็ดในตำนานหรือไม่!

ขอบเขตที่เจ็ดมีอยู่จริงในโลกนี้หรือไม่?

ย้อนกลับไปในตอนนั้น ผู้ปกครองทั้งสามของอาณาจักรเก้าเมฆาสวรรค์ก็เป็นเพียงปราชญ์เท่านั้น!

ในขณะนี้ ซุยเฮ็งก็ได้เข้าสู่สถานะทะลวงขั้นแล้ว

พลังของตัวอ่อนวิญญาณของเขาพุ่งออกมาจากตำหนักหนี่วานและเริ่มสอดประสานกับกฎของโลกภายนอก แสงที่ส่องมาจากตัวอ่อนวิญญาณของเขาดูเหมือนกับจะมีทุกสีเมื่อมันกระจายออกไป

ทันทีที่กฎต่างๆ สัมผัสกับแสงนี้ กฎเหล่านั้นก็จะเปลี่ยนจากกฎนามธรรมไปสู่รูปธรรม มันกลายเป็นแสงที่มีความหมายบางอย่าง

มีกฎนับไม่ถ้วนที่เกี่ยวกับธาตุทั้งห้า การสร้างชีวิตและอื่นๆ

กฎจำนวนนับไม่ถ้วนเปลี่ยนเป็นแสงสีต่างๆ ที่ห่อหุ้มร่างของซุยเฮ็ง

มันมีแม้กระทั่งชั้นของปรากฏการณ์ที่ปรากฏขึ้น มีพระราชวัง ดอกบัว พระจันทร์ส่องสว่าง พระอาทิตย์ดวงโตและอื่นๆ มันมีปรากฏการณ์ทุกประเภทเกิดขึ้น

ในร่างกายของซุยเฮ็ง โครงร่างของตัวอ่อนวิญญาณที่ยาวสามฟุตก็ได้ดูชัดเจนขึ้นมากแล้ว มันมีขนาดเกือบเท่ากับซุยเฮ็งแล้ว

นี่หมายความว่าเขาได้เสร็จสิ้นการฝึกตนขอบเขตรวมวิญญาณขั้นต้นแล้ว และสิ่งที่เขาจะต้องทำต่อไปก็คือปล่อยให้ทารกคนนี้เติบโตอย่างช้าๆ

ด้วยเหตุนี้เอง ในขณะที่พลังของตัวอ่อนวิญญาณนี้เชื่อมโยงกับกฎของโลกภายนอก ตัวอ่อนวิญญาณยาวสามฟุตในตำหนักสีม่วงจึงเริ่มเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม

มันแสดงสัญญาณของการขยายตัว ในบางครั้ง มันก็ดูเหมือนว่าจะโตขึ้นเล็กน้อย และในบางครั้ง มันก็จะหดกลับลง จากนั้นมันก็ขยายขึ้นแล้วหดกลับ... วัฏจักรนี้ดำเนินต่อไป มันขยายและหดตัวอย่างต่อเนื่อง...

ภายนอกตำหนักนักบุญสวรรค์ ปรากฏการณ์นี้ก็ได้สะเทือนโลกทั้งใบไปแล้ว

กฎจำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันเป็นสสาร ไม่ว่าจะกลายเป็นแสงหรือปรากฏการณ์ก็ตาม

สิ่งนี้ทำให้โลกสูญสวรรค์ทั้งหมดเปลี่ยนไป โลกเต็มไปด้วยแสงสว่างและปรากฏการณ์ต่างๆ ก็ทำให้ผู้คนสามารถเข้าใจกฎและหลักการบางอย่างได้อย่างรวดเร็ว

ด้วยเหตุนี้เอง ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกสูญสวรรค์จึงดูเหมือนจะได้รับการรู้แจ้งโดยร่างที่ทรงพลัง และระดับการฝึกตนของพวกเขาก็เพิ่มสูงขึ้น

ผู้ที่แต่เดิมเป็นเทวาสามารถกลายเป็นเซียนสวรรค์ได้

เซียนมนุษย์ทั้งหมดก้าวข้ามสองขอบเขตใหญ่และกลายเป็นเทวาในทันที ในบรรดา 12 ขั้นของโลกมนุษย์ ตราบใดที่ใครก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทียนแล้ว พวกเขาก็จะกลายเป็นเซียนมนุษย์ได้ในทันทและสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนปฐพีขั้นหนึ่งได้

ผู้ฝึกตนธรรมดาเองก็ได้รับการพัฒนาอย่างมากเช่นกัน หลายคนได้ไปถึงขอบเขตที่พวกเขาใฝ่ฝันมาตลอดทั้งชีวิต

อาจกล่าวได้ว่าในระหว่างการพัฒนาของซุยเฮ็ง ระดับพลังของโลกสูญสวรรค์ทั้งหมดก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด

เนื่องจากอิทธิพลของตัวอ่อนวิญญาณ กฎจำนวนนับไม่ถ้วนจึงปรากฏขึ้น มันทำให้กฎของโลกสูญสวรรค์มีความชัดเจนยิ่งขึ้น และในทางกลับกัน ปราณสวรรค์และปฐพีก็เริ่มหนาแน่นขึ้น

จากนี้ไป ทุกคนในโลกสูญสวรรค์ก็จะมีช่วงเวลาการฝึกตนที่ง่ายขึ้น

โดยเฉพาะขอบเขตหลังจากขอบเขตเซียนเทียน

เมื่อกฎจำนวนนับไม่ถ้วนควบแน่นจนกลายเป็นความจริงและกลายเป็นปรากฏการณ์ ความแตกต่างทางมิติทุกประเภท ทางเดินข้ามพรมแดน ดินแดนลึกลับโบราณและอื่นๆ จึงได้ปรากฏขึ้น ปรากฏการณ์ประหลาดได้ปรากฏขึ้นทุกที่บนพื้นดิน ดินแดนลึกลับได้เปิดออกและสมบัติหายากได้ปรากฏขึ้น

แม้แต่ตำแหน่งอันลึกลับของประตูภูเขาของอารามพุทธก็ยังถูกเปิดเผยภายใต้อิทธิพลนี้ มันไม่มีความลับอีกต่อไป

เป่ยฉิงซูและหลี่หมิงเฉียงต่างก็ตระหนักได้ถึงสถานการณ์นี้

นี่เป็นเพราะรอยแยกมิติสามแห่งได้ปรากฏขึ้นในหลินเจียง และด้วยรอยแยกมิตินี้ ใครๆ ก็สัมผัสได้ว่ามันกำลังเชื่อมต่อกับโลกใบเล็กๆ มันอาจเป็นดินแดนลึกลับโบราณหรือพื้นที่สมบัติที่หายาก

“ ท่านอาจารย์มีอำนาจทุกอย่างจริงๆ!” เป่ยฉิงซูอุทาน

“ จริงแท้” ดวงตาของหลี่หมิงเฉียงเต็มไปด้วยความประหลาดใจเช่นกัน เธอพยักหน้าและพูดว่า “ มันเป็นพรสำหรับเราแล้วที่สามารถเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์ได้”

….

นอกราชวงศ์ต้าโจว

ฮุ่ยฉีซึ่งกำลังนำศิษย์สองคนไปค้นหาสถานที่สำหรับจัดตั้งสำนักก็มองไปที่บนท้องฟ้าเช่นกัน

เขาเข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเขาเห็นชั้นของปรากฏการณ์และแสงนับไม่ถ้วน

“ ชื่อหง หยานหมิง ทำตามข้าและคำนับให้กับปรากฏการณ์บนท้องฟ้า” ฮุ่ยฉีพูดกับศิษย์สองคนที่อยู่ข้างๆ เขา จากนั้น เขาก็คุกเข่าลงอย่างเคารพไปยังทิศทางของหลินเจียง

เด็กชายตัวเล็กสองคนชื่อหงและหยานหมิงอายุเพียงเจ็ดขวบเท่านั้น พวกเขาทั้งสองเป็นเด็กกำพร้า หลังจากฮุ่ยฉีรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม พวกเขาก็อยู่เคียงข้างเขาและได้รับการเลี้ยงดูให้เป็นผู้สืบทอดของเขาหลังจากก่อตั้งสำนักแล้ว

เด็กทั้งสองสับสน แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าทำไมอาจารย์ของพวกเขาถึงต้องการให้พวกเขาเคารพบูชาแสงบนท้องฟ้า แต่พวกเขาก็เชื่อฟังอาจารย์ของพวกเขาเสมอ ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงคุกเข่าลงเช่นกัน

ด้วยการโค้งคำนับนี้ แสงบนท้องฟ้าก็ดูเหมือนกับจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง และลำแสงสองสายก็ส่องลงมาห่อหุ้มเด็กทั้งสองไว้

ฮุ่ยฉีตกตะลึงเมื่อเห็นสิ่งนี้ จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่านี่คือพลังแห่งกฎที่ชำระล้างไขกระดูกของเด็กทั้งสองและปรับปรุงพรสวรรค์กับรากฐานของพวกเขา มันช่วยให้พวกเขาเดินได้เร็วขึ้นและไกลขึ้นบนเส้นทางแห่งการฝึกตน

“ ขอบพระคุณท่านประมุขเซียน!”

….

หงคังซึ่งเข้าร่วมกับกองทัพปฏิวัติแล้วก็เห็นแสงสว่างบนท้องฟ้าเช่นกัน เขาสัมผัสได้ถึงออร่าของซุยเฮ็งจากมัน และเขาก็โค้งคำนับไปทางหลินเจียง

“ ขอแสดงความยินดีกับการพัฒนาครั้งยิ่งใหญ่ของท่านด้วย!”

….

ในตำหนักนักบุญสวรรค์

ซุยเฮ็งผู้ซึ่งนั่งไขว่ห้างโดยหลับตาอยู่ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ในขณะนี้ ปรากฏการณ์ภายนอกก็ได้พัฒนาจนขึ้นถึงขีดสุดแล้ว

โลกสูญสวรรค์ทั้งหมดเริ่มสั่นสะเทือนเล็กน้อย ชั้นของอากาศที่วุ่นวายเริ่มปรากฏขึ้นที่จุดตัดของสวรรค์และปฐพีทีละนิ้ว และพื้นที่มิติก็เริ่มยุบลง

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เมื่อซุยเฮ็งลืมตาขึ้น ปรากฏการณ์ทั้งหมดก็ดูเหมือนจะหยุดลงในทันที และจากนั้นพวกมันก็เริ่มหายไปอย่างรวดเร็ว

เงาตัวอ่อนวิญญาณขนาดมหึมาถูกดึงกลับไปในทันที และกฎนับไม่ถ้วนที่ควบแน่นเป็นสสารและปรากฏการณ์ก็ได้สลายไปอย่างรวดเร็ว

การก้าวหน้าของซุยเฮ็งเสร็จสมบูรณ์แล้ว!

ตัวอ่อนวิญญาณของเขาได้ทะลุความสูงเดิมสามฟุตและเติบโตเป็นสามฟุตหนึ่งนิ้วแล้ว

อย่างไรก็ตาม ความสูงเพียงหนึ่งนิ้วนี้ก็ทำให้เขาสามารถทะลวงผ่านพันธนาการของขอบเขตของเขาและก้าวเข้าสู่ขอบเขตรวมวิญญาณขั้นกลางได้ ในขณะเดียวกัน มันก็นำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาให้เขาด้วย

ประการแรก มันเป็นการพัฒนาแก่นแท้ของพลังปราณของเขา เมื่อเทียบกับร่างกายของขอบเขตรวมวิญญาณขั้นต้นแล้ว เขาก็เป็นเหมือนกับมดที่ได้กลายไปเป็นช้าง เพียงแค่ลมหายใจเดียว เขาก็สามารถทำลายผู้ฝึกตนขอบเขตรวมวิญญาณขั้นต้นได้

แน่นอนว่าการฆ่าเลยทันทีนั้นเป็นไปไม่ได้

นี่เป็นเพราะหลังจากที่ตัวอ่อนวิญญาณออกจากร่างแล้ว มันก็มีความสามารถในการบินผ่านความว่างเปล่าและก้าวข้ามระยะทางที่ไกลมากได้ในทันที ไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกตนขอบเขตรวมวิญญาณขั้นกลางเลย แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตรวมวิญญาณขั้นปลายก็ยังอาจไม่สามารถตามทันการหลบหนีของผู้ฝึกตนขอบเขตรวมวิญญาณขั้นต้นได้

ท้ายที่สุดแล้ว นี่ก็เป็นเพียงการเพิ่มขึ้นของขั้นเล็กๆ และแค่นี้ซุยเฮ็งก็พอใจกับการปรับปรุงดังกล่าวมากแล้ว

สิ่งที่ทำให้เขาพึงพอใจที่สุดก็คือพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เขาได้รับมาหลังจากทะลวงเข้าสู่ขอบเขตรวมวิญญาณขั้นกลาง

เขาสามารถใช้ "ความรู้" ที่ได้รับมาจากการสำรวจส่วนตัวของเขาเพื่อขัดเกลาความว่างเปล่าให้กลายเป็นความจริงได้!