ตอนที่ 180 - บทที่ 180 ช่วยอ่อนโยนกับเขาด้วยละกัน!

บทที่ 180 ช่วยอ่อนโยนกับเขาด้วยละกัน!

แต่นี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขา

ยิ่งบุกทะลวงเข้าสู่ขอบเขตการกลั่นชีพจรได้เร็วเท่าไร ประโยชน์ของการเสริมสร้างร่างกายก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

หลังจากตรวจสอบอีกครั้งและยืนยันว่าไม่ได้มองข้ามอะไรไป เฉินฟานก็มองออกไป

เขามองดูแขนของเขา และคิดว่าคันธนูที่มีแรงน้าว 5,000 ปอนด์อาจไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเขาได้แล้วตอนนี้

แต่มันควรจะมากเกินพอที่จะฆ่าสัตว์อสูรระดับสูงได้

หลังจากเก็บเงินได้เพียงพอแล้ว มันก็ยังสายเกินไปที่จะเปลี่ยนไปใช้คันธนูที่ทรงพลังกว่านี้

“ไปฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ขั้นพื้นฐานกับลุงจางต่อดีกว่า”

แต่ทันทีที่เฉินฟานลุกขึ้น เขาก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

เขาคิดว่าเขามีภาพลวงตาอยู่ครู่หนึ่ง และใช้เวลานานก่อนที่เขาจะรู้ตัว

“เป็นประธานสาขา”

เมื่อเห็นชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ เฉินฟานก็แสดงความตื่นเต้นบนใบหน้าของเขา

หรือว่ามันจะเป็น..?

เขารีบเชื่อมต่อโทรศัพท์ “สวัสดีครับ ประธานหรือป่าว?”

“ใช่..ข้าเอง น้องเฉิน”

เสียงหัวเราะของซุนเว่ยมาจากโทรศัพท์ "ดูเหมือนว่าเจ้าจะเดาได้ว่าทำไมข้าถึงโทรหาเจ้า"

เฉินฟานยิ้มและถามอย่างคาดหวัง "ท่านประธาน คันธนูและลูกธนูถูกส่งมาจากสำนักงานใหญ่แล้วเหรอ?"

"ใช่แล้วล่ะ"

ซุนเว่ยยิ้มและพูดว่า "หลังจากรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเจ้าแล้ว สำนักงานใหญ่ก็จริงจังกับมันมาก และส่งคนจากชิงเฉิงที่อยู่ใกล้เคียงมาเพื่อส่งสิ่งของให้เจ้าทันที และ..."

เสียงของเขาหยุดกะทันหัน

หลังจากรอคอยมาเป็นเวลานาน เฉินฟานก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า "และอะไร..?"

“นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเซอร์ไพรส์อีกมาก ข้าไม่สามารถพูดถึงเรื่องเหล่านั้นทางโทรศัพท์ได้ เจ้าจะรู้เองเมื่อเจ้ามาถึง สรุปง่ายๆ ก็คือ สำนักงานใหญ่ให้ความสำคัญกับเจ้าอย่างมาก”

ซุนเว่ยพูดอย่างดึงดูดความสนใจของเขาอย่างมาก

"ก็ได้"

เฉินฟานไม่สามารถหัวเราะหรือร้องไห้ได้

โชคดีที่ความรวดเร็วของสำนักงานใหญ่นั้นเกินความคาดหมายของเขาจริงๆ

ตอนแรกเขาคิดว่ามันจะมาถึงบ่ายวันนี้หรือพรุ่งนี้

“ประธาน ข้าจะไปที่นั่นทันที”

“ดี ระวังระหว่างทางด้วยล่ะ”

ซุนเว่ยวางสายโทรศัพท์หลังจากพูดให้คำแนะนำกับเขา

"ประธาน"

มีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังซุนเว่ย

“คนที่ท่านโทรหาคือนักรบจากสาขาของเรา นักรบที่เพิ่งเข้าร่วมใหม่คนนั้นนะหรือ?”

คนที่พูดเป็นชายร่างกำยำ สูงประมาณ 1.8 เมตร โดยกางแขนออก เผยกล้ามหน้าอกอันแข็งแกร่งสองมัด ทางด้านซ้ายมีแผลเป็นสิบเซนติเมตรซึ่งดูน่ากลัวอย่างมาก

ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ยังมีคนอีกห้าคนอยู่รอบๆ ที่ทั้งยืนหรือนั่งบนโซฟา

ในจำนวนนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งที่สูงกว่า 1.6 เมตร มีผิวสีข้าวสาลีและมีกล้ามเนื้อโป่งบนแขนของเธอ เธอเต็มไปด้วยพลังที่ราวกับจะระเบิดออกมาทั่วร่างกาย เธอเหมือนเป็นเสือดาวตัวเมียที่แข็งแกร่ง

เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายร่างกำยำพูด ทั้งห้าคนก็มองดูด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน

"ใช่"

ซุนเว่ยหันกลับมายิ้มแล้วพูดว่า "ข้าจะแนะนำให้พวกเจ้าทีหลัง เขาเพิ่งเข้าร่วมเมื่อวานนี้ ตอนนั้นพวกเจ้าไม่อยู่ที่นั่น ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าคงได้รู้จักกันไปแล้ว"

“ความแข็งแกร่งของเขาคืออะไรล่ะ ถ้าเป็นขอบเขตหมิงจิน งั้นก็ลืมมันซะ”

ชายคนหนึ่งพิงกำแพงโดยเอามือประสานไว้เหนือหน้าอกพูดอะไรบางอย่างที่ราวกับไร้เยื่อใยออกมา

“ฟานซุย เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร?”

จู่ๆ ผู้หญิงบนโซฟาก็ไม่พอใจ "ใครบ้างที่ไม่ได้มาจากนักรบขอบเขตหมิงจิน? นอกจากนี้เจ้าก็ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเห่ยจินได้เพียงหนึ่งปีเท่านั้นไม่ใช่หรือ?"

ฟานซุยขมวดคิ้ว และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ชายวัยกลางคนที่มีหน้าตาซื่อสัตย์ก็เข้ามาคลี่คลายเรื่องราว

“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้วฟานซุย ที่ตู้เยว่พูดมาก็ถูก ทุกคนมาจากขอบเขตหมิงจิน แม้แต่นักรบฮัวจินก็เหมือนกัน”

เขามองไปที่ตู่เยว่อีกครั้ง "ตู้เยว่ ไม่ใช่ว่าเจ้าก็ไม่รู้ว่าฟานซุยเป็นคนอารมณ์ไหน เขาแค่กังวลว่าคนใหม่คนนี้จะไปออกล่าสัตว์กับเราและลากพวกเราลงเหวเท่านั้น"

"หึ"

ฟานซุยแค้นเสียงอย่างเย็นชา

"อะแฮ่ม"

ซุนเว่ยไอเบา ๆ เหลือบมองฟานซุยแล้วพูดว่า

“เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับขอบเขตของเขา เพราะนักรบที่เข้าร่วมนั้นเป็นนักรบขอบเขตเห่ยจิน”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หลายคนในห้องรวมทั้งตู่เยว่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน

ลึกเข้าไปในถิ่นทุรกันดารนั้น มีอันตรายอยู่ทุกหนทุกแห่ง และยิ่งเจ้ามีความแข็งแกร่งมากเท่าไร เจ้าก็ยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น

หากความแข็งแกร่งของเขาอ่อนแอ ก็ลำบากมากสำหรับพวกเขาที่จะดึงเขาขึ้นมา หรือบางทีมันอาจจะทำร้ายตัวเองไปด้วย

“ยังไงก็ตาม เขาพึ่งอายุสิบเจ็ดปีเท่านั้น”

สิ้นเสียงนี้ และทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงัน

“ท่านประธาน เมื่อกี้ท่านพูดว่าอะไรนะ?”

ชายร่างกำยำที่ถามก่อนมองซุนเหว่ยด้วยความประหลาดใจ

“นักรบขอบเขตเห่ยจิน อายุสิบเจ็ดปีงั้นหรือ?”

ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น ฟานซุย ตู่เยว่ และคนอื่น ๆ ก็มีสีหน้าไม่เชื่อเช่นกัน

พวกเขาหลายคนอยู่ที่นี่ และโดยทั่วไปแล้วพวกเขาจะอายุสามสิบเศษ

มากกว่าสี่สิบก็ยังมี

เพียงแต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นเหนือกว่าคนทั่วไปมาก และทำให้พวกเขาก็ดูเด็กลงด้วย

ซุนเหว่ยเหลือบมองดูพวกเขาที่อยู่ตรงนั้น ยิ้มแล้วพูดว่า "พวกเจ้าได้ยิถูกแล้ว ขอบเขตเห่ยจินอายุสิบเจ็ดปี"

"เฮือก..."

ทันใดนั้นก็มีเสียงดูดอากาศในห้องโถง

หลายคนมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง

พวกเขารู้จักอุปนิสัยของประธานเป็นอย่างดี และเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดเล่นอะไร เขาเป็นคนที่จริงจังและเคร่งขรึม

แต่ข่าวนี้มันยากที่จะเชื่อไม่ใช่หรือ?

ไม่ต้องพูดถึงนักรบเห่ยจินอายุสิบเจ็ดปี แม้ว่าเขาจะอายุยี่สิบเจ็ดปีในความเห็นของพวกเขา พรสวรรค์ของเขาก็น่ากลัวอย่างมากอยู่แล้ว

“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่เชื่อ แต่ข้าได้ตรวจสอบความแข็งแกร่งของบุคคลนั้นเป็นการส่วนตัวแล้ว และเขาเป็นนักรบเห่ยจินจริงๆ”

ซุนเว่ยยิ้มมากขึ้น “เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ตอนแรกข้าก็ตกใจเหมือนกันเพราะเขายังเด็กมาก ถ้าพวกเจ้ายังไม่เชื่อ พวกเข้าสามารถถามพวกเธอสองคนได้”

ขณะที่เขาพูด เขาก็ชี้ไปที่หญิงสาวสวยสองคนที่อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์

หลายๆคนมองข้ามไป

"เอ่อฮะ"

สาวผมสั้นคนหนึ่งยกมือขึ้นจับหน้า มีดวงดาวในดวงตา “ท่านประธานพูดถูก คนนั้นอายุน้อยมาก หล่อ สุภาพ เสียงดี และยิ้มมีเสน่ห์อีกด้วย”

"..."

ชายร่างกำยำที่ชื่อซู่เจียและคนอื่น ๆ มีขนลุกไปทั่วศีรษะ และอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ผู้หญิงผมยาวอีกคน

ผู้หญิงคนนั้นหน้าแดงเล็กน้อยและพูดว่า "คนนั้นยังเด็กมาก อายุน้อยกว่าเราสองหรือสามปี"

"..."

ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถพูดได้อีกต่อไปแล้ว

ท่านประธานได้ทดสอบความแข็งแกร่งของเขาแล้ว และเสี่ยวเกาและคนอื่นๆ ก็ได้เห็นหน้าตาของตัวเองเช่นกัน

อีกอย่างสามคนนี้ไม่จำเป็นต้องโกหกพวกเขาเลย

มันคือนักรบเห่ยจินอายุสิบเจ็ดปีจริงๆเหรอ?

ถ้าเป็นเช่นนั้นสมาคมจะสามารถรับคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้งั้นหรือ?

“ยังไงก็เถอะ” จู่ๆ สตรีผมยาวก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้ และรีบพูดว่า “บุคคลนั้นดูเหมือนจะเป็นนักรบที่สะพายธนูอีกด้วย”

“นักรบที่ใช้ธนูเป็นหลักงั้นหรือ?”

"นักธนู?"

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา ทำให้สีหน้าของพวกเขาดูเหมือนว่าพวกเขาจะค้นพบทวีปใหม่แล้ว

นักรบที่ใช้กระบี่และดาบนั้นมีทั่วไปอย่างมาก แต่นักรบผู้ที่ใช้ธนูนั้นหายากมากไม่ใช่เหรอ? และนักรบที่มีจุดเด่นด้านร่างกายจะไปใช้ธนูเป็นอาวุธหลักเพื่อกลบจุดเด่นของตัวเองทำไม?

"ประธาน.." ซู่เจียถามอย่างสงสัย “ผู้มาใหม่คนนี้ใช้ธนูจริงๆหรือ?”

"อืม"

ซุนเว่ยพยักหน้า “เป็นเรื่องจริงที่เขาใช้ธนู และคราวนี้ผู้มาใหม่ได้เลือกรางวัลเป็นธนูและลูกธนูอีกด้วย”

"นี้..?" หลายคนเจ้ามองข้าและข้ามองเจ้า

ผู้มาใหม่คนนี้ไม่โง่ไปหน่อยเหรอ?

คันธนูและลูกธนูนั้นในด้านพลังทำลายล้างและระยะจะเทียบกับปืนกลได้อย่างไร?

ซุนเว่ยไอออกมา แต่เขายังไม่ได้บอกว่าสิ่งที่เฉินฟานปฏิเสธคือปืนกล 40 มม.

“โอเค เมื่อกี้ข้าได้คุยโทรศัพท์กับเขาและเขาบอกว่าเขากำลังจะมา พวกเจ้าจะได้พบเขาในอีกไม่นานนี้ หากพวกเจ้ามีคำถามใดๆก็สามารถถามเขาได้โดยตรง..

..จากนั้นในอนาคตทุกคนก็จะเป็นสมาชิกสาขาเดียวกัน เราจึงต้องร่วมมือกันและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แม้ว่าน้องเฉินจะมีความสามารถมาก แต่เขาก็ยังเด็กอยู่ สำหรับในเรื่องของการล่าสัตว์อสุรนั้น พวกเจ้าควรดูแลเขาให้มากกว่านี้ "

หลายคนมองหน้ากันและพวกเขาก็พากันพยักหน้า

แต่เขาเลือกวิธีการต่อสู้ด้วยธนูและลูกธนู มันเกินไปหน่อยมั้ย? พวกเขาสงสัยอย่างจริงจังว่าเมื่อถึงเวลาออกล่าสัตว์ ผู้มาใหม่รายนี้อาจจะไม่มีโอกาสได้เคลื่อนไหวเลยด้วยซ้ำ

เป็นตู้เยว่ซึ่งเป็นผู้นำและพูดด้วยรอยยิ้ม "ท่านประธานไม่ต้องกังวล ในที่สุดทีมของเราก็มีผู้มาใหม่แล้ว และเราจะดูแลเขาเป็นอย่างดีแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นตามที่เสี่ยวหลี่พูด ผู้มาใหม่คนนี้ยังคงเป็นหนุ่มหล่อด้วยใช่ไหม?"

“ตู้เยว่ เจ้าคงไม่ใช่วัวแก่กินหญ้าอ่อนหรอกใช่ไหม?” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

"มารดาเจ้าสิ" ตู้เยว่โยนหมอนออกมา และเลิกคิ้วตั้งตรง "สุนัขไม่สามารถพ่นงาช้างออกจากปากได้จริงๆ"

"เฮ้เฮ้…เฮ้"

ชายคนนั้นหยิบหมอนขึ้นมาและยิ้มอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

“เอาล่ะ มู่จือเว่ย อย่ามาขัดจังหวะที่นี่ ข้าคิดว่าประธานพูดถูก”

ชายวัยกลางคนที่พยายามจะเรียบเรียงสิ่งต่าง ๆ ก่อนที่จะพยักหน้า “ถ้าน้องชายคนนี้เป็นนักรบเห่ยจินอายุสิบเจ็ดปีจริง ๆ ศักยภาพของเขาน่าจะสูงกว่าของเรามาก และเป็นที่แน่นอนว่าเขาจะเข้าสู่ระดับสูงในอนาคต เจอกันคราวนี้เราต้องดูแลเขาอย่างมาก และแม้ว่าเขาจะเลือกธนูเป็นอาวุธหลักก็ไม่เป็นไร มันควรเป็นเหตุผลของเขา นี่คืออิสรภาพในการเลือกของเขา อย่าเข้าไปยุ่งเลย”

"นั่นก็จริง"

มีคนพยักหน้าเห็นด้วย

"ดูแลงั้นเหรอ? ไม่มีปัญหา"

ซู่เจียเตรียมพร้อมและพูดด้วยความคาดหวัง "ข้าหวังว่าจะได้พบเขาทันที เพื่อประลองกับเขา และดูว่าเขาเก่งอย่างที่ประธานพูดไว้หรือป่าว"

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าควรจะอ่อนโยนกับเขาเมื่อถึงเวลา”....

………….