ตอนที่ 244 : ความเร็วของภูติทมิฬ! การพบกันครั้งแรกของแดนต้องห้ามพายุทราย!

โจวโจวมองไปที่ห้องโดยสารขนาดใหญ่ของกัปตัน

ห้องของกัปตันห้องนี้เพียงห้องเดียวจะกินพื้นที่หนึ่งในสี่ของภูติทมิฬแล้วหากไม่มีเทคโนโลยีมิติซ้อนทับ

“เจ้าค่ะ ห้องโดยสารของกัปตันทั้งหมดใช้พื้นที่เพียงหนึ่งในพันของปริมาตรทั้งหมด เนื่องจากเทคโนโลยีมิติซ้อนทับ ถ้าใช้พื้นที่ในตัวเรือบินทั้งหมดและมีพลังงานพอ ภูติทมิฬก็จะสามารถจุคนได้ทั้งหมด 200,000 คน”

หน้าจอเสมือนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าของโจวโจวขณะที่เหวินหยาพูดจบ

หน้าจอเสมือนจริงแบ่งออกเป็น 10 ส่วน

แต่ละส่วนมีทหารของกองทัพตะวันสาดแสงอยู่ประมาณ 5,000 คน

เขาสามารถมองเห็นสีหน้าของเหล่าทหารได้อย่างชัดเจนผ่านหน้าจอ เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าพวกเขากำลังประหลาดใจต่อภูติทมิฬลำนี้

โจวโจวลอบพยักหน้าออกมา

“ท่านลอร์ด พวกเราจะไปไหนกัน?”

เหวินหยาถาม

“ภูมิภาคระดับเงินขาว—ดินแดนรกร้างฝุ่นผง”

หลังจากพูดแบบนั้นออกไป โจวโจวก็ยื่นแผนที่ให้กับเหวินหยาและบอกให้เธอทำสำเนาไว้และบรรจุมันไว้ในฐานข้อมูลของเธอ

ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ถอนกำลังกลับไประหว่างทางและได้หยุดโจมตีภูมิภาคนี้เพราะการจู่โจมของเจ้าอัศวิน

ในตอนนี้ที่ปัญหาถูกแก้ไขแล้ว เขาจึงเลือกที่จะเดินทางต่อ

“เจ้าค่ะท่านลอร์ด!”

เหวินหยากล่าวด้วยความเคารพ

“ไปกันเถอะ”

โจวโจวพูดออกมา

ในทันทีที่เขาพูดจบ ข้อความแจ้งเตือนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขาบนหน้าจอเสมือนจริง

[ตามคำสั่งของท่าน!]

[ภูติทมิฬกำลังออกเดินทาง…]

[จุดหมายปลายทางคือ: ภูมิภาคระดับเงินขาว — ดินแดนรกร้างฝุ่นผง]

[ระยะทาง: ประมาณ 174 กิโลเมตร]

[เวลาในการเดินทาง: 2 นาที 24 วินาที]

[ท่านลอร์ด โปรดอดทนรอสักครู่]

โจวโจวไม่ได้ให้ความสนใจกับครึ่งแรกเท่าไร อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้ยินเวลาที่ใช้ในการเดินทางแค่สองนาทีกว่าๆ เขาก็อึ้งไปในทันที

“มันใช้เวลาเท่าไรนะ?”

เขาถามออกมาทันที

“2 นาที 24 วินาทีเจ้าค่ะ ความคาดเคลื่อนนี้คงจะไม่เกิน 0.01 วินาที!”

เหวินหยากล่าว

โคตรสุดยอด!

โจวโจวอดเดาะลิ้นไม่ได้

หากปราศจากความช่วยเหลือจากพลังภายนอกเช่นค่ายกลทัพของอู๋ซินหรือไอเท็มและทักษะอื่นๆ กองทัพตะวันสาดแสงของเขาก็จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการเดินทางจากเมืองตะวันสาดแสงไปยังชายขอบของที่ราบป่าเฉา

ในทางกลับกัน ภูติทมิฬกลับใช้เวลาแค่ 2 นาทีเท่านั้น

ประสิทธิภาพนี้เพิ่มขึ้นทั้งหมด 60 เท่า!

นี่คือยานบินระดับบรอนซ์เขียวขั้นสูงงั้นเหรอ?

โจวโจวชอบมันมาก

“ออกเดินทาง!” เขากล่าว

“เจ้าค่ะ!”

ในขณะที่ยานบินออกเดินทาง โจวโจวก็อดไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงอนาคตที่สดใสของเขาในการพิชิตดินแดนภูมิภาค ซึ่งจะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าด้วยความช่วยเหลือของภูติทมิฬ

ในเวลานั้นเอง จู่ๆ เขาก็ได้รับข้อความจากทางไกล

“เจิ้งฝูกู่ไปถึงแดนต้องห้ามพายุทรายแล้วเหรอ?”

โจวโจวเลิกคิ้วขึ้น

“เหวินหยา เรียกข้าด้วยนะถ้าไปถึง ข้ามีเรื่องอื่นต้องไปทำ”

เขากล่าว

“เจ้าค่ะท่านลอร์ด!”

เหวินหยากล่าวด้วยความเคารพ

โจวโจวพยักหน้าและหลับตาลง จิตสำนึกของเขาปรากฏขึ้นอีกครั้งบนร่างของค้างคาวโลหิตที่อยู่ห่างออกไปกว่า 300 กิโลเมตร

ดินแดนภัยพิบัติต้องห้ามระดับบรอนซ์เขียว—แดนต้องห้ามพายุทราย!

กองคาราวาน 51 คนและรถม้า 30 คันยืนอยู่ที่ขอบของแดนต้องห้ามพายุทราย

มันคือคาราวานเร้นลับที่มีเจิ้งฝูกุ่ยเป็นผู้นำและมีนักโบราณคดีกู่โป้อยู่ด้วย

ในเวลานี้ พวกเขาต่างก็ยืนล้อมค้างคาวโลหิตตัวหนึ่งไว้ด้วยความเคารพ

พวกเขาต่างพากันเงียบเสียง และมีสีหน้าเคร่งขรึมและเคารพ

เมื่อรวมกับเสื้อผ้าที่ดูลึกลับราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว มันก็ราวกับว่าพวกเขากำลังต้อนรับการจุติของเทพเจ้าผู้ชั่วร้าย

ในไม่ช้า ค้างคาวโลหิตตัวนั้นก็ลืมตาขึ้นมองพวกเขา

“คาราวะท่านลอร์ด!”

ทุกคนกล่าวออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน

“ทำได้ดีมาก”

ค้างคาวโลหิตพยักหน้า

มันคือโจวโจวที่เพิ่งถ่ายทอดจิตสำนึกของเขามา

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาควบคุมค้างคาวโลหิต ดังนั้นเขาจึงปรับตัวเข้ากับสถานะปัจจุบันได้อย่างรวดเร็ว

จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆ และสายตาของเขาก็ไปจดจ้องที่พายุทรายซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก

ห่างออกไปกว่าพันเมตร

พายุทอร์นาโดสีเหลืองกำลังพัวพัน รวมตัวกัน ชนกัน และแยกออกจากกันอย่างต่อเนื่อง...

พวกมันมีจำนวนนับไม่ถ้วนเลย

เมื่อมองแวบแรก โจวโจวราวกับได้เห็นวันโลกาวินาศที่เกิดจากพายุทอร์นาโดและพายุทรายเหล่านี้

สายลมโหยหวนไม่รู้จบ!

เสียงลมที่เสียดหูและแหลมคมทำให้โจวโจวปวดแก้วหู

แม้ว่านี่จะเป็นเพียงแก้วหูของค้างคาวโลหิต แต่มันก็ยังทำให้โจวโจวตระหนักได้ว่าแดนต้องห้ามพายุทรายนั้นไม่ธรรมดาเลย

ตามที่คาดไว้จากดินแดนภัยพิบัติต้องห้าม

โจวโจวคิดกับตัวเอง

“พวกเราจะเข้าไปได้ยังไง?”

ค้างคาวโลหิตมองไปยังเจิ้งฝูกุ่ย

“ท่านลอร์ด ตามพวกเรามาได้เลย นอกจากนี้ ก่อนจะเข้าไป ข้าจำเป็นต้องปลอมตัวให้กับพวกท่านทั้งสองคนก่อน”

เสียงของเจิ้งฝูกุ่ยทุ้มต่ำ ราวกับเทพเจ้ากำลังพูดกับท้องฟ้ายามราตรี

เขาไม่ได้มีน้ำเสียงที่ใจดีเหมือนเดิมแล้ว

ค้างคาวโลหิตและกู่โป้มองหน้ากันและพยักหน้าออกมา

เจิ้งฝูกุ่ยเหยียดมือขวาของเขาที่ก่อตัวขึ้นจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและโบกมือเบาๆ ไปยังพวกเขาสองคนเมื่อเห็นเช่นนี้

จากนั้นเขาก็เห็นว่าเครื่องแบบกองคาราวานที่เหมือนกับชุดคาราวานเร้นลับค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนร่างของค้างคาวโลหิตและกู่โป้ เพียงแต่ว่าขนาดของมันต่างกันเท่านั้นเอง

“ด้วยวิธีนี้ พวกท่านก็จะไม่ต้องเป็นกังวลว่าราชาอันเดดจะสงสัยเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของพวกท่านแล้ว”

เจิ้งฝูกุ่ยหัวเราะ

โจวโจวพยักหน้ารับ

จากนั้นเจิ้งฝูกุ่ยก็นำทุกคนและกองคาราวานเข้าไปยังแดนต้องห้ามพายุทรายโดยไม่ลังเล

เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้ๆ ทุกคนก็ดูเหมือนจะผ่านกำแพงน้ำและเดินตรงเข้าไปในแดนต้องห้ามพายุทรายทันที

ใต้แดนต้องห้ามพายุทราย

ในโบราณสถานที่ทรุดโทรม

มันมีอาคารถล่มจำนวนมาก ซากศพของสิ่งมีชีวิต และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เน่าเสียมานาน

ในจำนวนนี้มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเก่าที่ชำรุดบางส่วนที่แกะสลักอยู่บนผนังสีเหลืองซึ่งสะดุดตาเป็นพิเศษ

ในเวลานี้เอง ณ กลางอากาศ

เจิ้งฝูกุ่ย โจวโจว และคนอื่นๆ ก็กำลังเดินออกมาจากระลอกคลื่นทีละคนๆ

“มันให้ความรู้สึกคล้ายกับการใช้ค่ายกลข้ามมิติ แต่ก็มีความแตกต่างอยู่เล็กน้อยด้วยเหมือนกัน”

โจวโจวคิด

“ท่านลอร์ด พวกเราใช้สิทธิ์การผ่านไม่จำกัดของคาราวานเร้นลับเพื่อเข้ามายังสถานที่แห่งนี้โดยตรง ต่อไปพวกเราต้องเดินทางผ่านค่ายกลข้ามมิติและวาร์ปไปยังใต้พื้นดิน จากนั้นพวกเราก็จะได้เจอกับสองคู่รักอันเดดแล้ว”

เจิ้งฝูกุ่ยพูดถึงค่ายกลข้ามมิติที่อยู่ไม่ไกลซึ่งกำลังเปล่งแสงสีเงินจางๆ อยู่

โจวโจวมองดูค่ายกลข้ามมิติและพยักหน้า

ในเวลานั้นเอง เขาก็เห็นกู่โป้กำลังเอนตัวพิงพนักและมองไปยังภาพจิตรกรรมฝาผนังตรงหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ

“ผู้อาวุโสกู่พบอะไรงั้นเหรอ?”

โจวโจวสลัดความคิดที่จะออกเดินทางออกไปชั่วคราวและเดินไปถามเขาข้างๆ ด้วยความสุภาพ

“ไม่ใช่การค้นพบที่ยิ่งใหญ่อะไรขอรับ แต่ข้ารู้ต้นกำเนิดของพวกมันคร่าวๆ หากว่ามีอาณาจักรอันเดดอยู่ด้านล่างจริงๆ”

กู่โป้กล่าว

“โปรดเล่ามาได้เลย”

โจวโจวสนใจ

เขาไม่ได้รีบอยู่แล้ว ดังนั้นการได้ฟังก่อนจึงไม่ได้เสียหายอะไร อย่างที่เขาบอกว่ารู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง

จากนั้นกู่โป้ก็เริ่มเล่าให้โจวโจวฟัง