โจวโจวมองไปที่ห้องโดยสารขนาดใหญ่ของกัปตัน
ห้องของกัปตันห้องนี้เพียงห้องเดียวจะกินพื้นที่หนึ่งในสี่ของภูติทมิฬแล้วหากไม่มีเทคโนโลยีมิติซ้อนทับ
“เจ้าค่ะ ห้องโดยสารของกัปตันทั้งหมดใช้พื้นที่เพียงหนึ่งในพันของปริมาตรทั้งหมด เนื่องจากเทคโนโลยีมิติซ้อนทับ ถ้าใช้พื้นที่ในตัวเรือบินทั้งหมดและมีพลังงานพอ ภูติทมิฬก็จะสามารถจุคนได้ทั้งหมด 200,000 คน”
หน้าจอเสมือนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าของโจวโจวขณะที่เหวินหยาพูดจบ
หน้าจอเสมือนจริงแบ่งออกเป็น 10 ส่วน
แต่ละส่วนมีทหารของกองทัพตะวันสาดแสงอยู่ประมาณ 5,000 คน
เขาสามารถมองเห็นสีหน้าของเหล่าทหารได้อย่างชัดเจนผ่านหน้าจอ เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าพวกเขากำลังประหลาดใจต่อภูติทมิฬลำนี้
โจวโจวลอบพยักหน้าออกมา
“ท่านลอร์ด พวกเราจะไปไหนกัน?”
เหวินหยาถาม
“ภูมิภาคระดับเงินขาว—ดินแดนรกร้างฝุ่นผง”
หลังจากพูดแบบนั้นออกไป โจวโจวก็ยื่นแผนที่ให้กับเหวินหยาและบอกให้เธอทำสำเนาไว้และบรรจุมันไว้ในฐานข้อมูลของเธอ
ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ถอนกำลังกลับไประหว่างทางและได้หยุดโจมตีภูมิภาคนี้เพราะการจู่โจมของเจ้าอัศวิน
ในตอนนี้ที่ปัญหาถูกแก้ไขแล้ว เขาจึงเลือกที่จะเดินทางต่อ
“เจ้าค่ะท่านลอร์ด!”
เหวินหยากล่าวด้วยความเคารพ
“ไปกันเถอะ”
โจวโจวพูดออกมา
ในทันทีที่เขาพูดจบ ข้อความแจ้งเตือนก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขาบนหน้าจอเสมือนจริง
[ตามคำสั่งของท่าน!]
[ภูติทมิฬกำลังออกเดินทาง…]
[จุดหมายปลายทางคือ: ภูมิภาคระดับเงินขาว — ดินแดนรกร้างฝุ่นผง]
[ระยะทาง: ประมาณ 174 กิโลเมตร]
[เวลาในการเดินทาง: 2 นาที 24 วินาที]
[ท่านลอร์ด โปรดอดทนรอสักครู่]
โจวโจวไม่ได้ให้ความสนใจกับครึ่งแรกเท่าไร อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้ยินเวลาที่ใช้ในการเดินทางแค่สองนาทีกว่าๆ เขาก็อึ้งไปในทันที
“มันใช้เวลาเท่าไรนะ?”
เขาถามออกมาทันที
“2 นาที 24 วินาทีเจ้าค่ะ ความคาดเคลื่อนนี้คงจะไม่เกิน 0.01 วินาที!”
เหวินหยากล่าว
โคตรสุดยอด!
โจวโจวอดเดาะลิ้นไม่ได้
หากปราศจากความช่วยเหลือจากพลังภายนอกเช่นค่ายกลทัพของอู๋ซินหรือไอเท็มและทักษะอื่นๆ กองทัพตะวันสาดแสงของเขาก็จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการเดินทางจากเมืองตะวันสาดแสงไปยังชายขอบของที่ราบป่าเฉา
ในทางกลับกัน ภูติทมิฬกลับใช้เวลาแค่ 2 นาทีเท่านั้น
ประสิทธิภาพนี้เพิ่มขึ้นทั้งหมด 60 เท่า!
นี่คือยานบินระดับบรอนซ์เขียวขั้นสูงงั้นเหรอ?
โจวโจวชอบมันมาก
“ออกเดินทาง!” เขากล่าว
“เจ้าค่ะ!”
ในขณะที่ยานบินออกเดินทาง โจวโจวก็อดไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงอนาคตที่สดใสของเขาในการพิชิตดินแดนภูมิภาค ซึ่งจะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าด้วยความช่วยเหลือของภูติทมิฬ
ในเวลานั้นเอง จู่ๆ เขาก็ได้รับข้อความจากทางไกล
“เจิ้งฝูกู่ไปถึงแดนต้องห้ามพายุทรายแล้วเหรอ?”
โจวโจวเลิกคิ้วขึ้น
“เหวินหยา เรียกข้าด้วยนะถ้าไปถึง ข้ามีเรื่องอื่นต้องไปทำ”
เขากล่าว
“เจ้าค่ะท่านลอร์ด!”
เหวินหยากล่าวด้วยความเคารพ
โจวโจวพยักหน้าและหลับตาลง จิตสำนึกของเขาปรากฏขึ้นอีกครั้งบนร่างของค้างคาวโลหิตที่อยู่ห่างออกไปกว่า 300 กิโลเมตร
…
ดินแดนภัยพิบัติต้องห้ามระดับบรอนซ์เขียว—แดนต้องห้ามพายุทราย!
กองคาราวาน 51 คนและรถม้า 30 คันยืนอยู่ที่ขอบของแดนต้องห้ามพายุทราย
มันคือคาราวานเร้นลับที่มีเจิ้งฝูกุ่ยเป็นผู้นำและมีนักโบราณคดีกู่โป้อยู่ด้วย
ในเวลานี้ พวกเขาต่างก็ยืนล้อมค้างคาวโลหิตตัวหนึ่งไว้ด้วยความเคารพ
พวกเขาต่างพากันเงียบเสียง และมีสีหน้าเคร่งขรึมและเคารพ
เมื่อรวมกับเสื้อผ้าที่ดูลึกลับราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว มันก็ราวกับว่าพวกเขากำลังต้อนรับการจุติของเทพเจ้าผู้ชั่วร้าย
ในไม่ช้า ค้างคาวโลหิตตัวนั้นก็ลืมตาขึ้นมองพวกเขา
“คาราวะท่านลอร์ด!”
ทุกคนกล่าวออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน
“ทำได้ดีมาก”
ค้างคาวโลหิตพยักหน้า
มันคือโจวโจวที่เพิ่งถ่ายทอดจิตสำนึกของเขามา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาควบคุมค้างคาวโลหิต ดังนั้นเขาจึงปรับตัวเข้ากับสถานะปัจจุบันได้อย่างรวดเร็ว
จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆ และสายตาของเขาก็ไปจดจ้องที่พายุทรายซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
ห่างออกไปกว่าพันเมตร
พายุทอร์นาโดสีเหลืองกำลังพัวพัน รวมตัวกัน ชนกัน และแยกออกจากกันอย่างต่อเนื่อง...
พวกมันมีจำนวนนับไม่ถ้วนเลย
เมื่อมองแวบแรก โจวโจวราวกับได้เห็นวันโลกาวินาศที่เกิดจากพายุทอร์นาโดและพายุทรายเหล่านี้
สายลมโหยหวนไม่รู้จบ!
เสียงลมที่เสียดหูและแหลมคมทำให้โจวโจวปวดแก้วหู
แม้ว่านี่จะเป็นเพียงแก้วหูของค้างคาวโลหิต แต่มันก็ยังทำให้โจวโจวตระหนักได้ว่าแดนต้องห้ามพายุทรายนั้นไม่ธรรมดาเลย
ตามที่คาดไว้จากดินแดนภัยพิบัติต้องห้าม
โจวโจวคิดกับตัวเอง
“พวกเราจะเข้าไปได้ยังไง?”
ค้างคาวโลหิตมองไปยังเจิ้งฝูกุ่ย
“ท่านลอร์ด ตามพวกเรามาได้เลย นอกจากนี้ ก่อนจะเข้าไป ข้าจำเป็นต้องปลอมตัวให้กับพวกท่านทั้งสองคนก่อน”
เสียงของเจิ้งฝูกุ่ยทุ้มต่ำ ราวกับเทพเจ้ากำลังพูดกับท้องฟ้ายามราตรี
เขาไม่ได้มีน้ำเสียงที่ใจดีเหมือนเดิมแล้ว
ค้างคาวโลหิตและกู่โป้มองหน้ากันและพยักหน้าออกมา
เจิ้งฝูกุ่ยเหยียดมือขวาของเขาที่ก่อตัวขึ้นจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและโบกมือเบาๆ ไปยังพวกเขาสองคนเมื่อเห็นเช่นนี้
จากนั้นเขาก็เห็นว่าเครื่องแบบกองคาราวานที่เหมือนกับชุดคาราวานเร้นลับค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนร่างของค้างคาวโลหิตและกู่โป้ เพียงแต่ว่าขนาดของมันต่างกันเท่านั้นเอง
“ด้วยวิธีนี้ พวกท่านก็จะไม่ต้องเป็นกังวลว่าราชาอันเดดจะสงสัยเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของพวกท่านแล้ว”
เจิ้งฝูกุ่ยหัวเราะ
โจวโจวพยักหน้ารับ
จากนั้นเจิ้งฝูกุ่ยก็นำทุกคนและกองคาราวานเข้าไปยังแดนต้องห้ามพายุทรายโดยไม่ลังเล
เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้ๆ ทุกคนก็ดูเหมือนจะผ่านกำแพงน้ำและเดินตรงเข้าไปในแดนต้องห้ามพายุทรายทันที
ใต้แดนต้องห้ามพายุทราย
ในโบราณสถานที่ทรุดโทรม
มันมีอาคารถล่มจำนวนมาก ซากศพของสิ่งมีชีวิต และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เน่าเสียมานาน
ในจำนวนนี้มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเก่าที่ชำรุดบางส่วนที่แกะสลักอยู่บนผนังสีเหลืองซึ่งสะดุดตาเป็นพิเศษ
ในเวลานี้เอง ณ กลางอากาศ
เจิ้งฝูกุ่ย โจวโจว และคนอื่นๆ ก็กำลังเดินออกมาจากระลอกคลื่นทีละคนๆ
“มันให้ความรู้สึกคล้ายกับการใช้ค่ายกลข้ามมิติ แต่ก็มีความแตกต่างอยู่เล็กน้อยด้วยเหมือนกัน”
โจวโจวคิด
“ท่านลอร์ด พวกเราใช้สิทธิ์การผ่านไม่จำกัดของคาราวานเร้นลับเพื่อเข้ามายังสถานที่แห่งนี้โดยตรง ต่อไปพวกเราต้องเดินทางผ่านค่ายกลข้ามมิติและวาร์ปไปยังใต้พื้นดิน จากนั้นพวกเราก็จะได้เจอกับสองคู่รักอันเดดแล้ว”
เจิ้งฝูกุ่ยพูดถึงค่ายกลข้ามมิติที่อยู่ไม่ไกลซึ่งกำลังเปล่งแสงสีเงินจางๆ อยู่
โจวโจวมองดูค่ายกลข้ามมิติและพยักหน้า
ในเวลานั้นเอง เขาก็เห็นกู่โป้กำลังเอนตัวพิงพนักและมองไปยังภาพจิตรกรรมฝาผนังตรงหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ
“ผู้อาวุโสกู่พบอะไรงั้นเหรอ?”
โจวโจวสลัดความคิดที่จะออกเดินทางออกไปชั่วคราวและเดินไปถามเขาข้างๆ ด้วยความสุภาพ
“ไม่ใช่การค้นพบที่ยิ่งใหญ่อะไรขอรับ แต่ข้ารู้ต้นกำเนิดของพวกมันคร่าวๆ หากว่ามีอาณาจักรอันเดดอยู่ด้านล่างจริงๆ”
กู่โป้กล่าว
“โปรดเล่ามาได้เลย”
โจวโจวสนใจ
เขาไม่ได้รีบอยู่แล้ว ดังนั้นการได้ฟังก่อนจึงไม่ได้เสียหายอะไร อย่างที่เขาบอกว่ารู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
จากนั้นกู่โป้ก็เริ่มเล่าให้โจวโจวฟัง